27 พ.ย. 2020 เวลา 14:00 • กีฬา
ชีวิตดั่งร็อกสตาร์ของ "มาราโดนา" ที่ทำให้แม้คนไม่ดูฟุตบอลก็รู้จักเขาผ่านป๊อปคัลเจอร์ | MAIN STAND
ถึงตัวจะจากไปยังสถานที่อันแสนไกล แต่ไม่ว่ายังไงโลกก็จะไม่มีวันลืมเลือนชื่อของ "ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา" ตำนานนักฟุตบอลแห่งอาร์เจนตินาอย่างแน่นอน
เรื่องในสนามคงไม่ต้องสาธยายให้มากความเพราะ มาราโดนา คือคนที่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นนักเตะที่เก่งกาจที่สุดตลอดกาลอย่างไม่เคอะเขิน ตลอดชีวิตค้าแข้งเขาได้จารึกตำนานไว้มากมายทั้งในนามทีมชาติและสโมสร อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้กาลเวลาไม่สามารถกลืนกิน "เสือเตี้ย" ผู้นี้ได้คือเรื่องราวนอกสนามของเขา
"มาราโดนา คือนักฟุตบอลที่มีชีวิตดั่งร็อกสตาร์" คำนิยามจาก NME นิตยสารดนตรีชื่อดังระดับโลก
ประโยคด้านบนจำกัดความชีวิตของ มาราโดนา ได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะตำนานนักฟุตบอลคนนี้ใช้ชีวิตได้อย่างสุดเหวี่ยง เต็มไปด้วยสีสัน จนทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลคนแรก ๆ ที่ต่อให้คนที่ไม่เคยดูฟุตบอลเลยก็ต้องรู้จักผ่านวัฒนธรรมป๊อปต่างๆ รวมถึงการที่เขาคือบุคคลแรก ๆ ในประวัติศาสตร์ที่มีการนำชื่อไปตั้งเป็นชื่อของวิดิโอเกม
เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร ติดตามได้ที่ Main Stand
ยุคแห่งการเฟื่องฟูของป๊อปคัลเจอร์
ถึงแม้จะเริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาตั้งแต่ปี 1976 แต่ยุคที่ ดิเอโก้ มาราโดนา ยิ่งใหญ่จนกลายเป็นยอดตำนานจริง ๆ คือช่วงทศวรรษที่ 80-90 โดยในช่วงเวลาดังกล่าวเขาสามารถพาทีมชาติอาร์เจนตินาเถลิงแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1986 ได้อย่างยิ่งใหญ่ รวมถึงการย้ายมาค้าแข้งในทวีปยุโรปกับบาร์เซโลน่าและนาโปลี
ในขณะที่ มาราโดนา กำลังโลดแล่นอยู่ในยุโรป มันคือช่วงเวลาเดียวกันกับที่วัฒนธรรมป๊อป (Pop Culture) ของโลกกำลังเฟื่องฟูถึงขีดสุด หลายสิ่งกลายเป็นอมตะ ข้อพิสูจน์คือการที่ถึงแม้ปัจจุบันจะเป็นปี 2020 แล้ว แต่ป๊อปคัลเจอร์ยุค 80-90s ก็ยังคงถูกหยิบจับมาใช้งานอยู่บ่อยครั้ง
"ความรุ่งเรืองของป๊อปคัลเจอร์ในยุค 80-90s เกิดขึ้นเพราะยุคดังกล่าวเป็นยุคที่เทคโนโลยีเริ่มมีบทบาทต่อความบันเทิงของผู้คนอย่างจริงจัง เป็นยุคสมัยที่ผู้คนเริ่มให้ความสำคัญกับการหาความสนุกให้ตัวเอง ฝ่ายผู้ผลิตจึงพยายามสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่มากมายมาตอบสนองวิถีชีวิตแบบนี้" ลิซ่า บริบาช หนึ่งในนักเคลื่อนไหวทางสังคมของสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทศวรรษที่ 80 ให้ความเห็น
ยุค 80s คือยุคที่ภาพยนตร์ระดับตำนานอย่าง E.T., Gremlins, Ghostbusters, Star Wars Episode V - The Empire Strikes Back, Star Wars Episode VI - Return of the Jedi, Indiana Jones, Back To The Future และอีกมากมายได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งทุกรายชื่อที่กล่าวมา เมื่อเวลาผ่านไปก็กลายเป็นอมตะทั้งสิ้น
