20 ส.ค. 2020 เวลา 04:05 • ไลฟ์สไตล์
ช่วงเดือนก่อน ที่บีดีจะมี Challenge (ซาเล้ง) หลายรายการมาก หลายคนคงจำได้
แม่ป๋อมก็ได้กะเค้าเหมือกัน ศิริรวมที่ 4 คันตามนี้ค่ะ
ร้องเพลงเกี่ยวกับฝน .. จากวินดา
ร้องเพลงเกี่ยวกับฝนอีก .. จากคุณดา
เล่าเรื่องวัยเด็ก .. จากมดดี้
แต่งกลอนวันแม่ .. จากน้องเจ
แต่ก็ยังไม่ได้ปฏิบัติภาระกิจใด ๆ ให้สำเร็จเลย เพราะร้องเพลงและแต่งกลอน ไม่สามารถจริง ๆ ขออภัยผู้ส่งมอบซาเล้งมาให้ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ส่วนเรื่องเล่าวัยเด็ก .. ตอนได้มาขอเวลามดดี้เอาไว้ .. และหลังจากนั้นมดดี้ก็พักเขียนเพจไประยะนึง เราเลยลั้นลา เพราะคาดว่าจะไม่มีใครมาทวง.. แฮ่..
แต่อาทิตย์นี้ แม่ครัวไทย ณ บังคลาเทศได้กลับมาประจำการที่เพจของเธอแล้ว .. และแม่ป๋อมก็รู้สึกละอายใจ หากจะทำลืม ๆ ไป .. อาจเข้าหน้ามดดี้ไม่ติดว่างั้นเถอะ 😅
วันนี้เลยมาเล่าอดีตวัยเด็ก ตามที่สัญญากับมดดี้ไว้ ... ตามนี้ค่ะ
...
ครอบครัวเล็ก ๆ ของเรามีกัน 4 คน แม่ป๋อมเป็นลูกคนเล็ก มีพี่สาวที่ห่างกัน 1 ปีอีกคน
พ่อเป็นคนต่างจังหวัด และถึงแม่จะเป็นคนกรุงเทพฯ แต่ตากับยายก็ไม่มีทรัพสมบัติอะไรให้ ดังนั้นพ่อกับแม่เลยต้องเริ่มต้นครอบครัวด้วยมือเปล่า
และความที่พ่อเป็นพี่ชายคนโต ปู่ส่งมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ เมื่อจบแล้วก็ต้องดูแลน้องที่กำลังเรียนด้วย
แต่ความที่หน้าที่การงานของทั้งคู่ คือแม่เป็นครู พ่อเป็นหัวหน้าโรงงานสิ่งทอแห่งหนึ่ง .. ถือว่ามั่นคงดี ส่วนรายได้ถึงจะไม่มากนักแต่ก็เพียงพอ สำหรับภาระและค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบอยู่ตอนนั้น
แม่ป๋อมกับพี่สาว ถูกเลี้ยงมาโดยปู่กับย่า เพราะพ่อกับแม่ต้องทำงานนอกบ้านเต็มเวลา .. ปู่กับย่าย้ายเข้ากรุงเทพฯ มาดูแลเรา ตั้งแต่พี่สาวแม่ป๋อมเกิด และอยู่บ้านเดียวกันจนท่านเสียชีวิตเมื่ออายุประมาณ 90 ปีทั้งคู่
ตอนเด็ก ๆ เราไม่เห็นข้อดีของการอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวใหญ่ แต่เมื่อโตมาแล้วมองย้อนกลับไป .. พบว่าตัวแม่ป๋อมเอง ได้อะไรมากมายจากการถูกเลี้ยงมาแบบนั้น
สำคัญที่สุดที่คิดว่าตัวเองได้มา คือได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน กับคนที่มีอายุต่าง ๆ กัน .. และในสมัยนั้น เราจะถูกสอนให้เคารพผู้ใหญ่ .. คือเรียงลำดับความสำคัญจากผู้ใหญ่ลงมาสู่เด็ก ไม่ใช่เด็กก่อน ส่วนคนแก่อยู่ลำดับสุดท้าย .. ไม่อยากเทียบ แต่ก็ต้องบอกว่า .. "เหมือนในสมัยนี้"
1
ในความเห็น ณ เวลาที่แม่ป๋อมเป็นแม่แล้ว บอกตามตรงว่ายกย่องแม่ของตัวเองในวันนั้นมาก ๆ
เพราะทางเดินของครอบครัวเรา ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนในนิยายหรือเหมือนกับหลาย ๆ ครอบครัว
ถึงแม้แม่ป๋อมจะยกย่องสมาชิกทุกคน ที่ทำให้เราฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ ในบางช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ต้องยอมรับว่า ถ้าไม่ได้แม่ .. ระดับความยากของปัญหา น่าจะทวีคูณ
อ้าว... กลายเป็นว่าจะลากยาวไปเล่าเรื่องครอบครัว หลุดประเด็นวัยเด็กไปซะงั้น ..
