21 ก.ย. 2020 เวลา 15:53 • ไลฟ์สไตล์
อุณหภูมิการเก็บและเสิร์ฟไวน์
หลายท่านคงเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับตัวเองที่ว่า เมื่อซื้อไวน์มาจากร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน หรือมีเพื่อนนำไวน์มาให้เป็นของขวัญ แล้วยังไม่มีแผนที่จะเปิดดื่มในตอนนี้ แต่ต้องการที่จะเก็บไว้ดื่มในโอกาสพิเศษ วันสำคัญต่างๆ แล้วเกิดความสงสัยว่าจะเก็บไวน์อย่างไรให้เหมาะสมและถูกวิธี เพื่อให้ไวน์ไม่เสีย แล้วจะเก็บไปได้นานเท่าใด วันนี้เรามาหาคำตอบกันครับ
การเก็บไวน์ไว้ได้อย่างปลอดภัย จนถึงวันที่คุณพร้อมที่จะเปิดดื่มนั้น มีหลายสิ่งที่คุณควรรู้ ดังต่อไปนี้
1.อย่าเก็บไว้นาน
ไวน์ส่วนใหญ่ มากกว่า 90% ควรจะเปิดดื่มภายใน 3-4 ปี หลังจากที่ผู้ผลิตนำมาวางจำหน่าย และส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถเก็บไว้ได้นานหลายสิบปี
2.เก็บไว้ในที่เย็น
ความร้อนเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของไวน์เลยก็ว่าได้ อุณหภูมิที่มากกว่า 21 องศาเซลเซียส จะทำให้ไวน์เสียคุณภาพ กลิ่นและรสชาติจะเสียไป อุณหภูมิที่ดีที่สุดสำหรับเก็บไวน์คือประมาณ 12-15 องศาเซลเซียส
- หากเก็บไวน์ไว้ในอุณหภูมิที่เย็นเกินไป จะทำให้กลิ่น (aroma) ของไวน์หายหรือจางไป รวมไปถึงรสชาติก็จะไม่ซับซ้อนเหมือนเดิม หากคุณเสิร์ฟไวน์แล้วพบว่าเย็นเกินไป ให้คุณใช้มือทั้ง 2 ข้างของคุณมาจับไว้ที่ข้างแก้วไวน์ ความร้อนจากมือของคุณจะช่วยทำให้ไวน์อุ่นขึ้น
- หากเก็บไวน์ไว้ในอุณหภูมิที่อุ่นเกินไป จะทำให้ไวน์มีกลิ่นฉุน จากแอลกอฮอล์ที่ระเหยออกมามากขึ้น จนอาจทำให้คุณแสบจมูกได้ หากคุณเสิร์ฟไวน์แล้วพบว่าอุ่นเกินไป ให้คุณนำไวน์ไปแช่เย็นไว้ก่อนที่จะดื่ม 15 นาที จะช่วยทำให้รสชาติดีขึ้นได้บ้าง
3.อุณหภูมิคงที่
สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าอุณหภูมิที่เหมาะสม คือ อุณหภูมิที่เย็นคงที่ ไม่แกว่งไปแกว่งมา แต่หากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น 1-2 องศา ก็ไม่ต้องกังวลมากครับ
4.หลีกเลี่ยงแสง
แสง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แสงอาทิตย์ เป็นอันตรายต่อไวน์ เพราะ รังสี UV ทำให้ไวน์เสื่อมสภาพได้ นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ขวดไวน์มีสีทึบ ส่วนแสงไฟในบ้านของคุณมีผลน้อยกับคุณภาพของไวน์ แต่เมื่อถูกแสงไฟเป็นเวลานาน อาจทำให้ฉลากไวน์จางลงได้
5.ความชื้น
เป็นที่กล่าวกันต่อๆมาว่า ไวน์ควรเก็บอยู่ในที่ ที่มีความชื้นประมาณ 70% หากความชื้นน้อยไปจะทำให้จุกคอร์กแห้งและหดตัว ทำให้ oxygen จากภายนอกเข้ามาในขวดไวน์ได้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้น ความชื้นดังกล่าวแทบจะไม่มีผลกับไวน์ของคุณเลย หากคุณไม่ได้เก็บไวน์ไว้นานเกิน 6 เดือน ส่วนความชื้นที่มากไปจะทำให้มีเชื้อราเกิดขึ้นได้ และมักพบเชื้อราบริเวณฉลากไวน์ แต่จะไม่พบในขวดไวน์ หากมีการปิดซีลฝาอย่างเหมาะสม
6.หลีกเลี่ยงการสั่นสะเทือน
แรงสั่นสะเทือนมากๆเป็นเวลานาน จะไปเร่งกระบวนการบ่มในขวดไวน์ ทำให้ไวน์สุกจนเกินไป จนทำให้บูดและเสียเร็ว แต่หากเป็นแรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยก็ไม่ต้องกังวลครับ ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อไวน์มากนัก
7.การวางขวด
ตามทฤษฎีแล้ว คุณควรที่จะวางขวดไวน์ในแนวนอน หากไวน์ขวดนั้นถูกปิดด้วยจุกคอร์ก เพื่อให้ไม้คอร์กสัมผัสกับไวน์ตลอดเวลา ไม้คอร์กจะชุ่มชื้น ไม่แห้ง เพราะหากไม้คอร์กแห้ง จะหดตัวลง ทำให้อากาศจากภายนอกเข้าสู่ภายในขวดได้ และทำให้ไวน์เสื่อมสภาพและเสีย แต่จะไม่มีความจำเป็นเลย หากคุณตั้งใจที่จะเปิดดื่มในอีกไม่นานนี้ หรือไวน์ของคุณถูกปิดด้วยฝาเกลียว ฝาแก้ว หรือฝาพลาสติก เพราะฝาดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันอากาศผ่านได้เป็นอย่างดี