ในแง่ผลงานเพลงก็ถือเป็นทศวรรษที่ทั้งราชาและราชินีเพลงป๊อปอย่าง ไมเคิล แจ็คสัน กับ มาดอนน่า กำลังโด่งดังสุด ๆ โดยเฉพาะอัลบั้ม Thriller ของ แจ็คสัน ที่ปัจจุบันก็ยังคงขึ้นหิ้งเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงที่สุดตลอดกาล
Photo : patch.com
MTV สื่อที่เปลี่ยนโลกดนตรีไปตลอดกาลก็เปิดตัวครั้งแรกในปี 1981 เช่นเดียวกับ Sony Walkman ที่ปฏิวัติพฤติกรรมนักฟังเพลงไปโดยสิ้นเชิงก็เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน
ในแง่ของเทคโนโลยี ยุค 80s คือยุคที่โลกได้รู้จักกับเครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอช สินค้าชิ้นแรกของบริษัท Apple ที่เปิดตัวในปี 1983 รวมถึงการครองเมืองของเครื่องเกม Atari และ การก่อตั้งของ Nintendo Entertainment System ในปี 1986 ที่ส่งผลสำคัญให้วงการเกมเฟื่องฟูถึงขีดสุด
กาลเวลาข้ามสู่ยุค 90s แต่ป๊อปคัลเจอร์ยังไม่แผ่วลงแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับมีความน่าสนใจเกิดขึ้นแทบไม่เว้นแต่ละวัน
เมื่อพูดถึงยุคดังกล่าว หากไม่เอ่ยถึงความร้อนแรงของกระแส "บอยแบนด์" และ "เกิร์ลกรุ๊ป" คงเป็นอะไรที่ผิดมหันต์ เพราะในช่วงเวลานั้น วงอย่าง Spice Girls, Destiny’s Child, NSYNC, Backstreet Boys กำลังเขย่าโลก หรือถ้าเป็นศิลปินเดี่ยวก็เป็นช่วงที่ บริตนี่ย์ สเปียร์ส และ จัสติน ทิมเบอร์เลค กำลังเจิดจรัสที่สุด
Photo : kolkatanews24.co.in
เมื่อเปิดโทรทัศน์ขึ้นมาก็จะพบกับ Friends หนึ่งในซีรี่ส์ยอดนิยมตลอดกาลของชาวอเมริกันกำลังออนแอร์อยู่ ส่วนถ้าแวะเข้าไปในร้านหนังสือก็จะพบกับซีรี่ส์ชุด Harry Potter วางจำหน่ายอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เล่ามาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนคงพอจะนึกภาพออกว่าวัฒนธรรมป๊อปในยุคดังกล่าวนั้นรุ่งเรืองมากเพียงไร ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อใครโด่งดังขึ้นมาก็จะกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของกระแสดังกล่าว
ดิเอโก มาราโดนา คือหนึ่งในนั้น อย่างไรก็ตามเพียงแค่ฝีเท้าเชิงลูกหนังอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือชีวิตนอกสนามดั่งร็อกสตาร์ของเขาต่างหาก ที่ทำให้แม้แต่คนที่ไม่ดูฟุตบอลก็รู้จักชื่อของเขาผ่านวัฒนธรรมป๊อป
ชีวิตดั่งร็อกสตาร์
ปฏิเสธไม่ได้ว่า "หัตถ์พระเจ้า" คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของ มาราโดนา โด่งดังไปถึงหูของคนที่ทั้งชีวิตไม่เคยดูฟุตบอลเลยสักครั้ง แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง มาราโดนา ยังมีเรื่องราวนอกสนามอีกมากมายที่ทำให้ชื่อของเขาดังไกลไปกว่าโลกฟุตบอล
1
ในช่วงทศวรรษที่ 80 ขณะที่กำลังค้าแข้งอยู่กับสโมสรนาโปลี ในเมืองเนเปิ้ลส์ ประเทศอิตาลี มีข่าวลือหนาหูว่า มาราโดนา สนิทชิดเชื้อกับ Camorra หนึ่งในแก๊งมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุโรป ณ ช่วงเวลาดังกล่าว
