3 ธ.ค. 2020 เวลา 12:58 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
นักวิเคราะห์คาด AI จะสร้างงานหลายล้านงาน มากกว่าที่มันทำลาย
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI พัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก แทบจะทุกเดือนที่จะมีข่าวการนำ AI มาใช้ในรูปแบบใหม่ๆ ในด้านต่างๆเช่น การแปลภาษา การแพทย์ และการเล่นเกม ซึ่งทั้งหมดนี้มีหลายครั้งที่เราเห็นว่า AI สามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์เสียอีก
จากความสามารถ และการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ AI นี้เองทำให้เกิดการถกเถียงอย่างมากว่า AI จะส่งผลต่อการจ้างงานมากน้อยแค่ไหน นักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่าเมื่อ AI พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้เกิดการว่างงานมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสุดท้ายคนจะไม่สามารถเทียบกับ AI ได้อีก
1
แต่จริงๆแล้ว AI เองนี้แหละที่จะเป็นตัวสร้างงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา
--- การมาของเทคโนโลยีใหม่ ไม่ใช่ปรากฏการใหม่ ---
ทำไมเหล่านักวิชากร หรือคนทั่วไปคิดว่า AI จะเข้ามาแย่งงานมนุษย์?
เหตุผลก็คือการคาดการณ์ว่างานในปัจจุบันจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ง่ายกว่าการที่จะจินตนาการหรือประเมินว่าจะมีงานอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นมา
ลองมาย้อนดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านกันบ้าง
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เพราะเทคโนโลยีไม่เคยหยุดยั้งในการพัฒนาเลยใน 250 ปีที่ผ่านมา และถ้าดูเทียบกับอัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาก็ยังอยู่ในอัตราที่ค่อนข้างจะคงที่เสมอคือประมาณ 5-10% ไม่ว่าจะผ่านการเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ๆอย่าง พลังงานไอน้ำ และไฟฟ้าก็ตาม
1
ย้อนกลับไปในเหตุการณ์ที่ใกล้เราขึ้นมาหน่อยการเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่ทำให้เกิดโลกาภิวัฒน์อย่างอินเตอร์เนตเมื่อ 25 ปีก่อน
ย้อนไปเมื่อตอนนั้นนักวิเคราะห์อาจบอกว่าการมาของอินเตอร์เนตทำให้เราใช้อีเมลในการสื่อสารมากขึ้น ทำให้การส่งจดหมายแบบเดิมหายไป การมีเว็บไซต์ก็อาจทำให้คนอ่านหนังสือพิมพ์น้อยลง คนซื้อของผ่านออนไลน์มากขึ้น ตัวแทนการท่องเที่ยว และนายหน้าหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบ นักทำนายคงคาดการณ์ว่าอินเตอร์เนตจะทำลายงานทั้งหมดนี้ไป
แต่ถ้าเรามาดูในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่ามีหลายงานลดลง หรือหายไป แต่ก็มีหลายงานเกิดมาเพิ่มมากขึ้นจากเทคโนโลยีที่เรียกว่าอินเตอร์เนต นักออกแบบเว็บไซต์ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักการตลาดออนไลน์ ต้นทุนในการเริ่มต้นธุรกิจลดลง ต้นทุนในการสื่อสารลดลง(คนจะเปิดร้านขายของ แค่เปิดผ่านเฟสบุ๊ค หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆแทบไม่มีต้นทุนเลย) ทำให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ขึ้นมากมาย และธุรกิจเดิมบางธุรกิจไม่ได้หายไป แต่เป็นแค่การเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเท่านั้น
1
--- การมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ ---
1
ในที่สุดก็กำลังจะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง คือการมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ พร้อมกับความกลัวที่จะมาแย่งงานคนในปัจจุบัน
ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีที่แทนคน เทคโนโลยีที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดเลยคือตู้ ATM หรือเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ ที่จะมาแย่งงานของพนักงานรับจ่ายเงินของธนาคาร แต่กลับกันตู้ ATM ลดต้นทุนในการเปิดสาขาของธนาคาร และก็ทำให้เกิดสาขาธนาคารเพิ่มมากขึ้น และทำให้เกิดการจ้างพนักงานรับจ่ายเงินมากขึ้นเช่นกัน
