“พระอินทร์กำเนิดเป็นมนุษย์มีนามว่า “มฆมาณพ” เป็นชาวแคว้นมคธ วันหนึ่งมฆมาณพและสหายอีก ๓๓ คนร่วม
ช่วยกันถางทางเป็นถนนให้คนทั้งหลายเดินทางสะดวก แต่ผู้คนไม่เข้าใจการทำสาธารณประโยชน์ของพวกเขา
จึงห้ามปรามชายทั้ง ๓๓ คนก็ไม่ฟังหัวหน้าหมู่บ้านจึงออกมาห้ามปราม เห็นว่าควรนำเวลาไปทำมาหากินจะดีกว่ามาขุดถางทางเช่นนี้
ชายทั้ง ๓๓ คนก็ไม่ยอมฟัง หัวหน้าหมู่บ้านโกรธเคืองมฆมานพและเพื่อนทั้ง ๓๓ จึงทูลพระราชาว่า
มฆมาณพและเพื่อนเป็นโจร พระราชาโปรดให้นำมฆมาณพและเพื่อนถูกช้างเหยียบ แต่ปรากฏว่าช้าง
ไม่ยอมเหยียบชายทั้ง ๓๓ พระราชาทรงสอบสวนจนพบว่าชายทั้ง ๓๓ ไม่ได้เป็นโจร แต่เพียงจะถางทางเพื่อทำถนนเท่านั้น
พระองค์ทรงปล่อยชายทั้ง ๓๓ แล้วพระราชทานช้างเชือกนี้ให้พร้อมกับช่างฝีมือดีหนึ่งคน
จากนั้นมฆมาณพและเพื่อนช่วยกันสร้างศาลาเพื่อเป็นที่พักผ่อนแก่ผู้คนที่สัญจรไปมา
นายช่างที่พระราชาประทานให้ได้สร้างศาลาไม้ขึ้น นางสุธรรมา ภรรยาของมฆมาณพ
อยากมีส่วนร่วมจึงสร้างช่อฟ้าประดับศาลาแล้วสลักชื่อของนางไว้ ศาลานี้จึง มีชื่อว่า “ศาลาสุธรรมา”
ส่วนภรรยาอีกสองนางคือ สุนันทากับสุจิตราร่วมตกแต่งศาลาหลังนี้ให้งดงามด้วยสระน้ำและสวน
เมื่อบุคคลเหล่านี้สิ้นบุญจึงบังเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สมบัติทิพย์ได้แก่เทวสมาคม คือ ศาลา
สำหรับเทวดามาฟังธรรมจึงบังเกิดจากบุญของนางสุธรรมา อุทยานทั้ง ๖ ในดาวดึงส์เกิดขึ้นจากบุญของนางสุจิตรา
สระน้ำสวรรค์บังเกิดขึ้นจากบุญของนางสุนันทา และสมบัติทิพย์อื่นก็เกิดขึ้นจากบุญของมฆมาณพและสหายทั้ง ๓๒ คน”