20 ต.ค. 2020 เวลา 07:00 • กีฬา
NBA 10 Free Agents ที่น่าสนใจในฤดูกาลนี้
สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านครับ
ในขณะนี้ก็อยู่ในช่วงปิดฤดูกาล และนับถอยหลังเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ (Off-season) แต่หลายอย่างก็ยังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด
สิ่งหนึ่งที่แต่ละทีมจะต้องทำการวิเคราะห์และพิจารณาให้ดี คือ การคาดเดาว่าเพดานค่าเหนื่อยหรือ Salary Cap ในฤดูกาลหน้าจะอยู่ที่มูลค่าเท่าไหร่
ตามปกติแล้ว Salary Cap มักจะอิงจากรายได้รวมของลีกเป็นหลัก
ดังนั้นจึงมีแนวโน้มสูงมากว่า Salary Cap ในฤดูกาลหน้าจะต้องลดลงอย่างแน่นอน แต่จะมากขนาดไหน แต่ละทีมคงต้องคำนวณและบริหารกันให้ดี
เพราะถ้า Salary Cap ลดจากเดิม หลายทีมก็จำเป็นต้องหาทางลดค่าเหนื่อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อไม่ให้โดนภาษีที่ปรับหนักมากๆ (สำหรับบางทีมที่มีศักยภาพระดับลุ้นแชมป์ กับทีมที่เจ้าของมีเงินถุงเงินถังก็อาจจะพอยื้อและมองข้ามได้บ้าง แต่ระยะยาวก็จะส่งผลเสียต่อทีมอยู่ดี)
หนทางที่จะลดค่าเหนื่อยได้ก็คือ การเปลี่ยนแปลงของผู้เล่นในทีมที่มีอยู่นั่นเอง
ในกติกาของ American Games นั้น จะไม่มีการซื้อขายผู้เล่นโดยตรง การได้ผู้เล่นเข้าสู่ทีมจะมาจากการ Draft, Trade ระหว่างทีม, การเซ็นสัญญากับ Free Agents ที่ยังไม่มีสังกัดในขณะนั้นเพียงเท่านั้น (แต่ทีมสามารถเจรจาเพื่อยกเลิกสัญญาหรือ Buyouts และทำให้คนนั้นออกจากทีมเพื่อกลายเป็น Free Agents ได้ด้วย)
การ Draft จะมีขึ้นในทุกฤดูกาล ผู้เล่นที่จะเข้าลีกต้องผ่านการลงทะเบียนเข้ารับการ Draft เท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เข้าลีกได้ (ถึงแม้จะไม่ได้ถูก Draft แต่ก็ยังเข้าลีกได้จากวิธีอื่น แต่ต้องผ่านการลงทะเบียนก่อน)
ข้อดีคือสัญญาฉบับแรก ลีกจะบังคับให้ผู้เล่นต้องเซ็นสัญญาฉบับนี้ทุกคนที่ถูก Draft เข้ามา ซึ่งจะเป็นสัญญาแบบ 4 ปี และมี Team Option ให้ในสองปีหลัง ทำให้ทีมสามารถคำนวณและควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้อย่างแม่นยำ
แต่ข้อเสียคือจะไม่สามารถเลือกทุกตำแหน่งที่ต้องการได้ และอันดับในลำดับต้นๆ ที่จะได้เลือกก่อนก็ยังต้องพึ่งโชคลางค่อนข้างมาก แถมได้มาแล้วก็อาจจะไม่สามารถพัฒนาขึ้นไปได้ในระดับที่ทีมต้องการ
เรียกได้ว่าส่วนหนึ่งคือการวิเคราะห์ข้อมูลที่มี แต่อีกส่วนคือการคาดการณ์อนาคต และการวัดดวงว่าจะเป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่หากเสียหายมา ทีมจะกังวลน้อยที่สุดในด้านของค่าเหนื่อย
การ Trade ระหว่างทีม เกิดขึ้นเมื่อมีหนึ่งทีมเสนอที่จะ Trade และมีทีมอื่นสนใจในข้อเสนอนั้น ซึ่งจะมีหลายอย่างที่สามารถเอามา Trade ได้ ตั้งแต่สิทธิ์การ Draft, ผู้เล่น, เงินสด หรืออื่นๆ ที่กติการะบุไว้ให้สามารถ Trade ได้ และการ Trade สามารถเกิดขึ้นได้พร้อมกันมากกว่า 2 ทีม
