29 พ.ย. 2020 เวลา 10:30 • กีฬา
#MainStand : วิทยา เลาหกุล | กาลครั้งหนึ่งผมเคยเกือบเป็นเพื่อนร่วมทีม "มาราโดน่า"
1
"นาโปลี" สโมสรฟุตบอลเก่าแก่ของอิตาลี ก่อตั้งมาเป็นเวลากว่า 94 ปี เคยมีผู้เล่นระดับโลกมากมายแวะเวียนมาค้าแข้งที่นี่ แต่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ตำนานนักเตะตลอดกาล" ประจำทีมนี้
เขาคนนั้นคือ "ดิเอโก้ อาร์มันโด มาราโดน่า" พระเจ้าแห่งเมืองเนเปิลส์ ที่เคยค้าแข้งกับ นาโปลี ในช่วงยุคทองปี 1984-1991
มาราโดน่า เป็นกำลังสำคัญพา "อัซซูร่า" ประสบความสำเร็จคว้าสคูเด็ตโต้ แชมป์เซเรีย อา 2 สมัย, แชมป์ ยูฟ่า คัพ 1 ครั้ง, โคปปา อิตาเลีย 1 หน และ ถ้วยซูเปอร์โคปปา อิตาเลียนา 1 สมัย
ถึงแม้ นาโปลี จะไม่เคยมีธรรมเนียมยกเว้นเบอร์เสื้อให้ใคร แต่ มาราโดน่า ยิ่งใหญ่เกินปฏิเสธได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่สโมสรแห่งนี้เว้นว่าง "หมายเลข 10" มาเป็นเวลาหลายสิบปี
และในวันที่ร่างของบุรุษชาวอาร์เจนไตน์ผู้เป็นตำนานไร้วิญญาณ นาโปลี ก็มีเตรียมแผนเปลี่ยนชื่อสนามเหย้าเป็น "ดิเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า สเตเดียม" เพื่อรำลึกและเป็นเกียรติแก่ตัวเขา
ในช่วงเวลา 7 ฤดูกาลของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ภายใต้ยูนิฟอร์มสีฟ้า มีผู้เล่นหลายคนในยุคนั้น เคยได้ลงเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา
แต่รู้หรือไม่ ? วิทยา เลาหกุล ตำนานนักฟุตบอลทีมชาติไทย และอดีตผู้เล่นสโมสร แฮร์ธา เบอร์ลิน ครั้งหนึ่งก็เกือบมีโอกาสใกล้ที่จะได้เป็นเพื่อนร่วมทีม หากวันนั้น "เฮงซัง" ไม่ปฏิเสธข้อเสนอจาก นาโปลี เพื่อปักหลักค้าแข้งในเยอรมันต่อไป
2
"โค้ชผู้รักษาประตูของที่นั่น (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน) เป็นชาวอิตาเลี่ยน ชื่อ เนโร ดิ มาร์ติโน่ เขาเป็นเพื่อนกับของโค้ชของนาโปลีตอนนั้น มาบอกว่านาโปลีอยากได้ตัวผม ... เขาบอกแค่ว่า จะมีนักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าคนนึงย้ายเข้ามา แต่ผมไม่ไป"
1
วิทยา เลาหกุล เปิดเผยเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ผ่านการสัมภาษณ์กับ "กฤติกร ธนมหามงคล" (ปัจจุบัน คือ บรรณาธิการบริหาร Main Stand) ในซีรีส์บทความ "กาลครั้งหนึ่งในยุโรป" ที่รวบรวมสตอรี่นักเตะไทย ผู้เคยไปค้าแข้งในอีกซีกโลก
"เฮงซัง" ได้รับการชักชวนเข้าไปเล่นลีกสูงสุดเยอรมัน หลังมีแมวมองมาเห็นแวว กองกลางชาวจังหวัดลำพูน จากเกมอุ่นเครื่องระหว่างทีมชาติไทยพบกับ ฟอร์ทูน่า โคโลญจน์ และ เอสปันญอล โดย วิทยา เลาหกุล ได้เซ็นสัญญาร่วมทีม แฮร์ธา เบอร์ลิน เป็นเวลา 3 ฤดูกาล (1979-1981)
5
เขากลายเป็นผู้เล่นไทยคนแรกที่ลงสนามในเกมระดับบุนเดสลีกา แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคสารพัดทั้งการถูกเหยียดเชื้อชาติ, เพื่อนร่วมทีมไม่ให้การยอมรับ, เฮดโค้ชจับดองข้างสนาม แต่โค้ชรักษาประตูชาวอิตาลี นามว่า เนโร ดิ มาร์ติโน่ ไม่คิดเช่นนั้น เขามองเห็นความพยายามและตั้งใจของ วิทยา เลาหกุล มาโดยตลอด