แต่ถึงแบบนั้น ก็ขอพูดสั้น ๆ ถึงแม่ก่อนจะวกมาวัยเด็กว่า ..
ถ้าใครได้รู้จัก จะรักแม่กันทุกคน .. เพราะแม่เป็นผู้หญิงมากความสามารถ ไม่นับความสวย และความคิดหลายมุมมอง ที่ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแม่เองและมีเส่นห์ทันกับยุคสมัยเสมอ
ตอนเป็นเด็ก แม่ป๋อมจำได้ว่าไม่ได้รักแม่เท่านี้แต่ยิ่งโต ยิ่งรู้สึกรักแม่ .. แม่ก็คงรู้ เพราะทั้งบอกรักและทำหลายอย่างให้แม่รู้ว่าป๋อมรักแม่ ... ถ้าแม่อ่านอยู่ค่ะ
เคยเขียนถึงแม่ในมุมต่าง ๆ ลงเฟซบุ๊คไว้ แต่ไม่เคยเขียนชื่นชม เรื่องที่แม่ป๋อมได้รับจากแม่มาเต็ม ๆ ในมุมของความเป็นแม่และภรรยาที่แม่สอน และปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่าง .. เอาไว้โอกาสหน้าจะบันทึกไว้ ... เพื่อแม่โดยเฉพาะ
ส่วนพ่อก็เขียนชื่นชมไว้ในหลาย ๆ โอกาส ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่พ่อให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจ สองอย่างนี้แม่ป๋อมก็ได้รับจากพ่อมาเต็ม ๆ เหมือนกัน .. บันทึกเก่าบันทึกนึงเคยลงไว้ที่บีดีแล้ว .. เผื่อใครสนใจตามไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ
โพสต์นี้เริ่มยาว .. ขอถือเป็นโพสต์เกริ่นก่อนเข้าเรื่องเล่าวัยเด็กก็แล้วกันนะคะ .. โพสต์หน้าจะเป็นโพสต์จริงแล้ว .. คาดว่าจะลงต่อกันได้ในวันพรุ่งนี้เลย
สำหรับโพสต์นี้ค้างไว้แค่นี้ ..
ขอบคุณอีกทีสำหรับทั้งสี่ท่าน ที่ให้เกียรติแม่ป๋อม เข็นซาเล้งมาให้ .. ขออภัยที่ไม่สามารถทำภาระกิจอีกสองภาระกิจได้ .. ทั้งร้องเพลงและแต่งกลอน คือไม่ไหวจริง ๆ อย่างที่บอกไป .. แฮ่
ส่วนรูปประกอบ .. คงดูออก ว่าคือแม่ป๋อมกับปุญ ณ วัยใกล้กัน ประมาณ 2-3 ขวบทั้งคู่ .. น่ารักดี ... คิดเหมือนกันมั้ยคะ.. 😊
..
ป.ล. ตอนสองมาแล้ว.. อยู่นี่นะคะ
โฆษณา