13 ก.ย. 2020 เวลา 04:04 • กีฬา
เจาะลึก ศึกแชมป์ชนแชมป์
Champ vs Champ
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้วในค่ำคืนที่ผ่านมา และสำหรับแชมป์เก่าลิเวอร์พูลก็สามารถเก็บ 3 คะแนนแรกได้สำเร็จชนิดที่เรียกว่าหืดขึ้นคอเลยทีเดียว
ลิเวอร์พูลลงเล่นในสนามตัวเองต้อนรับทีมน้องใหม่แชมป์ลีกแชมเปียนชิพฤดูกาลที่ผ่านมาอย่าง เจ้ายูงทอง ลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งผลการแข่งขันจบที่ชัยชนะของลิเวอร์พูลชนิดสุดมัน 4-3
เกมเรื่มต้นด้วยความตื่นเต้น ทั้งสองทีมมีสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกันคือการบีบเพรซซิ่งสูงและเร็วของแดนกลาง รวมไปถึงการเล่นเกมรุกกลับด้วยความเร็ว
และเกมน่าจะดูว่าเข้าทางของแชมป์ลีกสูงสุดเมื่อสามารถขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 4 จากลูกจุดโทษของ บังโม โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ แต่ทว่าไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อ แจ็ค แฮร์ริสัน ตามตีเสมอได้ทันควันในอีก 8 นาทีให้หลัง
photo : getty image
หงส์แดงเร่งเกมและสามารถขึ้นนำได้อีกครั้งจากเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ในนาทีที่ 20 ทว่าลีดส์ยังคงฮึดไล่ตามตีเสมอได้อีกครั้งจาก แพทริค แบใฟอร์ด ก่อนที่ โม ซสล่าห์ จะยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำอีกครั้ง และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 3-2
ครึ้งหลังลีดส์ยังคงมาแบบเปิดหน้าแลก ทั้งคู่ไล่บี้กันอย่างเมามัน ก่อนที่ลีดส์จะตามจีเสมอได้อีกครั้ง 3-3 จากลูกยิงของ มาเตอุช กลิค ก่อนที่ท้ายสุดลิเวอร์พูลจะได้จุดโทษอีกครั้ง และซาล่าห์จัดการเสียบมุมเข้าไปเป็นประตูชัยให้กับลิเวอร์พูลในเกมนี้
ลิเวอร์พูลยังคงรักษาสถิติไม่แพ้ใครที่แอนฟิลด์ไว้ได้เป็นนัดที่ 60 ติดต่อกัน แต่เกมนี้กว่าจะเก็บชัยได้นั้นไม่ง่ายเลยทีเดียว
หงส์แดงครองบอลได้เพียง 48% ตลอดทั้งเกม สร้างโอกาสยิงได้ 22 ครั้ง ตรงกรอบ 6 ครั้ง เปลี่ยนเป็น 4 ประตู ในขณะที่เจ้ายูงทองนั้นครองบอลได้มากกว่าที่ 52% สร้างโอกาสยิง 6 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง และเป็นประตูทั้ง 3 ครั้ง
เกมรับของลิเวอร์พูลดูหละหลวมอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเทรนด์ อเล็ซานเดอร์ อาร์โนลด์, โจ โกเมส และเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จะมีก็เพียง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองเอาไว้ได้
โดยเฉพาะปราการหลังค่าตัวสถิติโลกอย่างเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ซึ้งสกัดบอลพลาดง่ายๆไปเข้าทาง แพทริค แบมฟอร์ด ก่อนยิงสวนตัวอลิสสันเข้าประตูไปเป็นประตูตีเสมอ 2-2 ให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด
picture : getty image
ขยับมาที่แดนกลาง ถึงแม้เกมนี้จะเล่นในบ้านแต่เกมในแดนกลางของลิเวอร์พูลเรียกได้ว่า "พ่ายแพ้" ชัดเจน ทั้งการครองบอล การบีบเพรซซิ่ง และการสร้างสรรค์เกม ถือว่า ลีดส์ ทำได้ดีกว่า โดยเฉพาะ แจ็ค แฮร์ริสัน และ แคลวิน ฟิลลิปส์ ซึ่งถือว่าเล่นได้โดเด่นมาก
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะในเรื่องสภาพร่างกายและความฟิตซึ่งเห็นได้ชัดว่านักเตะแดนกลางของลิเวอร์พูลดู "กรอบ" ผิดกับทางฝั่งของทีมเยือนที่ดูสดกว่า และที่สำคัญ บิเอลซา จัดมิดฟิลด์ลงแดนกลางถึง 5 คน จึงทำให้เกมนี้แดนกลางตกเป็นของ ลีดส์ ยูไนเต็ด อย่างสิ้นเชิง
ขยับไปที่เกมรุกกันบ้าง จากการที่ลีดส์ใส่มิดฟิลด์ 5 คน ทำให้แดนหน้ามี แพทริค แบมฟอร์ด ยืนค้ำอยู่คนเดียว จึงทำให้ลีดส์ซึ่งครองพื้นที่ในแดนกลางได้มากกว่าแต่กลับสร้างโอกาสทำประตูได้ไม่มากนัก ซึ่งเกมนี้ ลีดส์ ก็ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการทำประตู ซึ้งพวกเขาใช้โอกาสไม่เปลืองเลย
กลับกันด้านแชมป์เก่า เกมรุกยังคงอาศัย 3 ประสานแนวรุกเหมือนเดิม และยังคงทำได้ติดๆขัดๆ ไม่ราบรื่นเหมือนในซีซันที่ผ่านมา ซึ่งเกมนี้ลิเวอร์พูลทำได้ 4 ประตูก็จริง แต่ทว่า 3 ประตูนั้นมาจากการเล่นลูกตั้งเตะ มีประตูจากการเล่นโอเพ่น เพลย์ เพียงประตูเดียวเท่านั้น
picture : getty image
บทสรุปจากเกมนี้ เราได้เห็นการเปิดตัวที่ดีของ บิเอลซ่า และ ลีดส์ ยูไนเต็ด พวกเค้าท้าชนทุกทีมในลีกสูงสุดนี้ได้อย่างสนุกแน่นอน และเป้าหมายของพวกเค้าไม่ใช่เพียงแค่อยู่รอดเป็นแน่ ด้านแชมป์เก่า ด้วยเม็ดเงินที่จำกัดและแนวทางการปลุกปั้นตัวผู้เล่นที่มีของคล็อปป์ พวกเค้ายังมีอีกหลายส่วนที่ต้องปรับจูน และตอกย้ำความต้องการของแฟนๆอีกครั้งที่จะให้ทีมรักกระชากคว้าตัวชายที่ชื่อ "ติอาโก้ อัลคันทาร่า" มาร่วมทีมให้จงได้
นักเกรียน
โฆษณา