ข้อดีคือทีมสามารถโละผู้เล่นที่ไม่ต้องการออกจากทีมเพื่อลดภาระค่าเหนื่อย หรือต้องการที่จะปรับปรุงทีม ทั้งในทางที่ดีขึ้น และในทางที่ทีมเตรียมที่จะเข้าสู่การสร้างทีมใหม่ (Rebuilding)
ข้อเสียคือ สัญญาที่ผูกมัดกับผู้เล่นไว้จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ถึงจะย้ายทีมแล้วก็ตาม ดังนั้นถ้าทีมอื่นพิจารณาแล้วว่าสัญญาปัจจุบันไม่เหมาะสม ก็อาจจะไม่มีทีมไหนสนใจเลย เมื่อสัญญาใกล้หมดและทีมยังหาทางออกไม่ได้ ก็มีความเสี่ยงที่จะเสียตัวไปฟรีๆ
หรือในบางกรณี อาจจะต้องยอมแถมสิทธิ์ในด้านอื่น เพื่อดึงดูดให้ฝ่ายตรงข้ามรับข้อเสนอมากขึ้น ทำให้อาจเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย แต่ทีมก็ต้องยอมทำเพื่อหาทางจัดการเพดานค่าเหนื่อย และดีกว่าไม่ได้อะไรกลับมาเลย
Free Agency คือการเซ็นสัญญากับผู้เล่นที่ไม่มีสังกัด รวมไปถึงผู้เล่นที่ถูก Buyouts ยกเลิกสัญญาแล้วพ้นระยะ Waived (ระยะเวลาที่ทางลีกกันไว้หลังถูกยกเลิกสัญญา เพื่อให้ผู้เล่นได้พิจารณาข้อเสนอที่ได้รับ และมีเวลาวิเคราะห์ให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจย้ายทีม ทำให้ไม่สามารถย้ายทีมทันทีหลังถูกยกเลิกสัญญาได้) เป็นที่เรียบร้อย
ข้อดีคือทีมสามารถเจรจาเพื่อทำการเซ็นสัญญาฉบับใหม่ได้เลย และสามารถเลือกผู้เล่นที่ทีมต้องการได้ทันที
ข้อเสียคือฝั่งผู้เล่นจะเป็นคนตัดสินใจคนสุดท้ายว่าจะไปอยู่กับทีมไหน ทำให้มีโอกาสสูงที่หลายทีมจะรุมเข้ามาให้ข้อเสนอเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้เล่นคนดังกล่าวและทีมจะมีโอกาสได้ผู้เล่นที่ต้องการน้อยลง และในบางกรณีนั้น ทีมในสังกัดผู้เล่นเดิมยังใส่เงื่อนไขที่จะสามารถ Match Offer (การเสนอสัญญามูลค่าเท่ากันกับที่ทีมอื่นเสนอ) เพื่อดึงผู้เล่นคนนั้นให้กลับไปยังสังกัดเดิมได้ด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้จากด้านล่างครับ
จากกรณีต่างๆ ที่กล่าวมา ทำให้ทีมต้องวางแผนบริหารจัดการให้ดี
ในการตัดสินใจว่าจะเก็บใครไว้ จะยกเลิกสัญญาใคร จะปล่อยใครออกและปล่อยแบบไหน รวมไปถึงจะ Draft ใคร จะเซ็น Free Agents คนไหนเข้าสู่ทีม และถ้าไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้จะมีแผนสำรองอย่างไรบ้าง
ถือเป็นการวัดชั้นเชิงของบอร์ดบริหาร โดยเฉพาะ GM ได้เป็นอย่างดี
อย่างที่ทราบกันในฤดูกาล 2020/21 ตัวเลือกในการ Draft จะไม่ฮือฮาเท่าฤดูกาลที่แล้ว
รวมไปถึงการที่เพดานเงินเดือนลดลงทำให้หลายฝ่ายอาจต้องทำการ Trade หรือยกเลิกสัญญาผู้เล่นที่ไม่ต้องการออกเพื่อลดค่าเหนื่อย
จากนั้นจึงทำการเซ็นสัญญา Free Agents ที่สนใจเข้าสู่ทีม เพราะตลาดตรงนี้ถือว่าใหญ่ที่สุด และหลายทีมมักจะให้ความสนใจอยู่ตลอด
ในบทความนี้จึงจะรวบรวม Free Agents ที่น่าสนใจในฤดูกาลนี้ทั้งหมด 10 คนครับ
1. Fred VanVleet - Toronto Raptors
