34% ของนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรในโครงการ Hope เป็นผู้หญิง นำโดย Sarah Al Amiri เพื่อสร้างภาพจำใหม่เกี่ยวกับปัญหาด้านความไม่เท่าเทียมทางเพศ ที่มา – UAE Space Agency
ดังนั้นหมุดหมายทางวัฒนธรรมนี้จึงเป็นตัวเร่งให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด รวมถึงการสนับสนุนจากผู้นำประเทศอย่าง Mohammed bin Rashid Al Maktoum รองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีความสนใจอย่างมากในงานด้านอวกาศ ซึ่งชื่อของพระองค์ก็ได้ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อของ MBRSC หรือ Mohammed Bin Rashid Space Centre ในรัฐดูไบ ซึ่งเป็นฐานสำคัญของโครงการ Hope ด้วย
9 กุมภาพันธ์ 2020 ท่านยังได้ออกมาทวีตผ่าน Twitter ส่วนพระองค์ @HHShkMohd วิดีโอที่สำคัญมาก ๆ ตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนยาน Hope เข้าสู่วงโคจรของดาวอังคาร ซึ่งวิดีโอเป็นภาษาอาหรับ แต่ถอดความท่อนสำคัญออกมาได้ว่า “After more than five million working hours by more than 200 Emirati engineers, our goal is to give hope to all Arabs, and the fact the we can compete with nations and other people” และ “And even if the Hope Probe couldn’t enter the orbit, I say that we entered the history, because this will be the farthest point in the universe Arabs have ever reached.”
Space Agency อายุแค่ 6 ปี แต่ไปถึงดาวอังคารได้อย่างไร
อีกหนึ่งความน่าสนใจและน่าทึ่งมาก ๆ ของโครงการอวกาศของ UAE ก็คือ Space Agency ของ UAE นั้น เพิ่งเกิดขึ้นมาในระยะเวลาแค่ 6 ปีเท่านั้น Elizabeth Gibney ซึ่งเธอเป็นนักเขียน นักวิเคราะห์ข่าววิทยาศาสตร์ ได้เขียนบทความลงบน Nature ในชื่อบทความว่า How a small Arab nation built a Mars mission from scratch in six years (https://www.nature.com/immersive/d41586-020-01862-z/index.html) โดยใจความสำคัญนั้นกล่าวถึง หลาย ๆ มุมด้วยกัน