24 ต.ค. 2020 เวลา 13:46 • ปรัชญา
# อาหารของหญิงแก่ปากร้าย
ยิ่งง่ายยิ่งดี แม้ว่าวัตถุดิบจะมีราคาถูก แต่เต้าหู้ของหม่าโผ่วก็ ถูกมองว่าเป็นการทดสอบอย่างหนึ่งที่สำคัญของทักษะการทำอาหาร อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
1
หลังจากการทำงาน
ณ ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ในปี 1862 ในช่วงราชวงศ์ชิง (1644-1911) ปกครอง มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง พวกเขาเป็นเจ้าของร้านอาหาร Chen Xingsheng ซึ่งเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ใกล้สะพาน Wanfu ทางตอนเหนือของเฉิงตู
ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้เป็นที่นิยมมากในกลุ่มคนงานยากจนที่ทำงานอยู่บริเวณนั้น เนื่องจากราคาถูก และมีรสชาติที่อร่อย จึงทำให้พวกเขานิยมแวะเวียนเข้ามารับประทานกันอยู่เป็นประจำ
ข้อควรระวัง
แต่ทว่า สิ่งที่ต้องพึ่งระวังเมื่อเข้ามาทานอาหารในร้านนี้ก็คือ ภรรยาเจ้าของร้าน เนื่องจากเธอเป็นหญิงชราที่หน้าตาบูดบึ้งและปากร้ายมาก จนทำให้คนงานบริเวณนั้นขนานนามเธอว่า หม่าโผว (麻婆)ที่มีความหมายว่า หญิงแก่ปากร้าย นั้นเอง
จนกระทั่งวันหนึ่ง คนงานยากจนก็ได้นำเต้าหู้ และเนื้อสัตว์ ที่เขาได้จากการออกเรือ มาให้ หม่าโผว ทำอาหารแม้ว่า หม่าโผว จะมีนิสัยปากร้าย
แต่เธอก็เป็นคนใจดี เธอจึงทำให้คนงานเหล่านั้นได้ทานอยู่หลายครั้ง และเริ่มพัฒนาสูตรอาหารนี้ของเธอไปเรื่อย ๆ จนเป็นที่ถูกอกถูกใจ ของคนงานบริเวณนั้นกันอย่างถ้วนทั่ว
A plate of mapo tofu
ซึ่งในขณะที่เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยรสชาติในการปรุงเต้าหู้ที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งรูปลักษณ์ กลิ่น และรสชาติที่น่ารื่นรมย์ หลายคนจึงตั้งชื่อเมนูนี้ให้เธอว่า หม่าโผวโต้วฟู่ (麻婆豆腐)
จนกระทั่งในปี 1909 ร้านอาหารของเธอก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Chen Mapo Tofu Restaurant และได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 23 ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในเฉิงตู (ในช่วงปลายราชวงศ์ชิง)
ด้วยรสชาติ ราคา และความเหมาะสมของปริมาณ จึงทำให้เมนูนี้ของ หม่าโผว กลายเป็นอาหารหลักอีกหนึ่งอย่างของชาวจีน ที่แพร่หลายไปทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน
ดังคำที่กล่าวไว้ว่า “ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่สิ่งที่ทุกคนทำได้คือ การทำสิ่งเล็ก ๆ ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่”
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄
โฆษณา