8.อุณหภูมิขณะเสิร์ฟ
โดยทั่วไป ไวน์ขาว ไวน์โรเซ่ และ สปาร์คกลิ้งไวน์ จะถูกเสิร์ฟในอุณหภูมิที่เย็น(chilled) ส่วนไวน์แดงจะถูกเสิร์ฟในอุณหภูมิที่เย็นเล็กน้อย(lightly chilled) หรือที่อุณหภูมิห้องก็ได้ แนะนำให้เสิร์ฟไวน์ตามอุณหภูมิดังต่อไปนี้
- Sparkling wine, Light white: 3-7 C
- Full white, Rosé wine : 7-13 C
- Light red, Medium red : 13-16 C
- Medium red, Full red : 16-20 C (room temperature)
แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล หากคุณชอบที่จะดื่มไวน์ในอุณหภูมิที่แตกต่างจากนี้ ก็ไม่ว่ากันครับ
9.การเก็บไวน์หลังเปิดดื่มแล้ว
หากคุณเปิดขวดไวน์แล้วดื่มไม่หมด จะเก็บไว้ดื่มต่อวันต่อๆไป ขอแนะนำให้คุณปิดฝาไวน์ด้วย จุกปิดสุญญากาศ (vacuum cap) หลักการของจุกนี้ คือ จะไล่อากาศ(oxygen) ออกจากขวดไวน์ ป้องกันไม่ให้ไวน์ทำปฏิกิริยากับ oxygen แล้วเสื่อมสภาพ
จากนั้นให้นำไปแช่ในตู้แช่ไวน์ ที่อุณหภูมิ 10-13 องศาเซลเซียส แต่หากคุณไม่มีตู้แช่ไวน์ ก็สามารถแช่ไว้ในตู้เย็นได้ แต่เมื่อนำมาเสิร์ฟ ให้วางให้อุ่นลงก่อน ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งการเก็บด้วยวิธีเหล่านี้จะทำให้สามารถเก็บไวน์ไว้ได้นานขึ้น โดย
- สปาร์คกลิ้งไวน์ เก็บได้ต่อ 1-3 วัน
- ไวน์ขาว เก็บได้ต่อ 3 วัน - 1 สัปดาห์
- ไวน์โรเซ่ เก็บได้ต่อ 1 สัปดาห์
- ไวน์แดง เก็บได้ต่อ 3-5 วัน
- ไวน์หวาน เก็บได้ต่อ 1 เดือน
อีกวิธีที่จะช่วยให้เก็บไวน์ได้นานมากขึ้น คือ Coravin เป็นเครื่องมือที่ใช้เข็มโลหะปักผ่านจุกคอร์กเข้าไป แล้วปล่อยก๊าซอาร์กอน เติมเข้าไปแทน oxygen ในขวดไวน์ ทำให้คุณสามารถเทไวน์ออกมาได้โดยไม่ต้องเปิดขวด ทำให้สามารถเก็บไวน์ต่อได้ไปอีกหลายปีโดยไม่เสียรสชาติ โดยราคาเครื่องอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นบาทขึ้นไป และต้องซื้อก๊าซอาร์กอนมาเติมอยู่เรื่อยๆ จึงเหมาะสำหรับไว้ใช้กับไวน์ที่มีราคาแพงมากๆและคุณอยากค่อยๆดื่มไปนานๆ
ท้ายที่สุดแล้ว หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบการดื่มไวน์ ซื้อไวน์มาดื่มทีละหลายๆขวด หรือเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีคนนำไวน์มาให้อยู่เสมอ แล้วไม่อยากกังวลว่าไวน์ของคุณจะเสียหรือไม่ ขอแนะนำให้คุณซื้อตู้แช่ไวน์มาใช้ซักตู้ เหตุผลคือตู้แช่ไวน์สามารถตอบโจทย์ได้ในทุกข้อข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น การเก็บไว้ในที่เย็น 12-15 C อุณหภูมิคงที่ ป้องกันแสง ความชื้นพอเหมาะ หลีกเลี่ยงการสั่นสะเทือน การวางขวดในแนวนอน และอุณหภูมิเสิร์ฟที่เหมาะสม โดยที่ปัจจุบันนี้ ตู้แช่ไวน์มีราคาถูกลงมาก คุณสามารถหาซื้อได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 3 พันกว่าบาทเท่านั้น ซึ่งไม่ได้แพงไปกว่าไวน์ขวดที่คุณดื่มอยู่มากนัก และจะเป็นผลดีกับไวน์ของคุณ และช่วยเพิ่มอรรถรสในการดื่มไวน์ได้เป็นอย่างดี
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เรื่องของไวน์ยังมีอะไรที่สนุกอีกมากครับ หวังว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้ไม่มากก็น้อย
โปรดติดตาม เกร็ดความรู้เรื่องไวน์ ไปกับ Wine story ในบทความหน้า
แล้วพบกันครับ
Wine story by Dr.Art
Reference
Ian Harris. ‪An introduction to wine‬. Wine & Spirit Education Trust. London; 2017.
โฆษณา