7 ก.ย. 2020 เวลา 04:38 • ความคิดเห็น
แชร์ประสบการณ์เปลี่ยนงานในวัยดึก
ช่วงปีที่ผ่านมามีเรื่องราวที่เข้ามาในชีวิตผมมากมาย แต่ปีนี้มี Head hunter ติดต่อผมมา 2 ที่ ด้วยวัยที่ใกล้เลข 5 เข้าไปทุกวัน ผมมองว่าโอกาสแบบนี้อาจหาไม่ได้อีกแล้ว จึงเปิดรับข้อเสนอของทั้งสองรายไว้ และสุดท้ายตกลงได้เริ่มงานใหม่กับรายที่ 2
pexels.com
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดจากผมได้เข้าไปเพิ่มข้อมูลหลายอย่างใน linkedin.com แต่สิ่งที่ผมคิดว่ามีส่วนสำคัญค่อนข้างมากอย่างหนึ่ง คือการที่เราสามารถลง Skills ในโปรไฟล์ของเราได้ หลังจากนั้นหลาย skill ก็มีแบบทดสอบให้เราสามารถทำแบบทดสอบออนไลน์ได้ ตัวอย่างเช่น งานที่ผมทำประจำต้องใช้โปรแกรม AutoCAD เผื่อช่วยเขียนแบบ เมื่อเราทดสอบผ่าน จะมีเครื่องหมายถูก เหมือนเป็นการรับรองว่าเรามี skill นี้จริง
ตัวอย่างข้อสอบและผลเมื่อทำเสร็จ
นอกจากนี้เพื่อนที่อยู่ใน Network ของเรายังสามารถมารับรอง skill ของเราได้ด้วย แต่ในที่นี้คงไม่กล่าวถึง แต่สิ่งที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์มาก 2 เรื่องจากโปรแกรมนี้ในด้านการหางานใหม่ หรือการจะพัฒนาตนเอง ก็คือ มีบทเรียนออนไลน์ค่อนข้างมากและมีประโยชน์ แต่ยอมรับตามตรงว่าบางอย่างสนใจแต่ยังไม่เรียนไม่จบ ตั้งใจว่าช่วงระหว่างที่ไม่ต้องทำงานที่ปัจจุบัน กับระหว่างการไปเริ่มทำที่ใหม่ ราวๆ 1 สัปดาห์จะมาทบทวน
อีกเรื่องที่ผมได้ลองใช้งานคือเวอร์ชั่นเสียเงินของ linkedin กับฟีเจอร์ที่มีให้ผมว่าคุ้มค่า โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานด้าน Recruitment เพราะจะสามารถเข้าถึงรายละเอียดเชิงลึกได้มากกว่าเวอร์ชั่นฟรี จากการได้ใช้มีข้อมูลว่า ตำแหน่งที่เราสนใจนี้มีผู้ที่สมัครกี่ราย เรามีคุณสมบัติที่ตรงกับตำแหน่งงานนี้มากน้อยเพียงใด
ผมลองวิเคราะห์ว่าสิ่งที่ทำให้ผมมีความได้เปรียบกว่าผู้สมัครรายอื่นที่เป็นคู่แข่ง อาจเป็นเรื่องโปรไฟล์การทำงานที่ผ่านมา รวมกับการที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษระดับสื่อสารได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สะสมไว้หลายปีแล้ว จากการที่ได้มีโอกาสทำงานกับคนต่างชาติตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ ซึ่งบริษัทได้ซื้อเรือขุดจากต่างประเทศ มาเพื่อทำงานโครงการใหญ่ที่ปัตตานี้ จึงจำเป็นต้องจ้างผู้เชียวชาญที่เป็น Manager 1 คน กับ Operator ประจำเรืออีก 2 คน
ในฐานะที่เป็นเด็กที่เพิ่งจบใหม่ ผมจึงโดนรุ่นพี่บังคับให้ไปคุยกับ 3 คนนี้ซึ่งเป็นชาวกรีกประจำ โดยเฉพาะ Manager ต้องคุยทุกวัน ช่วงแรกก็รู้สึกว่า "ทำไมต้องเป็นตู" แต่ผ่านได้สักพัก สิ่งที่ผมได้กับตัวเอง นอกจากสามารถสื่อสารได้คล่องแคล่วกว่าเดิมมาก คือสิ่งที่ 1 ใน 3 ชาวต่างชาติ ได้คุยกับผม โดยใช้ศัทพ์ว่า "No possible" ทั้งๆ ที่ควรจะเป็น "Impossible"
ผมเคยถาม Yani ที่สนิทกันที่สุดใน 3 คนว่า ทำไมไม่พูดว่า Impossible คำตอบจาก Yani บอกว่า ภาษาเอาไว้สื่อสาร ถ้ายูเข้าใจก็ใช้ได้แล้ว ถ้าจะไปทำเอกสารก็ไปเรียนเพื่อเขียนให้มันถูกต้อง หลังจากวันนั้นความรู้สึกว่าการคุยกับคนต่างชาติว่ายากเย็นแสนเข็ญก็แทบหมดจากผมไปเลย ซึ่งการที่ผมสามารถผ่านด่านการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษจากที่ทำงานใหม่ น่าจะมาจากจุดเริ่มต้นนี้เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
ผมจึงคิดว่าการที่ผมได้มีโอกาสใหม่ในชีวิต ซึ่งเคยคุยกับหลายคนบอกว่า โชคดีนะที่สามารถทำงานที่นี่ได้
ตัวผมเองกลับคิดว่า
"คนโชคดีคือคนที่พร้อม เมื่อโอกาสมาถึง"
โฆษณา