22 ม.ค. 2021 เวลา 12:58 • ยานยนต์
NIO แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะกลายเป็น Tesla ของเมืองจีน
NIO อาจไม่ใช่ชื่อที่เป็นที่คนยุโรป หรือคนอเมริกาคุ้นเคย แต่บริษัทนี้กำลังกลายเป็นผู้เล่นชั้นนำในตลาด EV ของจีน
Tesla พึงทำให้ Elon Musk เป็นคนที่รวยที่สุดในโลกหลังจากที่หุ้นพุ่งขึ้นถึงราคา 816 ดอลลาร์ จากการพุ่งรวดเดียวเกือบ 10% แต่ Tesla ไม่ใช่ บริษัท รถยนต์ไฟฟ้ารายเดียวที่มีหุ้นพุ่งขึ้นอย่างมากในปี 2020
ผู้ผลิตรถยนต์สตาร์ทอัพสัญชาติจีน NIO เป็น บริษัท รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากเซี่ยงไฮ้ ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ William Li เป็นหนึ่งในบริษัท โดยเน้นที่ตลาดรถยนต์กลาง-พรีเมี่ยม และเริ่มเปิดตัวที่รถ SUV ซึ่งเป็นประเภทรถที่ผู้ซื้อชาวจีนชื่นชอบ
บริษัทเข้าตลาดหุ้นในเดือนกันยายน 2018 แต่ประสบปัญหาทางการเงินในอีกหนึ่งปีต่อมา จนส่อแววล้มละลายในช่วงปี 2019 - ต้นปี 2020 หลังจากนั้นในปี 2020 ราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้น 1000% เป็น 50 ดอลลาร์ แต่สิ่งที่ทำให้ราคาหุ้นพุ่งไม่ใช่มาจากรถยนต์ของ NIO อย่างเดียว แต่เกิดจากการอัดฉีดเงินของรัฐบาลจีนที่มากถึง 1 พันลานเหรียญดอลลาร์ เพื่อให้จีนกลายเป็นประเทศปลอดคาร์บอน โดย 25% ของยอดขายรถยนต์ในปี 2025 จะต้องเป็นพลังงานที่ก่อมลภาวะน้อยที่สุด กลายเป็นการปูทางสำหรับ NIO อย่างเต็มที่
และในเดือนสิงหาคมในปีเดียวกัน William Li ผู้ก่อตั้งกล่าวว่า บริษัท คาดว่าจะดำเนินแผนการขยายธุรกิจระหว่างประเทศในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 โดยเริ่มจากยุโรป
ช่วงครึ่งหลังของปี 2020 เป็นช่วงที่มียอดขายรถเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเพิ่มต่อเนื่องเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกัน โดยมียอดขาย 7,000 คันในเดือนธันวาคม และในปี 2020 ก็สามารถทำยอดขายเป็น 2 เท่าของปีก่อนหน้าโดยสามารถส่งมอบรถยนต์ได้ทั้งสิ้น 43,728 คัน
ความต้องการที่แข็งแกร่งสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวโดยรวมของเศรษฐกิจจีนและตลาดรถยนต์ และการขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของจีน เหตุผลสำคัญก็มาจากการสนับสนุนอย่างจริงจังของรัฐบาลจีน ไม่ว่าจะเป็นการให้เงินอุดหนุน ผ่อนปรน และให้ความสะดวกเรื่องใบอนุญาตต่างๆ
การเปิดตัวรถยนต์ของ NIO
บริษัทได้ออกรถรุ่น SUV ในกลุ่มพรีเมี่ยม และสามารถทำยอดขายได้สูงกว่าคู่แข่ง และล่าสุดในวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัว รถซีดาน(รถยนต์ 4 ประตู)รุ่นแรก et7 พร้อมชุดแบตเตอรี่ 70 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงเริ่มต้นที่ 448,000 หยวน (69,000 ดอลลาร์) และบริษัทโปรโมทว่ามีเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยตัวเองที่เหนือกว่า Tesla และสำหรับรถยนต์ซีดานบริษัทก็จะบุกตลาดรถพรีเมี่ยมเช่นกัน
ทั้งราคา และการจัด Position ของตัวเองให้เป็นแบรนด์พรีเมี่ยมแน่นอนว่าต้องการนำรถรุ่นซีดานนี้มาท้าชนกับ Tesla Model S
์NIO พยายามที่จะสร้างตัวเองให้เป็น Tesla ของจีน โดย NIO พยายาม position ตัวเองให้เป็นแบรนด์ EV ระดับพรีเมียมสามารถเข้าถึงตลาดจีนได้ซึ่งจะเติบโตขึ้นอย่างมากในอีก 5 ปีข้างหน้า
