30 พ.ย. 2020 เวลา 03:00 • การศึกษา
จริง ๆ แล้วเรื่องนี้เกี่ยวพันกับมนุษย์ทั้งหมด เริ่มต้นตั้งแต่การเกิด เราเวียนว่ายตายเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน และโลกของเรามีการ “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป” นับครั้งไม่ถ้วน เรียกกันว่า “กัป”
โลกเราตั้งแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ จนกระทั่งเสื่อมไปด้วยเหตุต่าง ๆ “1 รอบ” เรียกว่า “1 มหากัป” การทำลายของโลกก็ด้วยเหตุต่าง ๆ เช่น มนุษย์มีกิเลศตระกูลโทสะแรง ความร้อนจากโทสะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายพระอาทิตย์เพิ่มขึ้นเป็น 2 ดวง 4 ดวง จนถึง 7 ดวง แล้วสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็ตายลง เกิดเป็นไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก
ถ้าช่วงไหนมนุษย์มีโทสะแรง ทำท่าว่าจะโกรธกัน เกลียดกัน ผลคือภัยแล้งจะหนัก เพราะฉะนั้นเราจะต้องอยู่ในศีลในธรรมและมีจิตใจที่เมตตา ดินฟ้าอากาศก็จะถูกต้องตามฤดูกาล
1
“ใจคนมีผลต่อบรรยากาศ” ช่วงไหนมนุษย์แรงด้วยโทสะ ก็จะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก ช่วงไหนมนุษย์แรงด้วยโมหะ ก็จะเกิดเป็นลมบรรลัยกัลป์ล้างโลกเป็นเวลานาน
ไม่ใช่แค่วันสองวัน ปีสองปี แต่เป็นล้าน ๆ ปี จนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือเลย
แล้วพอเข้าสู่ภาวะฟื้นฟูก็ต้องใช้เวลาอีกนานมากจนกระทั่งโลกมีภาวะพร้อมที่จะให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ แล้วปรากฏว่าโลกเราถูกเคี่ยวอย่างหนัก อย่างยุคที่มีไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก โลกก็ถูกเผานานเป็นล้าน ๆ ปี พอทุกอย่างสงบและค่อย ๆ ฟื้นตัวจนอยู่ในภาวะที่สิ่งมีชีวิตอยู่ได้ ปรากฏว่าบนโลกก็มีง้วนดินเต็มไปหมด
“ง้วนดิน” มีลักษณะคล้ายน้ำผึ้ง แต่ว่ามีกลิ่นหอมและมีรสชาติอร่อยยิ่งกว่าน้ำผึ้งแบบเทียบกันไม่ได้เลย เหมือนเป็นอาหารทิพย์
“อาภัสราพรหม” พรหมที่มีกายสว่างไสว ได้กลิ่นหอมของง้วนดินก็เหาะลงมาบนโลก เมื่อได้ลองชิมก็ติดใจ เพราะมีรสอร่อย พออาภัสราพรหมได้ทานง้วนดินที่เป็นของหยาบมาก ๆ เข้า ปรากฏว่ากายละเอียดของพรหมนั้นหนักขึ้น จึงเหาะไม่ได้ ต้องอยู่บนโลกต่อไป
“พรหมไม่มีเพศ” จริง ๆ แล้วพรหมเป็นเพศชายทั้งหมดนั่นเอง พอพรหมอยู่บนโลกทานแต่ง้วนดิน นานวันง้วนดินก็หมดลง จนเกิดเป็นกะบิดินที่มีคุณภาพด้อยลงมา
พอกะบิดินหมดก็เกิดเป็นเครือดินที่ด้อยลงมาอีก เครือดินหมดก็เกิดเป็นข้าวสาลี แต่ข้าวสาลียุคต้นกัปนั้นงอกเอง ไม่ต้องปลูก มีเม็ดโต ไม่มีเปลือก ไม่ต้องหุง และมีสารอาหารครบถ้วน
ปัจจุบันเราทานข้าวแล้วยังต้องทานโปรตีนเสริม เพราะในข้าวส่วนใหญ่จะเป็นแป้ง แต่ในยุคต้นกัปข้าวสาลีมีสารอาหารครบทุกอย่างทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่วิตามิน และไขมัน
