ไม่กินเค็มทั้งที ...🚫🧂
อย่าคิดว่าหนีโซเดียมพ้น...😓
หากใครเคยไปทำธุระที่โรงพยาบาลของรัฐ โดยเฉพาะโรงพยาบาลประจำอำเภอใหญ่ ๆ หรือโรงพยาบาลประจำจังหวัดบ่อย ๆ น่าจะเคยเห็นภาพแผนกตรวจโรคบางแผนกที่มีคนมารอคิวพบหมอเยอะมาก...
จริง ๆ ก็ต้องบอกว่าเยอะแทบทุกแผนกแต่ที่น่าสนใจคือแผนกที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้ มีการตรวจแค่โรคเดียวเท่านั้น..😬
นั่นคือ "โรคความดันโลหิตสูง"
"โรคควาามดันโลหิตสูง"เป็นโรคที่คนไทยป่วยไข้ ไม่สบายเยอะมาก
เยอะมากจนทางโรงพยาบาลต้องนัดผู้ป่วยแยกออกมาจากโรคอื่น...
เฉพาะเจาะจงเป็นวัน ๆ ไปเลย
..
ณ ปัจจุบันคาดว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากถึงกว่า 14 ล้านคนขึ้นไป ...
แต่ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือ กว่าครึ่งไม่ทราบว่าตัวเองป่วย เพราะไม่ได้ไปตรวจร่างกาย
"โรคความดันโลหิตสูง"ถือเป็นโรคที่ได้รับฉายาว่า"ฆาตรกรเงียบ" เพราะมักไม่แสดงอาการใด ๆ จนกว่าจะถึงขึ้นร้ายแรงจนเกิดภาวะหลอดเลือดสมองแตกหรือไม่ก็ป่วยเป็นภาวะไตวาย
ส่วนสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทำให้คนไทยป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงกันเยอะน่ะเหรอครับ?
หลัก ๆ ก็คือ...คนไทยมีนิสัยติดกินเค็มไงครับ ❤️🧂
..
..ไม่ว่าจะกินอะไร..แกงส้ม ต้มจืด ผัดผัก ผัดพริก ผักกระเพราะ ไข่ดาว ไข่เจียว เป็นต้องเหยาะน้ำปลานิด ซีอิ้วหน่อย ...ไม่งั้นจะรู้สึกว่ามันไม่อร่อย ไม่เจริญอาหาร...
ภายหลังจึงมีการรณรงค์ให้ลดการกินเค็ม โดยเน้นย้ำไปที่การลดโซเดียมเป็นหลัก...เพราะโซเดียมในอาหารรสเค็ม เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
..ตรงนี้เองที่หลายคน มีความเข้าใจว่า หากเราไม่กินเค็ม คือหลีกเลี่ยงไม่กินของที่มีรสเค็มหรือมีเกลือ น้ำปลาหรือซีอิ้วขาวแล้ว
เราก็จะปลอดภัยจากโซเดียม ห่างไกลจากโรคความดันโลหิตสูงได้...😁✌️
..
ไม่ครับ....😌☝️เท่านั้นมันไม่พอ
..
ผมอยากจะบอกคุณว่า
แค่คุณไม่กินเค็ม ไม่ได้หมายความว่าคุณจะหนีโซเดียมต้นต่อของโรคความดันโลหิตสูงพ้น.....😬
โซเดียม ไม่ได้ = เค็ม เท่านั้น
และเค็ม ก็ไม่ได้ = เกลือ น้ำปลา ซีอิ้วเท่านั้น
..
ก่อนที่จะไปรู้จักอาหารที่มีโซเดียมซ่อนอยู่ เราต้องทราบก่อนว่าในหนึ่งวันร่างกายเราต้องการโซเดียมเพียงไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม แต่เฉลี่ยแล้วคนไทยเราบริโภคโซเดียมสูงถึง 3,000 - 5,000 มิลลิกรัมต่อวันเลยทีเดียว😓
..
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?🤔
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว ยังมีอาหารอีกสารพัดชนิดที่ไม่เค็มหรือเค็มน้อยแต่มีโซเดียมผสมอยู่โดยที่เราไม่ทราบ
อาหารบางชนิดนั้นมีโซเดียมผสมอยู่มากจนน่าตกใจ..😬
เราจะไปดูกันทีละอย่างนะครับ
ว่ามีอาหารอะไรบ้างที่มีโซเดียมซ่อนรูปผสมอยู่?
..
🔻บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะมีผงปรุงรส ซึ่งในผงปรุงรสจะมีโมโนโซเดียมกลูตาเมตผสมอยู่ เฉลี่ยแล้วบะหมี่ซองขนาด 60 กรัม จะมีโซเดียมอยู่ถึง 1500 มิลลิกรัม
..
🔻ไส้กรอก แฮม เบคอน ฯ
อาหารจำพวกเนื้อสัตว์แปรรูปเหล่านี้ ต้องใช้เกลือในขบวนการผลิตสูงมาก
ยกตัวอย่างเบคอน 100 กรัม(1ขีด)จะมีโซเดียมอยู่ถึง 751 มิลลิกรัม
..
🔻น้ำผลไม้สำเร็จรูป
ฟังดูไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับ..😬
น้ำผลไม้จะมีโซเดียมด้วย มันไม่ค่อยจะเค็มเลยนี่
มีครับ นอกจากมีน้ำตาลสูงแล้วในน้ำผลไม้สำเร็จรูปยังมีโซเดียมอยู่ด้วย เช่นในน้ำมะเขือเทศ 200 มิลลิลิตรจะมีโซเดียมผสมอยู่ถึง 280 มิลลิกรัม
..
🔻ขนมกรุบกรอบ
สำหรับใครที่ชอบทานขนมขบเคี้ยวเวลาดูหนัง ฟังเพลงหรือนั่งทำงานWork from home ระวังให้ดีเลยนะครับ เพราะในขนมขบเคี้ยวมีโซเดียมอยู่ไม่ใช่น้อย เช่นถั่วลิสงอบ 100 กรัมนั้นมีโซเดียมตั้ง 400 มิลลิกรัมเลยทีเดียว
..
🔻ซอสมะเขือเทศ
เครื่องปรุงรส เครื่องจิ้มชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมกินกันมากในช่วงหลัง ๆ ก็คือเจ้าซอสมะเขือเทศรสเปรี้ยวหวาน
ปะแหล้ม ปะแหล้ม
ถึงแม้เราจะไม่รู้สึกว่ามันเค็ม แต่ความเป็นจริงแล้วในซอสมะเขือเทศมีโซเดียมอยู่มาก เอาแค่ 1 ช้อนโต๊ะก็มีโซเดียมอยู่ถึง 149 มิลลิกรัม
..
🔻ขนมปัง
ใครชอบทานขนมปังโฮลสวีต.เพื่อรักษาสุขภาพบ้างครับ ทราบหรือไม่ว่าขนมปังโฮลสวีทมีโซเดียมมากกว่าขนมปังแบบแผ่นขาวเสียอีก
ขนมปังโฮลสวีท 1 แผ่นมีโซเดียม 125 มิลลิกรัม
ขนมปังแผ่นขาว 1 แผ่นมีโซเดียม 117
มิลลิกรัม
อาหารจำพวกขนมปัง เบเกอรี่ ต้องใช้ผงฟูในขบวนการผลิต และผงฟูก็คือโซเดียมชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า โซเดียมไบคาร์บอเนต
..
เห็นไหมครับ มีอาหารที่เราทานกันเป็นประจำที่แอบมีโซเดียมซ่อนอยู่ตั้งหลายอย่าง ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีรสเค็ม
เพราะเหตุว่า คำว่าโซเดียมไม่ได้หมายถึงเฉพาะโซเดียมคลอไรด์ซึ่งก็คือเกลือแกงเท่านั้น
ยังมีโมโนโซเดียมกลูตาเมต
(ผงชูรสในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำซุป ซุปก้อน)
โซเดียมไบคาร์บอเนต
(ผงฟูในขนมปัง)
โซเดียมเบนโซเอต
(สารกันบูดในขนมขบเคี้ยว อาหารกระป๋องและน้ำผลไม้สำเร็จรูป)
ถ้าสังเกตุดูดี ๆ จะพบว่าอาหารยิ่งมีการปรุงแต่งมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะพบว่ามีโซเดียมผสมอยู่ในปริมาณมากก็ยิ่งสูงตามไปด้วย
..
มีคำแนะนำวิธีหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีโซเดียมสูง ดังนี้
วิธีที่ 1).❌อยู่ให้ไกลจากผงชูรส
อย่างที่เรียนให้ทราบว่า ผงชูรสหรือผงปรุงรสก็คือ สารโมโนโซเดียมกลูตาเมต เป็นโซเดียมชนิดหนึ่ง มีการใช้ในอาหารเพื่อเพิ่มความอร่อยหรือเพิ่มความอยากอาหารให้มากขึ้น
มีอาหารอย่างหนึ่งที่ทำให้เราเผลอบริโภคผงชูรสหรือผงปรุงรสสูงโดยไม่ทันคิด
อาหารชนิดนั้นก็คือ น้ำซุปทุกชนิด ใครที่กินชาบูหมูกะทะแล้วชอบซดน้ำซุป โปรดระวัง❗ ...ใครที่กินก๋วยเตี๋ยวบะหมี่แล้วชอบซดน้ำจนเกลี้ยงชามโปรดระวัง❗โซเดียมเพียบ
..
วิธีที่ 2).❌ลดการเหยาะ จิ้ม
ใครที่ติดนิสัยเวลากินอาหารชอบจิ้มทุกอย่าง จิ้มน้ำปลา จิ้มซีอิ้ว จิ้มซอสปรุงรส จิ้มซอสพริก ซอสมะเขือเทศ
ให้ลดการจิ้มเครื่องปรุงเหล่านี้ลงบ้าง
เนื่องจาก ปกติแล้วในอาหารปรุงสุกนั้นมีส่วนผสมของเครื่องปรุงรสอยู่แล้ว ในตอนที่แม่ครัวปรุงอาหาร หากเราจิ้มเพิ่มไปอีก เราก็จะได้รับโซเดียมสูงเข้าไปใหญ่เลยทีนี้
..
วิธีที่ 3).❌เพลา ๆ อาหารรสจัดลง
เราอย่าลืมว่า อาหารที่มีรสจัดทุกชนิดจำเป็นต้องเสริมรสชาติด้วยเครื่องปรุงอาหารจำพวกกะปิ น้ำปลา น้ำตาล รวมไปถึงซอสชนิดต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีโซเดียมอยู่ในปริมาณสูงยกเว้นแค่น้ำตาล
หากเราหันมากินอาหารรสชาติที่จืดลงบ้าง ก็เท่ากับเราลดการรับโซเดียมผ่านความจัดจ้านของอาหารลงได้
..
วิธีที่ 4)❌ เลือกกินอาหารสด ใหม่
ตามที่เรียนให้ทราบตอนต้นว่า อาหารสองประเภทที่อุดมไปด้วยโซเดียมคืออาหารจำพวกเนื้อสัตว์แปรรูปและอาหารกระป๋องทั้งหลาย ไม่เว้นแม้แต่น้ำผลไม้กระป๋องหรือแบบกล่อง
เพราะฉะนั้นหากทำได้ เราควรหันมา
บริโภคอาหารสด อย่าง ผัก ผลไม้สดหรืออาหารที่ปรุงใหม่ ๆ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
..
วิธีที่ 5).❌ อ่านสักนิดก่อนกิน
วิธีการอย่างหนึ่งที่เราทำได้ แต่มักไม่ค่อยมีคนทำคือ การสังเกตุปริมาณโซเดียมจากฉลากอาหาร
ทางหนึ่งที่เราจะควบคุมปริมาณโซเดียมที่เราจะบริโภค หากเราจำเป็นต้องการบริโภคอาหารสำเร็จรูป ก็คือการดูก่อนกิน การดูปริมาณโซเดียมเพื่อคำนวณคร่าว ๆ ว่าวันนี้เรารับโซเดียมสูงไปรึเปล่า
หากมื้อนี้สูงไป มื้อหน้าจะได้ไม่เลือกอาหารที่มีโซเดียมสูงเพิ่มเข้าไปอีก
..
นี่เป็น 5 วิธีการพื้นฐานง่าย ๆ ที่ช่วยให้เราลดการบริโภคโซเดียมลงได้
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกันใหม่ว่าการลดโซเดียมไม่ใช่เพียงการลดการกินเค็มเท่านั้น แต่คือการลดอาหารทุกชนิดที่มีโซเดียมซ่อนรูปผสมอยู่
อย่าให้"ฆาตรกรเงียบ"ที่ชื่อว่าโซเดียมแอบมาทำร้ายร่างกายเราโดยไม่รู้ตัวเลยนะครับ...
ด้วยความปรารถนาดีจาก...พี่ข้าว🌾
..
ขอบคุณข้อมูลจาก
ภาพประกอบจากunsplash,pixabay
ติดตามอ่านบทความได้ที่
- 30
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