เป็นผู้เล่นที่เข้ามาจากการ Undrafted แต่สามารถพัฒนาฝีมือได้ดีมากคนหนึ่ง มีส่วนร่วมในชุดที่ Raptors ได้แชมป์ในฤดูกาล 2018/19 และเป็นตัวหลักพร้อมกับ Kyle Lowry ในฤดูกาลล่าสุด
ในฤดูกาลนี้ Raptors จะมี UFA (Free Agents ที่ไม่มีเงื่อนไขผูกมัด) ทั้งหมดสามคน ได้แก่ VanVleet, Marc Gasol และ Serge Ibaka ซึ่งมีแนวโน้มที่ Gasol จะกลับไปเลิกเล่นที่ Spain ทำให้ทีมอาจจะต้องหา Center มาแทน แต่ก็ยังมีแนวโน้มที่จะเซ็นสัญญาใหม่กับ VanVleet เช่นกัน
ถึงแม้ทีมจะมีตัวเลือกอื่นอย่าง Kris Dunn (Bulls) หรือ De'Anthony Melton (Grizzlies) ที่มูลค่าสัญญาน่าจะถูกกว่า VanVleet มาก แต่ทั้งสองคนก็เป็น RFA (มีเงื่อนไขผูกมัด) และอาจไม่พัฒนาจนขึ้นเป็นตัวจริงได้ แต่ทั้งสามคนถือว่าอายุยังน้อย มีเวลาพัฒนาฝีมือได้อีกมาก
2. Brandon Ingram - New Orleans Pelicans
ผู้เล่นที่ได้รับรางวัล Most Improved Player of the Year คนล่าสุด อายุยังน้อย แถมเป็น RFA อีกต่างหาก
แต่ปัญหาคือเจ้าตัวเล่นไม่เข้าขากับ Zion Williamson ดาวรุ่งอนาคตไกลของทีมสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเกมรับ เจ้าตัวเฉิดฉายมากในช่วงที่ Williamson ลงเล่นไม่ได้ แต่พอเล่นคู่กันกลับทำให้ฟอร์มดรอปลงไประดับหนึ่ง
แถมทีมยังต้องพิจารณาที่จะเก็บ Free Agent อีกคนของทีมอย่าง Derrick Favors ที่เล่นตำแหน่ง Center และเล่นคู่กับ Williamson ได้ดีกว่า แถมเกมรับก็โดดเด่นมากๆ
เพียงแต่ทีมก็อาจจะยังเห็น Ingram ในตำแหน่ง Sixth man ตัวเลือกแรกของทีม แต่ก็ไม่อยากเสียค่าเหนื่อยเยอะเกินไป ทำให้ลองไปทดสอบตลาดดูก่อนว่าทีมที่เสนอเข้ามาจะให้ค่าเหนื่อยขนาดไหนนั่นเอง
3. Danilo Gallinari - Oklahoma City Thunder
การที่ทีมเสีย HC อย่าง Billy Donovan ที่ทำทีมได้แบบดีเกินคาดในฤดูกาลล่าสุดไป อาจทำให้ผลงานของทีมแย่ลงในฤดูกาลนี้
ทีมมีผู้เล่นอย่าง Chris Paul ที่ถึงแม้ฟอร์มจะดี และเป็นพี่ใหญ่ที่เพิ่มศักยภาพให้ทีมได้ แต่ค่าเหนื่อยระดับ 86 ล้าน USD/2 ปี และอายุเยอะแล้ว ทำให้ทีมอาจต้องหาทาง Trade ออกแทน แต่ค่าเหนื่อยสูงขนาดนี้ก็มีโอกาสที่ไม่มีทีมไหนกล้ารับช่วงต่อ ทำให้การปล่อย Gallinari อาจเป็นตัวเลือกที่ง่ายกว่า
ถึงแม้เจ้าตัวจะอายุ 32 แล้ว แต่ก็ยังโชว์ฟอร์มได้ดี และมีค่าเหนื่อยที่สมเหตุสมผล น่าจะมีบางทีมที่สนใจรับตัวไปใช้งานต่อในฤดูกาลหน้า
4. Montrezl Harrell - Los Angeles Clippers
เจ้าของรางวัล Sixth man of the Year คนล่าสุด แต่กลับโชว์ฟอร์มในช่วง Playoffs ได้ไม่ดี จนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมไปได้ไกลแค่รอบสองเท่านั้น ทั้งที่เป็นตัวเต็งในการคว้าแชมป์คู่กันกับทีมร่วมเมืองอย่าง Lakers มาตลอด
แต่ถ้าไม่นับช่วงเวลาดังกล่าว Harrell ถือว่าเป็นผู้เล่นที่ทำผลงานในฐานะตัวสำรองได้ดีมากๆ แซงหน้า Lou Williams ที่เป็นเจ้าของรางวัล 6otY หลายสมัยด้วยซ้ำ
แถมทีมยังมี Free Agents คนอื่นอย่าง JaMychal Green และ Marcus Morris ที่เป็นกำลังสำคัญในด้านวงใน และทีมต้องพิจารณาในส่วนนั้นก่อนที่จะถึงคิวของแนวหลังอย่าง Harrell
จึงคาดการณ์กันว่าถ้าทีมเก็บคนอื่นไว้หมด ก็มีโอกาสที่ Harrell อาจจะต้องหาทีมใหม่ในฤดูกาลนี้
5. Goran Dragic - Miami Heat
หลังจากที่ได้ลงเล่นเพียง 36 นัดในฤดูกาล 2018/19 แต่เจ้าตัวก็พัฒนาฝีมือขึ้นมาได้ในฤดูกาลล่าสุด และเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ Heat ไปได้ไกลถึงรอบชิงแชมป์
แต่อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นตั้งแต่เกมแรกของรอบ Finals และเจ้าตัวอายุ 35 ปีแล้ว อาจทำให้ทีมต้องพิจารณาที่จะดัน Kendrick Nunn ขึ้นมาแทน และตัดสินใจที่จะปล่อย Dragic ออกไป
นอกจากนั้นยังมี Jae Crowder ที่กลายเป็น UFA อีกคนที่ต่างก็ยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมไว้อยู่ ทีมจึงอาจพิจารณาเก็บแค่คนใดคนหนึ่ง หรือเซ็นสัญญาระยะสั้นและให้ค่าเหนื่อยไม่สูงนัก หากทีมไม่สามารถหาผู้เล่นมาแทนได้จริงๆ
6. Bogdan Bogdanovic - Sacramento Kings
เจ้าตัวถือเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของทีมในฤดูกาลล่าสุด แต่ดันทับตำแหน่งกับ Buddy Hield ที่เหลือสัญญาหลายปี และทีมตัดสินใจที่จะดันผู้เล่นอนาคตไกลอย่าง De'Aaron Fox แทน
ดูเหมือนว่า Kings จะเก็บ Bogdanovic หรือ Hield ไว้แค่คนเดียว ทำให้การปล่อย Bogdanovic อาจจะเป็นการง่ายกว่า
แถมทีมยังมี Kent Bazemore ที่เป็น Free Agents อีกคน แถมเล่นเกมรับดีกว่า อายุน้อยกว่า ค่าเหนื่อยก็ถูกกว่า ถึงแม้ผลงานรวมจะด้อยกว่าพอสมควรก็ตาม
อย่างไรก็ดีเจ้าตัวก็ยังเป็น RFA อยู่ ทำให้ทีมอาจเสนอ Match Offer ได้ ถ้าค่าเหนื่อยไม่สูงจนเกินไปนัก
7. Christian Wood - Detroit Pistons
Wood เข้าลีกมาตั้งแต่ปี 2015 โดยสังกัดกับ Sixers ที่อยู่ในระหว่างการเริ่มสร้างทีมใหม่ และจบลงด้วยสถิติ 10-72 ทำให้ไม่มีใครสนใจเขาเท่าไหร่
จวบจนถึงฤดูกาล 2017/18 ที่ได้ลงไปเรียกฟอร์มใน NBA G-League จนกระทั่งได้โอกาสกลับมาเล่นในลีกอีกครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้ลงเล่นให้กับทีมไหนเป็นระยะเวลานานเท่ากับ Pistons ในฤดูกาลล่าสุด และค่อยๆ พัฒนาฝีมือขึ้นตามลำดับ
ถึงแม้ว่าเจ้าตัวอาจจะไม่สามารถเฉิดฉายจนเป็น Franchise Player ได้ แต่ก็น่าจะเติมเต็มการเป็นผู้เล่น Backup ให้กับทีมได้เป็นอย่างดี
แต่ Pistons ก็มีทางเลือกที่จะเจรจากับ Harry Giles ที่ถูกปล่อยออกจากทีม Kings แถมสไตล์การเล่นและสถิติคล้ายกับ Wood แต่อายุน้อยกว่าถึง 3 ปี ถึงแม้จะมีประวัติการบาดเจ็บหนักก็ตาม
8. Davis Bertans - Washington Wizards
ถึงแม้ว่า Bertans จะเป็นได้แค่ตัวสำรองในทีม Wizards แต่ว่าฝีมือการยิงสามแต้มของเขาถือว่าหาตัวจับยากเลยทีเดียว
จากสถิติการยิง 3 แต้มแบบ Catch-and-Shoot (รับลูกแล้วยิงทันที) สูงถึง 7.4 ครั้งต่อเกม เป็นอันดับหนึ่งในลีก แถมยังแม่นถึง 43.1% ติดอันดับต้นๆ ในลีก หากวัดจากผู้เล่นที่ยิงลูกสามแต้ม 200 ครั้งขึ้นไปในฤดูกาลเดียว
แถมเจ้าตัวมีโอกาสได้พักอย่างเต็มที่ หลังตัดสินใจ Opt out ไม่ลงช่วยเหลือทีมในช่วง Restart ทำให้มีโอกาสพักฟื้นดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ และน่าจะมีหลายทีมสนใจดึงตัวไปอยู่ด้วยในฤดูกาลหน้า
9. Carmelo Anthony - Portland Trail Blazers
เจ้าตัวนับว่ากลับเข้าสู่ NBA ได้อย่างสวยงามกว่าที่คาด กับการกลับมาเล่นให้กับ Blazers และมีฟอร์มการเล่นที่ดีในระดับหนึ่ง
แต่ในทางสถิติแล้วอาจจะดูไม่ดีนัก ถึงแม้จะได้รับโอกาสในการเล่นในรูปแบบที่ตัวเองถนัดอย่างเต็มที่ แถมเป็นการเล่นร่วมกับผู้เล่นอย่าง Damian Lillard และ CJ McCollum เจ้าตัวยังมี TFG แค่ 52.5% เท่านั้น อยู่ในกลุ่มล่างๆ ของลีก
แถมเจ้าตัวยังมีปัญหาด้านเกมรับที่ยังแก้ไม่ได้ตั้งแต่เข้าลีก ทำให้ตั้งแต่เข้าทีมมาในช่วง Christmas มีส่วนให้ทีมมีเกมรับย่ำแย่ที่สุดในลีกอีกด้วย
ถ้า Blazers มีผู้เล่นกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง Anthony จะยังมีที่ยืนในทีมอีกหรือไม่ กับอายุ 36 ปี และยังมีตัวเลือกอย่าง Paul Millsap ของ Nuggets ที่จะกลายเป็น Free Agents เหมือนกัน แถมมีเกมรับดีกว่ามากๆ
10. Dwight Howard - Los Angeles Lakers
ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ใช่ตัวหลัก แต่ก็มีส่วนร่วมสำคัญในการคว้าแชมป์สมัยที่ 17 ของทีม Lakers โดยเฉพาะในรอบชิงสายที่เจอกับ Nuggets
แต่ทีมจะเก็บเขาต่อไปได้หรือไม่ ในเมื่อผู้เล่นร่วมทีมอย่าง JaVale McGee, Avery Bradley, Kentavious Caldwell-Pope และ Rajon Rondo ต่างก็ถือสิทธิ์ Player Option และเพดานค่าเหนื่อยของทีมอยู่ในระดับที่ต้องเสียภาษีแล้ว
แถมผู้เล่นเบอร์สองของทีมอย่าง Anthony Davis ตัดสินใจเลือก Option out ทำให้กลายเป็น Free Agent เช่นเดียวกัน แต่มีแนวโน้มว่าทำไปเพื่อจะเซ็นสัญญาระยะยาวกับ Lakers ต่อไป ทำให้ค่าเหนื่อยของทีมอาจจะเพิ่มขึ้นไปอีกต่างหาก
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ Free Agents ที่ยกมาทั้ง 10 คน ที่มีผลงานที่น่าจับตามองว่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรในฤดูกาลหน้า
ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าทุกคนน่าจะมีทีมให้ลงเล่นได้แน่นอนในฤดูกาลหน้า
แต่จะได้เล่นกับทีมสังกัดเดิมทุกคนหรือไม่ ข้อนี้คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น ต้องมีบางคนที่ต้องย้ายทีมอย่างแน่นอน
แต่จะเป็นใครบ้าง คงได้แต่รอดูกันต่อไปครับ
แล้วพบกันใหม่ในโอกาสหน้าครับ
ถ้าชอบก็ฝาก Share และกดติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
โฆษณา