ต่อมามนุษย์เริ่มมีกิเลสหนา ต่างคนก็นำข้าวสาลีมากักตุนเพราะขี้เกียจออกไปหามาบ่อย ๆ สมัยก่อนพอไปเก็บข้าวสาลีมา รุ่งขึ้นมันก็จะงอกขึ้นเองเต็มไปหมดด้วยอำนาจบุญ ไม่ต้องปลูก แต่พอมนุษย์เกิดกิเลส เริ่มกักตุนด้วยความขี้เกียจ ปรากฏว่าต่อมาข้าวสาลีไม่งอกเองแล้ว มนุษย์จึงต้องปลูกเอง
อาหารค่อย ๆ เสื่อมลง คุณภาพตํ่าลงไปเรื่อย ๆ ผลคือ มนุษย์ต้องมีอวัยวะในการย่อย ต้องมีการขับถ่ายต่าง ๆ เกิดขึ้น คราวนี้ใครที่ในอดีตชาติเคยเป็นมนุษย์อยู่แล้ว ได้ทำกรรมผิด “ศีลกาเม” เอาไว้ เศษวิบากกรรมก็ส่งผลให้เกิดเป็น “เพศหญิง” มีอวัยวะขับถ่ายเกิดขึ้น
ใครที่กรรมกาเมเบาบางหน่อยก็จะเกิดเป็นเพศชาย แต่อย่าคิดว่าเพศชายไม่มีเวรกาเม มีเหมือนกันแต่เบาบาง พอเกิดความแตกต่างกันของเพศชายหญิง มนุษย์ก็เริ่มไม่
อยู่ร่วมกัน ต่างคนต่างอยู่ จึงเกิดการเล็งแลกันขึ้น แล้วเกิดความรู้สึกปิ๊งปั๊งกันขึ้นมา
1
บางคนที่ปิ๊งปั๊งกันก็ไปประกอบเมถุนธรรม ซึ่งในยุคนั้นคนส่วนใหญ่ไม่คุ้น พอเห็นชายหญิงอยู่ร่วมกันก็รู้สึกว่าแปลกประหลาด ทำอะไรกันพิลึกกึกกือ เขาก็จะโห่ไล่แล้วตำหนิติฉิน
คนที่ประกอบเมถุนธรรมก็จะอับอายจนต้องหลบออกจากหมู่ แล้วไปสร้างห้องหับเพื่อปิดบังไม่ให้คนอื่นเห็น เกิดเป็นบ้านช่องต่าง ๆ ขึ้นมา แล้วต่อมาค่อย ๆ แพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นมนุษย์ที่มีกิเลสมากขึ้น สภาพแวดล้อมก็ค่อย ๆ แย่ลง
1
พอเริ่มกักตุนก็ต้องไถหว่าน “นี่เขตฉัน...นั่นเขตเธอ” พอทะเลาะกันก็ต้องตั้งใครสักคนขึ้นเป็นกรรมการใหญ่ เลือกคนที่มีบุคลิกดีและน่าเชื่อถือมาเป็นพระราชา คอยตัดสินคดีความและวินิจฉัยให้ทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก
เพราะฉะนั้น เพศชายและเพศหญิงมีที่มาที่ไปเกิดจาก “เวรกาเม” ผู้ชายคือผู้ที่มีเวรกรรมเบาบาง แต่ถ้าผิดศีลกาเมเข้าก็จะไปเกิดเป็นผู้หญิง แต่ก่อนไปเกิดเป็นหญิงก็ต้องไปตกนรกก่อน ไปปีนต้นงิ้วที่มีหนามแหลมคม
และไม่ใช่หนามธรรมดา กำลังปีน ๆ อยู่มันก็มีหนามใหม่โผล่ขึ้นมาแทงทะลุอก แล้วยังมีอีกาปากเหล็กตัวเบ้อเร่อไล่จิกกินเนื้อ ในขณะที่ข้างล่างมีสุนัขปากเหล็กคอยกระโดดงับน่ากลัวมาก ถ้าทำผิดศีลกาเมก็จะต้องเจออย่างนี้
ที่กล่าวมาคือ “ยมโลก” ที่เป็นแค่นรกขุมตื้น ๆ นรกขุมปลายแถว ถ้าลงมหานรกแล้วยิ่งน่ากลัวกว่านี้ แล้วพอพ้นจากนรกก็ต้องไปเกิดเป็นเปรตบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง แล้วไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน พอพ้นจากสัตว์เดรัจฉานจึงจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์
ทุกอย่างอยู่ที่ผลของกรรม ไม่ว่าชาตินี้จะเป็นชาย หรือ หญิง ให้หมั่นสร้างกรรมดีให้มากๆ ผลของกรรมดีในชาตินี้ก็ส่งผลให้เราได้รับแต่ความสุข ความเจริญ เมื่อละจากโลกนี้ไปก็ไปเกิดในภพภูมิที่ดี เป็นต้น
เจริญพร
โฆษณา