Photo : nypost.com
ภาพลักษณ์ร็อกสตาร์ในคราบนักฟุตบอลยิ่งชัดเจนเมื่อ มาราโดนา โดนจับในปี 1991 ข้อหาครอบครองโคเคน ส่งผลให้เขาโดนแบนจากโลกฟุตบอลทันที 15 เดือน
3
ต่อมาในปี 1998 มาราโดนา โดนศาลตัดสินให้จำคุก 2 ปี 10 เดือน หลังจากที่ 4 ปีก่อนหน้า เขายิงปืนลมใส่นักข่าวที่บริเวณหน้าบ้านของตัวเอง ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย
อย่างไรก็ตามนอกจากวีรกรรมหลุดโลกเหล่านี้แล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของ มาราโดนา ให้โดดเด่นกว่านักฟุตบอลคนอื่น ๆ ในยุคเดียวกันคือการที่เขาอยู่ใต้แสงไฟสปอตไลท์ตลอดเวลา เรียกได้ว่ามีนับครั้งไม่ถ้วนที่เราเห็น มาราโดนา มีรูปถ่ายคู่กับเหล่าซูเปอร์สตาร์ระดับโลกของแต่ละวงการ
ในปี 1981 วง Queen ได้เดินทางไปทัวร์คอนเสิร์ตเพื่อโปรโมตอัลบั้ม The Game ณ Estadio Velez Sarsfield กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า ในวันดังกล่าวมีผู้ชมกว่า 300,000 คน และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมี มาราโดนา รวมอยู่ด้วย โดยเสื้อเตี้ยได้รับคำเชิญเป็นการส่วนตัวจาก ไบรอัน เมย์ มือกีตาร์ของวง หลังจากนั้นเมื่อคอนเสิร์ตจบลงก็ได้มีภาพถ่าย มาราโดนา ในเสื้อธงยูเนี่ยนแจ็กคู่กับวง Queen ปรากฏสู่สาธารณะ และภาพถ่ายดังกล่าวก็ได้เป็นตำนานในภายหลัง
Photo : commons.wikimedia.org
"การได้เห็นเขา เปรียบเสมือนได้เห็นงานศิลปะที่ทัดเทียมกับดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" ไบรอัน เมย์ กล่าวถึง มาราโดนา
ไม่ใช่แค่วงการศิลปินเท่านั้น แต่บุคคลผู้มีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลกหลายคนก็มีความสัมพันธ์อันดีกับ มาราโดนา ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่า ฟิเดล คาสโตร ผู้นำตลอดกาลของชาวคิวบาคือหนึ่งในนั้น เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เหนียวแน่นเป็นพิเศษ โดย มาราโดนา เคารพ คาสโตร เหมือนกับพ่อแท้ ๆ อีกทั้งยังสักรูปใบหน้าของ คาสโตร ไว้บนร่างกายตัวเองอีกด้วย
Photo : manny @mannyfidel
ในปี 2005 มีภาพถ่ายที่ปรากฏว่า มาราโดนา ยืนอยู่เคียงข้าง ฮูโก ชาเวซ ผู้นำของประเทศเวเนซูเอลา ซึ่งในขณะนั้นพวกเขากำลังทำภารกิจประนามการทำงานของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐอเมริกา
เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเรื่องราวชีวิตดั่งร็อกสตาร์นอกสนาม และการอยู่ใต้แสงสปอตไลท์ของ มาราโดนา นั้นต่อให้ยาวต่อไปอีก 10 หน้ากระดาษก็ไม่จบไม่สิ้น แต่เชื่อว่าเพียงเท่านี้ผู้อ่านทุกคนก็คงรับรู้แล้วว่าตำนานยอดดาวเตะรายนี้มีชีวิตมากด้วยสีสันขนาดไหน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะปรากฏตัวเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมป๊อปอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้คนที่ไม่เคยสนใจติดตามฟุตบอลเลยสักครั้งก็ต้องรู้จักชื่อ
วัฒนธรรมมาราโดนา
