24 ต.ค. 2020 เวลา 23:00
#นิ่งได้ ไม่หวั่นไหว
“ ก่อนอุปสมบท หลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำยายปริก เกาะสีชัง จ.ชลบุรี เคยเป็นชาวนาชาวไร่ ต่อมาได้ผันตัวมาเป็นพ่อค้า มีร้านเล็ก ๆ อยู่ที่ อ. บ้านบึง จ. ชลบุรี เมื่ออายุได้ ๓๘ ปี ชะตาชีวิตก็พลิกผัน วันหนึ่งเกิดลุแก่โทสะ ขาดสติถึงกับฆ่าภรรยาตายคามือ เนื่องจากระแวงว่าเธอจ้างคนมาฆ่า เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ท่านถูกตัดสินจำคุก ๑๒ ปี
หลังจากพ้นโทษท่านได้ตัดสินใจออกบวช และครองเพศบรรพชิตจนวาระสุดท้ายของชีวิต
ชีวิตของท่านเป็นชีวิตที่โลดโผน มิใช่แต่ตอนเป็นฆราวาสเท่านั้น แม้ครองเพศสมณะแล้ว ก็ยังมีเหตุการณ์ร้าย ๆ หลายอย่างเกิดขึ้นกับท่านอย่างที่พระน้อยรูปจะได้รับ เช่น ถูกนักเลงท้องถิ่นรังควาน ทั้งด่าว่า และกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา เพราะอยากได้ที่ดินวัด
1
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิม คือท่านมีความสงบนิ่งเพราะมีสติมั่นคง ไม่หวั่นไหวไปตามสิ่งที่มากระทบ แม้บางครั้งจะต้องเจอสิ่งที่สร้างทุกขเวทนาให้อย่างมาก
ท่านเล่าว่าคราวหนึ่งถูก “พระนักเลง” ทำร้ายร่างกายด้วยไม้หน้าสาม ก่อนจะตี พระรูปนั้นถามว่า “ท่านแน่หรือ”
ท่านไม่อยากมีเรื่อง จึงตอบไปว่า “ผมไม่แน่” ขนาดยอมถึงอย่างนั้น พระรูปนั้นก็ยังเอาไม้หน้าสามมาตีท่านอย่างแรง แต่ท่านมีสติตามทัน ทันทีที่ถูกไม้ฟาดจนแผลแตกเลือดอาบ ก็พิจารณาว่า เนื้อหนังมังสาเป็นของเน่าเปื่อย ตอนนั้นไม่มีความคิดจะโต้ตอบกลับเลย ยืนนิ่งให้พระรูปนั้นฟาดกระหน่ำ แทนที่จะโกรธ ท่านกลับมองดูจีวรของท่านที่ชุ่มเลือด แล้วนึกในใจว่า “เออ ดีเหมือนกัน เอาเลือดเราออกจะได้ล้างธรณีสงฆ์”
สักพักโยมที่วัดก็มาเห็น จึงดึงพระรูปนั้นออกมา แล้วพาหลวงพ่อประสิทธิ์ไปส่งโรงพยาบาล ท่านถูกเย็บ ๑๐ เข็ม ส่วนพระรูปนั้นถูกจับสึก ภายหลังมาขอกราบเท้าท่าน ท่านไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด ได้แต่บอกเขาไปว่า “โยม เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร อาตมาไม่ถือโทษหรอก แต่กรรมมันย่อมสนองกรรมเป็นธรรมดานะ”
เวลาลูกศิษย์ลูกหา ไม่ว่าพระ เณร แม่ชี หรือญาติโยมทะเลาะกัน ท่านก็ใช้หลักเดียวกันนี้ตักเตือนเพื่อให้หยุดทำร้ายกัน
ท่านเคยพูดว่า “หากขัดแย้งกันเมื่อไร ลองถามกันดูซิว่า มึงต้องตายไหม แล้วถามตัวเองว่า กูต้องตายไหม ในเมื่อทั้งสองฝ่ายก็ต้องตายด้วยกันทั้งคู่ แล้วทะเลาะกันทำไม มันได้อะไรขึ้นมา คำพูดที่ด่ากันก็เป็นลมเป็นแล้งสูญสลายไปหมดแล้ว แม้แต่ด่ากันอยู่เวลานั้น มันก็ดับทุกคราวที่พูดจบ”
คนส่วนใหญ่มักมีปฏิกิริยาต่อผู้คนหรือสิ่งต่าง ๆ สุดแท้แต่ว่าจะมีอะไรมากระทบ หากเขาด่ามา ก็ด่าไป เขาโกรธเรา เราก็โกรธเขากลับคืน พูดง่าย ๆ คือ แรงมาก็แรงไป โดยไม่สนใจว่าปฏิกิริยาที่สะท้อนกลับไปนั้นจะก่อปัญหาหรือสร้างทุกข์แก่เราและผู้อื่นมากน้อยเพียงใด ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงมีชีวิตเสมือนตกอยู่ภายใต้การครอบงำกำหนดของสิ่งรอบตัว ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงเราสามารถเลือกได้ว่า เมื่อมีอะไรมากระทบ เราจะตอบโต้หรือนิ่งสงบ จะหวั่นไหวหรือเป็นปกติ จะโกรธหรือไม่โกรธ รวมทั้งจะทุกข์หรือสุข เราเลือกได้เพราะมีทั้งสติและปัญญา
ใช่หรือไม่ว่านี้คือสิ่งสำคัญที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ “
พระไพศาล วิสาโล
หนังสือ : ลำธารริมลานธรรม
3
โฆษณา