เทคโนโลยี AI เองก็เช่นกัน จะสามารถสร้างงานหลายล้านตำแหน่งที่เกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้ เช่น AI มีความเชี่ยวชาญในการแปลภาษาล่าอาจจะกังวลว่าจะมาแย่งงานล่าม แต่ปรากฎว่าสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐอเมริการายงานว่าความต้องการนักแปลหรือล่ามกลับเพิ่มสูงขึ้น
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
หากค่าใช้จ่ายในการแปลขั้นพื้นฐานลดลงจนเกือบเป็นศูนย์ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจกับต่างชาติจะลดลง ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดการทำธุรกิจระหว่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้สร้างงานสำหรับนักแปล(มนุษย์)มากขึ้น เพราะ AI สามารถทำการแปลพื้นฐานหรือมีความซับซ้อนไม่มากได้ แต่มนุษย์ยังจำเป็นสำหรับงานที่มีความซับซ้อนอยู่
2
นี้เป็นแค่หนึ่งตัวอย่างเท่านั้น แต่เช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ตการเพิ่มของงานที่แท้จริงจะมาจากที่เราไม่สามารถจินตนาการได้
--- หลุดจากการมองโลกในแง่ร้าย ---
เราอาจจะได้ยินข่าวที่ว่า “47 % ของงานจะสูญเสียให้กับเทคโนโลยี”
มาจากงานวิจิย “THE FUTURE OF EMPLOYMENT: HOW SUSCEPTIBLE ARE JOBS TO
COMPUTERISATION?” เป็นผลงานของ Carl Frey และ Michael Osborne ที่วิจัยออกมาว่า 47% ของงานจะเป็นอัตโนมัติ แต่ถูกสื่อบิดเบือนว่า 47 % ของงานจะหายไป
Frey และ Osborne จัดอันดับตาม “ความน่าจะเป็นของการใช้คอมพิวเตอร์” และให้งานต่อไปนี้มีโอกาส 65% ที่จะถูกทำเป็นอัตโนมัติ ผู้ช่วยวิจัยทางสังคมศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ด้านบรรยากาศและอวกาศ และผู้ช่วยเภสัช
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์สังคมศาสตร์จะไม่มีผู้ช่วยอีกต่อไป แต่จริงๆมันแค่ถูกทำให้เป็นอัตโนมัติเท่านั้น แต่ผู้ช่วยจะมีเวลาศึกษาในด้านอื่นมากขึ้น
องค์การระหว่างรัฐบาลเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจเปิดเผยงานวิจัยของตนเองในปี 2016 งานวิจัยนี้มีชื่อว่า “The Risk of Automation for Jobs in OECD Countries,” ได้สรุปงานวิจัยบางส่วนว่า จะมีงานที่ถูกทำให้เป็นอัตโนมัติอยู่ที่ 9 %
เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วสิ่งที่เราควรจะสนใจก็คือ
ช่องว่างของทักษะคืออะไร? AI จะกำจัดแรงงานที่มีทักษะต่ำและสร้างโอกาสในการทำงานที่มีทักษะสูงหรือไม่? คำถามที่เกี่ยวข้องคือคนส่วนใหญ่สามารถทำงานที่ซับซ้อนกว่างานที่มีอยู่ปัจจุบันได้หรือไม่? นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม
--- การใช้ AI ในที่ทำงาน ---
จากงานวิจัยของ Accenture ในเดือนมกราคมปี 2018 ที่มีชื่อว่า“ Reworking the Revolution” คาดการณ์ว่าการประยุกต์ใช้ AI ใหม่ร่วมกับการทำงานร่วมกันของมนุษย์สามารถเพิ่มการจ้างงานทั่วโลกได้มากถึง 10 เปอร์เซ็นต์ภายในปีนี้
3
ไฟฟ้าเปลี่ยนโลก เช่นเดียวกับพลังงานกล เช่นเดียวกับสายการประกอบ ไม่มีใครบอกได้ว่าเราจะดีขึ้นหากไม่มีเทคโนโลยีเหล่านั้น แต่จริงๆแล้วเทคโนโลยีเหล่านี้กลับทำให้เราดีขึ้น สร้างงาน และอัตราค่าจ้างสูงขึ้นด้วย และการมาถึงของเทคโนโลยี AI จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่าไฟฟ้า การใช้เครื่องจักร และทุกสิ่งที่เคยมีมาก่อน
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เรียกว่ากลไกเศรษฐกิจเสรี และนั่นเป็นเหตุผลที่งานไม่มีวันหมดหายไปจากการมาถึงของระบบอัตโนมัติหรือ AI เพราะงานไม่ใช่จำนวนคงที่ที่จะถูกตัดออกไปเรื่อยๆจนหมด ส่งผลให้เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่งานมีจำนวนมากบนโลก เนื่องจากมีผู้ซื้อ และผู้ขายแรงงาน
1
แม้ว่างานจะไม่หายไปจากตลาด แต่งานเดิมย่อมมีทั้งหายไป และเปลี่ยนรูปแบบ สุดท้ายแล้วคนที่สามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยี และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดคือผู้ที่ยังยืนอยู่ในตลาดแรงงานได้นั่นเอง
โฆษณา