ต่อให้จะไม่สามารถหาข้อมูลมายืนยันได้ 100% แต่ไม่ว่ายังไงมันก็สุดยอดอยู่ดีกับเรื่องราวที่ว่า ดิเอโก มาราโดนา อาจเป็นนักกีฬาคนแรกที่มีการหยิบยกชื่อมาตั้งเป็นชื่อของเกม โดยเกมดังกล่าวมีชื่อว่า Peter Shilton's Handball Maradona จากทีมผู้พัฒนา Argus Press Software วางจำหน่ายในปี 1986 ปีเดียวกับที่ มาราโดนา ได้สร้างตำนานในฟุตบอลโลก 1986
Photo : spectrumcomputing.co.uk
เหตุการณ์หัตถ์พระเจ้าของ มาราโดนา ในฟุตบอลโลกครั้งดังกล่าวโด่งดังมาก จนทีมผู้พัฒนาเกิดไอเดียหยิบจับมาปรุงแต่งจนกลายเป็นเกมบนแพลตฟอร์ม Commodore 64, Amstrad CPC, และ ZX Spectrum
ถึงแม้เกม Peter Shilton's Handball Maradona จะไม่ใช่เกมที่โด่งดังระดับโลก แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าชื่อของ มาราโดนา ไม่ได้อยู่แค่ในสนามฟุตบอลเท่านั้น ด้วยความเป็นยอดนักเตะบวกกับบุคลิกอันจัดจ้าน เขาจะไปปรากฏอยู่ที่ไหนก็ได้ ยังไงก็มีคนพร้อมจะสนับสนุน
แน่นอนว่าหลังจากนั้นแทบทุกเกมที่เกี่ยวกับฟุตบอลจะมีชื่อของ มาราโดนา รวมอยู่ในนั้นด้วยเสมอ ต่อให้จะแขวนสตั๊ดไปแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยหายไปไหน เพียงแต่เปลี่ยนสภาพเป็น "นักเตะตำนาน" ของเกมเกมนั้น พร้อมกับค่าพลังที่มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
นอกจากโลกแห่งเกม โลกแห่งดนตรีก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นสำหรับ มาราโดนา ซึ่งถึงแม้ในบ้านเราจะไม่ค่อยมีการกล่าวถึงเท่าไร แต่ในทวีปอเมริกาใต้นั้นมีเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเขาไม่ต่ำกว่า 10 เพลง และในจำนวนนั้นก็มีเพลงที่โด่งดังระดับท็อปชาร์ตรวมอยู่ด้วย
La mano de dios (Hand of God) ของศิลปิน โรดริโก้ บูเอโน่ คือเพลงที่มีเนื้อหาว่าด้วยเรื่องราวของ มาราโดนา ซึ่งโด่งดังที่สุด และในปัจจุบันมันก็ได้กลายเป็นเพลงระดับคลาสสิคของประเทศอาร์เจนตินาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มีเกมแล้ว เพลงแล้ว จะขาดภาพยนตร์ไปได้อย่างไร สำหรับ มาราโดนา นั้นถึงแม้ผลงานการแสดงของเขาจะไม่มากมาย และส่วนใหญ่ก็เป็นหนังที่เข้าฉายในประเทศอาร์เจนติน่าเป็นหลัก แต่ชายคนนี้คือหนึ่งในบุคคลที่มีสารคดีเป็นของตัวเองมากที่สุดก็ว่าได้ โดยทั้งหมดมีไม่ต่ำกว่า 20 เรื่อง แม้กระทั่งแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแห่งยุคอย่าง Netflix ก็ยังมีเรื่อง Maradona in Mexico ให้ทุกคนได้รับชม
Photo : Netflix
จากที่กล่าวมาทั้งหมดสำหรับชายที่ชื่อ ดิเอโก มาราโดนา ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจใด ๆ เลย เพราะนี่คือหนึ่งในนักกีฬาที่ครบเครื่องที่สุดในประวัติศาสตร์ ในสนามก็เก่งกาจ นอกสนามก็จัดจ้าน และถ้าพูดให้ถูก มาราโดนา ไม่ได้โด่งดังจนป๊อปคัลเจอร์หยิบจับเขาไปใช้งาน แต่ตัวของ มาราโดนา เองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเลยต่างหาก
และมันเมื่อเป็นเช่นนั้น แน่นอนว่าชื่อของเขาจะคงอยู่ไปตลอดกาล ซึ่งความตายก็มิอาจพรากไปได้
บทความโดย เพรียวพันธ์ แสนลาวัณย์
แหล่งอ้างอิง:
โฆษณา