บทวิเคราะห์: กระแสการแบนมู่หลาน ไม่กระเทือนอะไร Disney !
ช่วงนี้มีประเด็นเรื่องการบอยคอตหนังเรื่อง Mulan ของ Disney กันไปตามๆกันทั่วเอเชียตะวันออก ทั้งในฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น และแม้แต่ในไทยเองก็ตาม โดยมีตัวตั้งตัวตีคนสำคัญคือ Joshua Wong ส่วนในไทยก็มีเนติวิทย์ออกมาถือป้ายรณรงค์
โดยต้นเรื่องนั้นมาจากกรณีที่ดาราหญิง Liu Yifei นางเอกของเรื่องได้โพสต์ข้อความบน Weibo ว่าตัวเธอนั้นสนับสนุนการกระทำ และการจัดการม็อบของตำรวจฮ่องกง เมื่อปี 2019 (ซึ่งนั่นทำให้มีการตีความสารของเธอว่าเธอสนับสนุนการใช้ความรุนแรงต่อผู้ประท้วงชาวฮ่องกง)
ก็เลยพัฒนาขึ้นมาเป็นกระแสในการบอยคอตหนัง Mulan และตัวดารา Liu Yifei จริงๆประเด็นนี้ไม่ใช่มีแค่ Liu Yifei เท่านั้นที่โดนจุดกระแสบอยคอต แต่ตัว Donnie Yen นักแสดงที่รับบทแม่ทัพของค่ายที่มู่หลานไปประจำการอยู่เองก็โดน Joshua Wong จุดกระแสต่อต้านเช่นกัน
ทาง Joshua Wong นั้นอ้างว่า Donnie Yen เคยทำ Blackface หรือทาหน้าให้เป็นสีดำ เลียนแบบ ล้อเลียนคนผิวดำมาก่อน ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่เหยียดเพศ จึงควรมีการแบน และบอยคอตผลงานของดาราเหล่านี้
วงการ Hollywood ในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมานี้เริ่มมีการขยายตลาดและฐานลูกค้าออกมานอกสหรัฐอเมริกาเยอะมาก และหนึ่งในตลาดที่ค่ายหนังภายใน Hollywood นั้นพยายามจะเจาะมากที่สุดก็คือ ตลาดที่ประเทศจีน
จะสังเกตได้ว่าในช่วงหลายปีนี้มีหนัง Hollywood ที่เน้นทำออกมาขายให้ประเทศจีน และคนจีนมากขึ้นเรื่อยๆ ใครที่เป็นแฟนๆหนัง Hollywood คงน่าจะเคยได้ยินผ่านๆหูกันมาบ้าง ถึงกรณีที่ค่ายหนังใน Hollywood เริ่มมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหา
ตลาดจีนภายในอุตสาหกรรมหนังของ Hollywood จึงกลายมาเป็นหมุดหมายแห่งใหม่ที่ใครๆก็อยากจะโดดเข้าไปมีบทบาทในการเล่น เพราะถึงประเทศจีนจะยังมีหลายเมืองทางตะวันตก ที่ผู้คนยังยากจนกันอยู่
สภาพพื้นฐานและแนวโน้มความเป็นไปได้หลังจากนี้ คงจะได้เห็นวงการ Hollywood ต้องพึ่งพาตลาดจีนไปอยู่อีกพักใหญ่ๆ ผมไม่คิดว่าค่ายหนังอย่าง Disney จะสนใจกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ และการบอยคอตหนังเรื่อง Mulan แต่อย่างใด
เพราะกระแสภายในจีนนั้นค่อนข้างสวนทางกับกระแสที่ฮ่องกง คนจีนจำนวนมากพอเห็น Joshua Wong โพสต์ข้อความชักชวนให้แบนหนัง Mulan ก็เกิดอาการรักชาติ ชาตินิยมพยายามช่วยจุดกระแสแทงสวน Joshua Wong
ด้วยการรณรงค์ให้คนภายในประเทศจีนหันไปช่วยกันอุดหนุนหนังที่ Liu Yifei แสดงกันยกใหญ่ โดยไม่สนใจคำกล่าวหาของ Joshua Wong และพรรคพวกที่เปิดหน้าวิจารณ์ Liu Yifei ว่าเป็นพวกไม่เคารพหลักสิทธิมนุษยชน
และก็คงเป็นแบบเดียวกันกับค่ายหนังค่ายอื่นๆภายใน Hollywood ที่หลังจากนี้คงจะได้เห็นการปรับตัวเอนเอียงเข้าไปหาสังคม และลูกค้าชาวจีนมากยิ่งขึ้น เพื่อขยายฐานแฟนคลับ (อย่างน้อยๆก็ในช่วง 2-3 ปีให้หลังจากนี้ เพราะดูทรงแล้วอุตสาหกรรมโรงหนังของจีนน่าจะฟื้นตัวได้ก่อนใครเพื่อน)
ถึงแบนหนังเรื่อง Mulan ครั้งนี้ไป เดี๋ยวพวกค่ายหนังใน Hollywood ในอนาคตก็ทำหนัง หรือนำนักแสดงที่มีลักษณะ ทัศนคติคล้ายๆกันกับ Yifei นี้ออกมาฉายกันอีกเรื่อยๆ แค่การประท้วงของคนฮ่องกง ไต้หวัน หรือในไทย ในทางปฏิบัติแล้วไม่น่าจะทำให้ Disney และวงการ Hollywood เจ็บเสียหายถึงขั้นต้องเปลี่ยนแนวทางง่ายๆหรอกครับ
** ใครเป็นแฟนหนังมาก่อน น่าจะทราบกันดีว่าไม่ได้มีแต่ค่าย Disney เท่านั้นที่ทำหนังเอาใจประเทศจีน และรัฐบาลจีน แต่ยังมีอีกหลายค่าย หลายผู้กำกับที่พยายามจะทำเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดภายในจีนเพื่อที่จะเรียกเงินจากลูกค้าชาวจีน ใครสนใจเรื่องอุตสาหกรรมหนัง Hollywood และความสัมพันธ์ที่มีต่อจีนนี้สามารถไปหาอ่านเพิ่มเติมได้จากนิตยสาร The Economist ฉบับสุดท้ายของเดือนสิงหาคมก็ได้ มีรายละเอียดปลีกย่อยให้อ่านอยู่ครับ