25 ต.ค. 2020 เวลา 14:21 • ธุรกิจ
Tesla ค่ายรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก กำลังเรียกคืนรถยนต์รุ่น Model X และ S เกือบ 5 หมื่นคัน จากลูกค้าในจีน หลังพบความผิดปกติเกี่ยวกับระบบกันการสะเทือน ขณะที่ กำไรในไตรมาส 3 ปีนี้ เติบโตขึ้นสูงถึง 131% !!!
Tesla ค่ายรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก กำลังเรียกคืนรถยนต์รุ่น Model X และ S เกือบ 5 หมื่นคัน จากลูกค้าในจีน หลังพบความผิดปกติเกี่ยวกับระบบกันการสะเทือน ขณะที่ กำไรในไตรมาส 3 ปีนี้ เติบโตขึ้นสูงถึง 131% !!!
หน่วยงานกำกับและดูแลทางการตลาดของจีน (The China State Administration for Market Regulation) ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Tesla ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นค่ายรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก กำลังเรียกคืนรถยนต์จำนวนเกือบ 5 หมื่นคัน จากลูกค้าในประเทศจีน เนื่องจากทาง Tesla ตรวจพบความผิดปกติเกี่ยวกับระบบกันการสะเทือนทั้งช่วงล้อหน้าและล้อหลังในรถยนต์รุ่น Model X และ S ที่มีการผลิตและส่งออกจากโรงงานของ Tesla ในเมืองฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ จำนวนกว่า 4.8 หมื่นคัน เพื่อส่งเข้ามาขายในประเทศจีน
โดยรถยนต์รุ่น Model X และ S ของ Tesla ที่กำลังถูกเรียกคืนนั้น ประกอบไปด้วย รถยนต์รุ่น Model X ที่ผลิตในช่วงเดือนกันยายน ปี 2013 ถึงช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2017 จำนวน 29,193 คัน และรุ่นโมเดล S ที่ทำการผลิตในช่วงเดือนกันยายน ปี 2013 ถึงเดือนตุลาคม ปี 2018 จำนวน 19,249 คัน เพื่อที่จะกลับไปตรวจสอบว่า รถยนต์รุ่นดังกล่าวที่ผลิตในช่วงเวลานั้นๆ มีความผิดปกติหรือไม่ ซึ่งเจ้าของรถยนต์ที่ถูกเรียกคืนนั้นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย
ทั้งนี้ รถยนต์บางส่วนของ Tesla ที่ทำการผลิตในล็อตดังกล่าวที่ตรวจพบปัญหาในประเทศจีน จะถูกนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในสหรัฐฯ แต่ทางด้านหน่วยงานที่กำกับดูแลในด้านนี้ของสหรัฐฯ อย่าง The National Highway Trasffic Safety Administration ก็ยังไม่ได้ออกมาสั่งการให้ Tesla เรียกคืนรถยนต์ล็อตดังกล่าวแต่อย่างใด
ล่าสุด Tesla ได้ประกาศงบในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ (เดือน ก.ค. - ก.ย. 2020) พบว่า มีรายได้กว่า 8.77 พันล้านเหรียญฯ หรือกว่า 2.74 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 8.28 พันล้านเหรียญฯ หรือราว 2.6 แสนล้านบาท
โดยมีสัดส่วนรายได้จากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 7.61 พันล้านเหรียญฯ หรือราว 2.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% รายได้จากธุรกิจการสร้างและจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ 579 ล้านเหรียญฯ หรือกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% และรายได้จากการบริการและอื่นๆ 581 ล้านเหรียญฯ หรือกว่า 1.81 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%
บริษัทมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 331 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 1.03 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 131% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการทำกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5 แล้ว โดยมีอัตราทำกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 23.7% จากเดิมอยู่ที่ 18.7% และถึงแม้ว่าผลกำไรของ Tesla จะยังไม่มากเทียบเท่ากับค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ แต่ผลกำไรระดับนี้ก็สร้างความพอใจแก่นักลงทุนอย่างมาก หลังจากที่ Tesla มีผลประกอบการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายไตรมาสก่อนหน้านี้ และเพิ่งจะสามารถกลับมาทำกำไรได้ติดต่อกันในช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมาล่าสุด
สำหรับยอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ก็ทำได้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย โดยส่งมอบรถยนต์ได้ 139,300 คัน ซึ่งนับเป็นตัวเลขสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท เพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นรุ่น Model 3 และ Y จำนวน 124,100 คัน ส่วน Model S และ X มีจำนวน 15,200 คัน โดยทางด้าน Elon Musk คาดการณ์ว่า Tesla จะสามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้ราว 477,750 - 514,500 คัน ในตลอดทั้งปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 30-40% จากปีที่แล้ว
นอกจากนี้ Tesla ยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 1.25 พันล้านเหรียญฯ หรือเกือบ 4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 35% ซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ Tesla ได้มีการสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐฯ และเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยทั้ง 2 โรงงานนี้จะเริ่มกระบวนการผลิตภายในปี 2021 แต่ทาง Elon Musk ย้ำว่า โรงงานอาจจะยังผลิตรถยนต์ได้ไม่มากนัก ในช่วงแรกๆ แต่เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ก็จะสามารถผลิตได้เร็วขึ้นในเวลาต่อมา ซึ่งการที่จะสามารถผลิตได้เต็มกำลังอาจต้องใช้เวลาประมาณ 12 - 24 เดือน
สำหรับเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด (Cash and Cash Equivalents) ของ Tesla ณ สิ้นเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มีอยู่สูงถึงกว่า 1.45 หมื่นล้านเหรียญฯ หรือกว่า 4.54 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 69% จากช่วงไตรมาสก่อนหน้านี้ ที่มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่กว่า 8.6 พันล้านเหรียญฯ และเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 5.33 พันล้านเหรียญฯ นั่นแสดงว่า Tesla มีความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่องเป็นอย่างมาก พร้อมที่จะรับมือกับวิกฤติ และความไม่แน่นอนต่างๆ ทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย
📲 เปิดพอร์ตหุ้นไทย/ต่างประเทศ, ออมหุ้น (DCA), กองทุน หรือ TFEX คลิกที่ "Contact Us" ด้านล่างนี้ครับ 👇👇👇
#คลินิกการลงทุน
โฆษณา