20 ม.ค. 2021 เวลา 15:53 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เจาะลึก Ark invest ในหัวข้อกองทุน ARK Fintech Innovation
กอง ETF ที่ยังไม่มีกองทุนไทยไหนเลือกลงทุน และทำไมถึงน่าสนใจ ลองมาติดตามกัน
Fintech ที่ไม่ใช่แค่ Bitcoin
1
เรามาดูกันก่อนว่า Fintech ในความหมายของทาง ARK invest นั้น หมายถึง การลงทุนในธีมดังต่อไปนี้
- Digital Wallets : การเก็บเงินในรูปแบบดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นเงินสด หรือ cryptocurrency
- Mobile Payments : การชำระเงินผ่านทางมือถือ ทั้งเงินสดและบัตรเครดิต
- Lending : การกู้ยืมเงินผ่านทางระบบดิจิตอล โดยใช้ Data Science ในการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้กู้ยืม เมื่อข้อมูลการใช้จ่ายของเราทั้งหมดถูกเก็บไว้ที่ Server ของผู้ให้บริการ ทำให้เครดิตบูโรไม่จำเป็นอีกต่อไปในโลกอนาคต
- Risk Transformation : การเปลี่ยนแปลงความเสี่ยงโดยใช้องค์ประกอบ 4 อย่าง กลยุทธ์, นโยบายรัฐบาล, Business model และเทคโนโลยี ในการจัดการกับความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
- Artificial Intelligence : การใช้ AI ในการจัดการกับธุรกรรมทางการเงิน ตั้งแต่การฝากเงิน การลงทุน การกู้ยืมเงิน เป็นต้น
- eCommerce : การค้าขายผ่านทางระบบดิจิตอล, ระบบ POS, ระบบการชำระเงิน
Investment Focus ของกองทุน ARKF
ปัจจัยสำคัญที่ ARK invest จะเลือกลงทุนในบริษัทใด จะใช้หลักที่ว่า "บริษัทนั้นสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับ Ecosystem ของระบบ Fintech โลก มากเพียงไหน"
เราก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วแบบไหนที่เรียกว่า "ความสามารถในการสร้างความเปลี่ยนแปลง" ซึ่งทาง ARK invest เหมือนจะรู้ว่านักลงทุนจะมีคำถามนี้ จึงได้ให้คำตอบไว้เรียบร้อยแล้วว่า 1. ต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกรรมทางการเงิน 2. ต้องลดขั้นตอนความยุ่งยาก และขจัดแรงเสียดทาน และ 3. ต้องเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และการบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น
ทำไม ARKF ถึงน่าสนใจสำหรับนักลงทุน
จากการวิจัยของทาง ARK ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันภายในประเทศสหรัฐอเมริกามีการใช้ Digital Wallet อยู่ประมาณ $29.5 พันล้านเหรียญ และในปี 2024 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า มูลค่า Digital Wallet อยู่ประมาณ $8 ล้านล้านเหรียญ หรือโตขึ้น 27 เท่า
จากมุมมองนี้ ทำให้ ARK เล็งเห็นแล้วว่าควรจะเข้าไปลงทุนตั้งแต่ช่วงแรก โดยเริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2019 ที่ตลาดยังเติบโตไม่ค่อยมาก และจากวิสัยทัศน์นี้ ทำให้ในปี 2020 กองทุน ARKF สามารถทำผลงานได้ถึง 107.91% และกลายเป็นกองที่ทำผลงานได้โดดเด่นติดอยู่ใน Quartile ที่ 1 จากบรรดากองทุนทั้งหมด 231 กอง ณ ขณะนั้น
หากลองวิเคราะห์ถึงกลุ่มบริษัทที่ทาง ARKF เลือกลงทุน จะกระจายอยู่ใน 4 Sectors หลักๆ ได้แก่
- Information Technology (39.8%)
- Communication Services (24.0%)
- Financial (18.30%)
- Consumer Discretionary (15.7%)
ซึ่งถือว่าเป็นการกระจากการลงทุนไปตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำของธุรกิจ Fintech
1
มาทำความรู้จักกับบริษัท Top Holdings ที่ทาง ARKF เลือกลงทุนอยู่กัน
1. Square Inc : บริษัทผู้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการชำระเงินในอเมริกา โดยให้บริการ POS กับร้านค้า สำหรับรับชำระเงินผ่าน Digital Pament และกำลังเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจการกู้เงินออนไลน์ ให้กับธุรกิจขนาดเล็ก
2. Mercadolibre : ชื่อนี้เราอาจจะไม่คุ้นหู แต่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ยักษแห่งละตินอเมริกา ผู้ครองตลาด Ecommerce, Online Marketplace, Online Auction
3. Zillow Group : ศูนย์กลางในการจำหน่ายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทางออนไลน์ ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเหตุการณ์ Covid-19 ช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจนี้เกือบ 3 เท่าตัว
4. Pinterest : แพลตฟอร์มที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง สำหรับดูรูป และไอเดียต่างๆ โดยตั้งแต่บริษัทเข้า IPO ในตลาดเมื่อปี 2019 ก็เป็นที่ถูกจับตามอง แต่ก็ยังไม่สามารถเติบโตได้เท่าที่ควร แต่หลังจากวิกฤต Covid-19 ก็ทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นเกือบ 6 เท่าตัว
5. Tencent : บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน ที่มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีครบวงจร
และยังเป็นยักษ์ใหญ่ด้าน Digital Payment มีผู้ใช้งานแค่ภายในจีน หลายร้อยล้านคน
6. SEA LTD : เราอาจจะไม่คุ้นหูกับบริษัทนี้ซักเท่าไร แต่ถ้าพูดถึง Garena, Shoppee และ Airpay (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ShoppeePay) ก็คงรู้จักกันดี
7. Lendingtree : บริษัทสัญญาอเมริกาที่เป็นศูนย์กลางให้กับผู้ที่ต้องการกู้ยืมเงิน สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
สำหรับใครที่กังวลหรือคิดว่ากองทุน ARKF กำลังลงทุนใน Bitcoin หรือ Cryptocurrency ขอบอกว่าไม่ต้องห่วงครับ เพราะนโยบายของกองทุนไม่ได้ต้องการไปเทรด Cryptocurrency แต่เป็นการมองถึง Ecosystem ของโลกการเงินในอนาคต และเลือกลงทุนตั้งแต่ช่วงต้นของ S curve ก่อนที่ระบบการเงินจะกลายเป็น Digital Currency ทั้งหมด
หากวิเคราะห์ถึงแนวโน้มการเติบโตของบริษัทเหล่านี้ ก็มีโอกาสในการเติบโตต่อไปได้ในอนาคต แต่ต้องอย่าลืมว่าในหลายๆบริษัทยังอยู่ในช่วงต้นของ S Curve เท่านั้น ถ้าดูที่ Bottom line บางบริษัทยังไม่สามารถสร้างกำไรให้กับธุรกิจได้เลย จึงถือว่าเป็นความเสี่ยงสำหรับนักลงทุน
1
โฆษณา