13 ส.ค. 2020 เวลา 23:32 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เบื้องลึกความสำคัญของ ROE
1
เราเคยได้เรียนรู้เกี่ยวกับอัตราส่วนทางการเงินมาแล้วหลายบทความนะคะ แต่สำหรับบทนี้ เราจะมาเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของ ROE กันค่ะ แล้วทำไมต้องลงรายละเอียดของ ROE ด้วย มันสำคัญยังไง เรามาดูกันเลยค่ะ
3
ROE : Return on Equity หรือ อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
มีสูตรการคำนวณคือ ROE = Net Profit/Equity
1
Net Profit คือ กำไรสุทธิ
Equity คือ ส่วนของผู้ถือหุ้น
ผลลัพธ์ที่คำนวณได้ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างผลกำไรของกิจการเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น ถ้าตัวเลขนี้สูง แปลว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรได้มาก
ธุรกิจที่มี ROE สูงมีแนวโน้มที่จะเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างเงินสดได้ดี มีผลตอบแทนของบริษัทต่อผู้ถือหุ้นที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมเดียวกัน (หากไม่ได้รับความเสี่ยงสูง)
ในความเป็นจริงกุญแจสำคัญในการลงทุนในหุ้นที่จะทำให้นักลงทุนรวยได้ มักจะเกี่ยวข้องกับการหาบริษัทที่สามารถสร้างความยั่งยืนของผลกำไรจากการลงทุนในระยะยาวและได้มาในราคาที่เหมาะสม
ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะยังเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการทำกำไรที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของนักลงทุน เพราะแสดงให้เห็นว่า บริษัทมีกำไรหลังหักภาษีที่ได้รับเมื่อเทียบกับจำนวนส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมด
ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น คำนึงถึงกำไรสะสมจากปีก่อนหน้าและถ้าถูกนำกลับมาลงทุนใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะแสดงให้เห็นว่า ROE จะทำหน้าที่เป็นตัวชี้วัดที่ดี
หุ้นที่สามารถสร้างกำไรได้สูงโดยไม่ต้องใช้ส่วนของผู้ถือหุ้นเยอะ คือหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี และควรมี ROE ไม่น้อยกว่า 15%
บริษัทจะเริ่มต้นดำเนินงานโดยการระดมทุน (Equity) เพื่อนำมาสร้างสินทรัพย์ (Asset) แล้วนำสินทรัพย์ที่ได้มาสร้างรายได้ (Revenue) อีกต่อหนึ่ง รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายก็คือกำไร (Profit) และกำไรหลังจากหักเงินปันผล (Dividend) จะถูกสะสมเข้าเรื่อยๆ เรียกว่ากำไรสะสม (Retained earnings) ส่วนนี้จะถูกทบกลับมาที่ส่วนของผู้ถือหุ้นอีกที ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเยอะขึ้น แต่ถ้าบริษัทขาดทุน ส่วนของผู้ถือหุ้นก็จะลดลง
นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ ROE สูงได้อีก ได้แก่
📌 อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin),
📌 อัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ (Asset Turnover)
📌 อัตราส่วนสินทรัพย์รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity Multiplier)
โดยสามารถแสดงเป็นสมการได้ดังนี้ค่ะ
ROE = Net Profit Margin x Asset Turnover x Equity Multiplier
1
ซึ่งมองภาพรวมที่เป็นส่วนประกอบของ ROE ได้ดังภาพข้างล่างนี้ค่ะ
บริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิสูง และมีสัดส่วนการใช้หนี้สินมาก (คือ D/E สูง) จะมี ROE สูง แต่บริษัทที่ดี ควรทำ ROE ได้สูงจากปัจจัย 2 ตัวแรก เพราะเป็นปัจจัยที่เกิดจากความสามารถของบริษัทจริงๆ (ขายของเก่ง และสร้างกำไรได้สูง)
ส่วนการก่อหนี้ ก็เป็นปัจจัยเพิ่ม ROE ได้เหมือนกัน แต่บริษัทไม่ควรมีส่วนนี้มากจนเกินไป เพราะจะทำให้กำไรสุทธิลดลงได้ จากการจ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ดังนั้นในการเลือก ROE เราควรวิเคราะห์ที่มาของ ROE อีกชั้นหนึ่งด้วยค่ะ
1
หวังว่าเมื่อทำความรู้จักกับ ROE เพิ่มขึ้นแล้ว ต่อไปนักลงทุนจะสามารถสรรหาหุ้นที่มี ROE คุณภาพ จากการดำเนินงานของบริษัทได้ดียิ่งขึ้นนะคะ
ขอให้โชคดีในการลงทุนนะคะ 😊
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
ขอบคุณทุกการไลค์ แชร์ คอมเม้นท์ และการติดตามนะคะ 😊😘

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา