8 ก.ย. 2020 เวลา 10:34 • ความงาม
จับตาการเอาตัวรอดของอุตสาหกรรมความงามในยุคที่ต้องอยู่กับโควิด-19
NPD ซึ่งเป็นกลุ่มที่วิจัยตลาดและแนวโน้มของผู้บริโภคในตลาดโลก รายงานว่าแบรนด์เครื่องสำอางดังๆ จำนวนมากมียอดขายลดลง 37% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากผลการศึกษาของผู้หญิง 71% ที่บอกว่าพวกเธอแต่งหน้าน้อยลงมาก
เกินครึ่งปีแล้วที่ชาวโลกต้องเผชิญกับโรคโควิด-19 ที่ปัจจุบันยังคงส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในทุกๆ มิติ จากข้อมูลของ McKinsey Consulting มีการเปิดเผยว่ายอดขายของอุตสาหกรรมความงามนั้นลดลงถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบตัวเลขแบบรายปี และยังมีการคาดการณ์เอาไว้อีกว่ารายรับทั่วโลกในตลาดความงามนั้นจะลดลงถึง 30% ในช่วงปี 2020 เป็นผลให้อุตสาหกรรมความงามต้องปรับกลยุทธ์เพื่อเอาตัวรอด ในขณะที่ผู้บริโภคเองก็ต้องปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อให้เกิดผลกระทบแง่ลบน้อยที่สุดเช่นกัน
หากยังจำกันได้ ในช่วงพีกของโรคโควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคแบบฉุดไม่อยู่ ร้านเสริมสวย ธุรกิจสปาและเวลเนสต่างๆ ถูกสั่งปิดชั่วคราว ทำให้ยอดขายของแบรนด์ความงามต่างๆ หยุดชะงัก ในช่วงแรกจึงได้เห็นบริษัทใหญ่ๆ เช่น Estée Lauder หรือ L’Oreal หยุดผลิตเครื่องสำอางชั่วคราวเพื่อหันมาผลิตเจลแอลกอฮอล์เพื่อการบริจาคให้กับโรงพยาบาลและแพทย์ผู้เป็นด่านหน้าในการรับมือกับโควิด-19 และต่อมาแบรนด์เล็กแบรนด์น้อยต่างๆ ก็เริ่มปรับแผนมาผลิตเจลแอลกอฮอล์จำหน่าย เช่นกันกับแบรนด์ความงามในไทยอย่าง Divana, Panpuri และ Harnn ที่เน้นผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อทำความสะอาดมือและป้องกันเชื้อโรค ซึ่งดึงรายได้บางส่วนเข้ามาให้กับแบรนด์ได้เช่นกัน
ไม่เพียงแต่อุตสาหรรมความงามเท่านั้นที่ต้องปรับตัว ผู้บริโภคก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าโควิด-19 จะส่งผลกระทบที่รุนแรงและยื้อเวลาออกไปนานขนาดไหน ตัวเลขคนว่างงานในแต่ละประเทศพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งประเทศไทยด้วยเช่นกัน ทำให้อำนาจการจับจ่ายซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น สกินแคร์ หรือเครื่องสำอางสำหรับแต่งเติมความสวยนั้นถูกจัดลำดับความสำคัญใหม่ และในยุคที่ชีวิตจำเป็นต้องยอมรับไปโดยปริยายว่าการสวมใส่หน้ากากอนามัยนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้โรคโควิด-19 จะค้นพบวัคซีนที่ป้องกันได้ในอนาคต แต่เชื่อว่าการสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคอื่นๆ ก็จะยังอยู่ในวิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่เป็นเรื่องปกติ ทำให้ผู้หญิงกังวลเรื่องการแต่งหน้าน้อยลง แทนที่จะซื้อเครื่องสำอางก็หันมาซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและอาหารเสริมต่างๆ เพื่อป้องกันและเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงมากกว่า
วัดได้จากตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของ Estée Lauder มีรายงานว่ายอดขายผลิตภัณฑ์ที่ถีบตัวสูงขึ้นในอัตรา 1 ใน 4 ของยอดขายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดคือกลุ่มสินค้าสกินแคร์ ในขณะที่ตัวเลขยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางลดลงกว่า 50% จากยอดขายเดิม แม้จะมีการปรับแผนเชิงรุกผ่านช่องทางการขายออนไลน์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปจากตอนที่ปิดร้านในช่วงโควิด-19 นี่เป็นการสะท้อนให้เห็นภาพของอุตสาหกรรมความงามในช่วง 6 เดือนแรกของปีว่าในวงการนี้ยังต้องรวบรวมเรี่ยวแรงในการก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้
นอกจากนี้ NPD ซึ่งเป็นกลุ่มที่วิจัยตลาดและแนวโน้มของผู้บริโภคในตลาดโลก รายงานว่าแบรนด์เครื่องสำอางดังๆ จำนวนมากมียอดขายลดลง 37% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากผลการศึกษาของผู้หญิง 71% ที่บอกว่าพวกเธอแต่งหน้าน้อยลงมาก ด้วยไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ต้องรับมือกับโควิด-19 แทนที่จะให้ความสำคัญกับเครื่องสำอางเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้พวกเธอหันมาใส่ใจเรื่องความงามจากภายในสู่ภายนอกมากกว่า ซึ่งดูเหมือนว่าไลฟ์สไตล์นี้จะเป็นเหมือนกันทั่วโลก
มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างต้องยอมรับและปรับตัวไปตามสถานการณ์ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมความงาม แบรนด์ต่างๆ หรือแม้แต่ตัวของผู้บริโภคเองก็ตาม THE STANDARD POP เองก็ได้แต่หวังว่าทุกภาคส่วนจะก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันได้อย่างราบรื่น
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
เรื่อง: ภูริตา บุญล้อม
โฆษณา