โมเดลธุรกิจที่น่าสนใจของ NIO
1.subscription purchasing model
ทำให้ผู้ซื้อรถยนต์สามารถเช่าแบตเตอรี่ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีราคาสูงของรถยนต์ได้ แทนที่จะให้จ่ายเงินซื้อครั้งเดียว แต่ให้เป็นการเช่าแทน เช่น ถ้าต้องการซื้อรถยนต์พร้อมแบตเตอรี่ 70kWh สามารถได้ลดราคาเริ่มต้นไปกว่า 10,000 ดอลลาร์ และจ่ายค่าเช่าต่อเดือนแทน ซึ่งโมเดลนี้จะทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงง่ายขึ้น คือซื้อในราคาเริ่มต้นที่ต่ำลง และเมื่อมีแบตเตอรี่รุ่นใหม่สามารถเปลี่ยนได้ทันทีซึ่ง NIO มีศูนย์เปลี่ยนแบตมากถึง 143 แห่ง ใช้เวลาเปลี่ยนเพียงแค่ 3-10 นาที เรียกบริการนี้ว่า BaaS หรือ Battery as a Service และปัจจุบันเปลี่ยนแบตไปแล้วมากถึง 800,000 ตัว และทาง NIO ก็เคลมว่า Baas เป็นสิ่งที่วางแผนไว้นานแล้ว และมีเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยเฉพาะ(unique battery swap technologies) และในการเปลี่ยนแบตเตอรี่จะมีประกันด้วยเช่นกันทำให้อุ่นใจได้ว่าเมื่อเกิดปัญหาก็สามารถมาเปลี่ยนได้เสมอ
2.ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับแบตเตอรี่หมดในการเดินทางทีเรียกว่า “range anxiety”
ความกังวลเกี่ยวกับแบตเตอรี่หมดในระหว่างการเดินทาง และเวลาที่ต้องใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่เป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้ที่กังวลเกี่ยวกับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่จะแตกต่างกันไป แต่นานกว่าการเติมน้ำมันแน่นอน
แต่สำหรับ NIO แทนที่จะต้องรอการชาร์จแบตเตอรี่ BaaS ของ NIO สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เปล่าเพื่อเป็นตัวชาร์จเต็มได้ภายใน 3 นาทีที่ battery swap stations
BaaS ของ NIO จะทำให้คนเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นไปอีกอย่างคนจีนในเซี่ยงไฮจำนวนมากไม่มีที่จอดรถส่วนตัว หรือพร้อมที่จะสะดวกติดตั้งที่ชาร์จ ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกยุ่งยากในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า เพราะฉะนั้นการมี BaaS อาจจะช่วยตอบโจทย์สำหรับคนกลุ่มนี้ได้ และการมาเป็นผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า
ในขณะที่ตอน Tesla ออกรถรุ่นที่ 2 คือรุ่นซีดาน Tesla ก็มีความกังวลเรื่อง range anxiety เช่นกันจึงมีการเสนอสถานี supercharger station ซึ่งมีให้บริการมากถึง 20,000 แห่งทั่วโลก และก็มีการเสนอโมเดลการเปลี่ยนแบต(battery swapping) เช่นกันแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้าจนต้องยกเลิกโมเดลนี้ไป
แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีข้อจำกัดคือไม่ได้เป็นผู้ควบคุมห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดและต้องอาศัย Supplier สำหรับส่วนประกอบต่างๆ
NIO มีฐานลูกค้าเป็นประเทศจีนที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกซึ่งมากพอที่จะไม่ต้องขยายไปที่อื่นเลยในช่วงแรก พร้อมการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอีก
ปัจจุบัน Tesla มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 8 แสนล้านดอลลาร์ และ NIO มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 9 หมื่นล้านดอลลาร์
Credit Pic: CNBC
โฆษณา