1
"เนโร (ดิ มาร์ติโน่) เขาสนิทกับผม และก็คงเห็นมั้งว่าจริง ๆ ผมเป็นยังไง เขาเป็นเพื่อนกับ บรูโน่ เปซาโอล่า (กุนซือของนาโปลี ในฤดูกาล 1982-83) และแนะนำผมให้กับโค้ชของนาโปลี"
"ตอนนั้นเขาบอกผมแค่ว่านาโปลี กำลังจะเซ็นสัญญานักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าคนหนึ่งเข้ามาร่วมทีม ผมไม่รู้หรอกว่าใคร (หากเทียบตามปี ปี ค.ศ. 1982 รามอน ดิอาซ กองหน้าทีมฟ้า-ขาว ย้ายไปร่วมทัพนาโปลี)"
"ผมไม่รู้ซ้ำด้วยว่า นาโปลี อยู่ส่วนไหนของอิตาลี บ้านเมืองสภาพอากาศเป็นยังไง ผมรู้แค่ว่ามันอยู่ไกลจากเบอร์ลิน เขา (เนโร) ชี้แผนที่ให้ผมดู ซึ่งผมตอบปฏิเสธ ผมไม่อยากไปเริ่มต้นใหม่ เพราะอยู่ที่เยอรมันมา 3 ปี และทุก ๆ อย่างมันก็เริ่มชินแล้ว ผมเลยเลือกที่จะเล่นอยู่ที่นั่นต่อ"
วิทยา ปฏิเสธโอกาสที่จะย้ายไปเล่นในอิตาลี ซึ่งหลังจากนั้น 2 ปีต่อมา นาโปลี ได้เซ็นสัญญากับนักเตะชื่อก้องโลกเพื่อนร่วมชาติของ รามอน ดิอาซ อย่าง "ดิเอโก มาราโดน่า" ในปี 1984
ส่วน วิทยา เลาหกุล หลังหมดสัญญากับ แฮร์ธา เบอร์ลิน เขาได้รับข้อเสนอต่อสัญญาจากสโมสรอีก 1 ปี แต่เฮงซังบอกปัดเพราะต้องการหาทีมที่ให้โอกาสเขาลงเล่นสม่ำเสมอ ก่อนมาลงเอยกับ เอฟซี ซาร์บรู๊คเค่น ในลีกระดับ 3 ของเยอรมัน ที่มี อูเว่ คลีมันน์ อดีตเจ้านายเก่าคุมทัพอยู่
2
แม้เวลาผ่านมานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่ "วิทยา เลาหกุล" และแฟนบอลทั่วโลกก็ยังคงจดจำ "ดิเอโก มาราโดน่า" หนึ่งในยอดนักฟุตบอลผู้เก่งกาจสุดเท่าที่โลกเคยมีมา ได้เป็นอย่างดี
ลีลาบนพื้นหญ้า และความสำเร็จที่ มาราโดน่า สร้างมันขึ้นมา ได้ส่งต่อแรงบันดาลใจแก่โลกฟุตบอลยุคต่อมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้นการสูญเสียมาราโดน่า จึงเท่ากับการสูญเสียบุคลากรคนสำคัญในประวัติศาสตร์ลูกหนัง ที่ไม่รู้อีกกี่ร้อยปีถึงจะค้นพบผู้เล่นมหัศจรรย์เช่นเขา
"ฟุตบอลจะมีผู้เล่น 3 ประเภท ที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้ 1. เล่นบอลเก่ง 2. เล่นบอลเป็น 3. เล่นบอลน่ากลัว ซึ่งมาราโดน่ามีครบทุกอย่างในตัวคนเดียว เหมือนเอาเมสซี่มารวมร่างกับโรนัลโด้ เพราะมาราโดน่า มีทั้งความเก่งและเล่นบอลเป็นเหมือนกับ เมสซี่ แต่ก็เล่นบอลได้น่ากลัวเหมือน คริสเตียโน่ โรนัลโด้"
"เขาเป็นคนสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ, สโมสร, ครอบครัว รวมถึงยังเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลต่อโลกฟุตบอล และเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้คน"
"มาราโดน่าทำให้ทุกคนได้เห็นถึงการเล่นฟุตบอลที่สวยงามจากคุณภาพฝีเท้าของเขา มันเป็นเรื่องน่าเศร้านะครับ ที่โลกต้องเสีย มาราโดน่า ไป" วิทยา เลาหกุล ทิ้งท้าย
เรียบเรียง : อลงกต เดือนคล้อย
โฆษณา