21 ก.พ. 2021 เวลา 13:45 • ปรัชญา
#โค่นมันซ่ะ
บางครั้งที่คุณกลัวมากที่สุด สิ่งนั้นอาจจะเป็นตัวที่ช่วยปลดปล่อยความเป็นตัวของคุณเองได้มากที่สุดเช่นกัน อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
1
การพบเจอ
พีช ชายหนุ่ม นักธุรกิจคนหนึ่ง เขากำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง ซึ่งการเดินทางไปทำงานครั้งนี้ เขาต้องผ่านหมู่บ้านที่สมัยเด็กเคยอาศัยอยู่
เขาจึงตัดสินใจ ที่จะเข้าไปเยี่ยมเพื่อน ที่สนิทด้วยมาก ๆ เมื่อตอนเป็นเด็ก แต่ทว่าเมื่อไปถึงบ้านของเพื่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาก็ต้องพบกับความตกใจเมื่อ พีช ได้เห็นว่าเพื่อนของเขาอาศัยอยู่อย่างแล้นแค้น ในบ้านเก่า ๆ โทรม ๆ หลังหนึ่ง พร้อมกับพี่ชายอีกสองคน
ทรุดโทรม
หลังจากที่ได้พบเจอ และพูดคุยกันครู่หนึ่ง พีช ก็ตัดสินใจที่จะกล่าวอำลาเพื่อนของเขาไป เพราะไม่อยากสร้างภาระให้กับเพื่อนของเขาไปมากกว่านี้
แต่ถึงอย่างนั้น เพื่อนของเขาก็ยืนกรานที่จะให้ พีชอยู่ต่อให้ได้ เนื่องจากการเดินทางตอนดึกผ่านหมู่บ้านนี้ไปนั้นแสนอันตราย ด้วยเหตุนี้ พีช จึงตัดสินใจนอนค้างคืนด้วย
เย็นวันนั้น ขณะพูดคุยกัน พีช ก็สังเกตเห็นว่าพี่ชายคนโตได้ลุกออกไปจากวงสนทนา จากนั้นเขาก็เดินไปที่สวนหลังบ้าน และเริ่มเก็บถั่วเม็ดโต จากต้นตระกูลถั่วที่มีอายุเก่าแก่ มาสองเม็ด
เพื่อเงินและปากท้อง
หลังจากนั้น พี่ชายคนโต ก็นำเมล็ดถั่วนั้นไปขาย ในตลาดเพื่อหารายได้มาซื้อของสำหรับทานข้าวเย็นนี้
พีช จึงถามเพื่อนของเขา จนได้ทราบว่าเพื่อนและพี่ชายทั้งสองคนใช้ชีวิตกันแบบนี้มานานแล้ว พวกเขาจะขายเมล็ดถั่วเหล่านั้นไปทุกครั้งที่ต้องการใช้เงิน
ด้วยเหตุนี้หลังจากที่พี่ชายคนโตกลับมา พร้อมทั้งแป้งและอาหารอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งปริมาณอาหารหลังจากที่ทำออกมาแล้ว ดูน้อยมากจนเหมือนทานได้เพียงพอแค่คนสองคน
เหลือเพียงแค่สองคน บนโต๊ะอาหาร
ด้วยสีหน้าของ พีช ที่แอบตกใจเล็กน้อย พี่ชายจึงพูดกับ พีช ว่า “ไม่ต้องเกรงใจนะ วันนี้พี่อดอาหาร ทานกันตามสบายเลย” ส่วนพี่ชายคนที่สอง ก็พูดเสริมขึ้นมาว่า “วันนี้พี่ปวดท้อง คล้ายจะท้องเสีย ดังนั้นน้อง ๆ ก็ทานกันตามสบายเลยนะ”
ด้วยเหตุนี้ บนโต๊ะอาหารเย็น จึงเหลือเพียงแค่ พีช และเพื่อนของเขาทานร่วมกันเท่านั้น
ในกลางดึกคืนนั้น พีช ที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาก็ถึงกับนอนไม่หลับ และคิดทบทวนอยู่ภายในหัวเพียงแค่ว่า “เขาจะช่วยเพื่อนของเขา ได้อย่างไร” ทันใดนั้นเอง ความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นมาในใจ
1
ความในใจ และการแก้ไขที่คิดคนเดียว
พีช ที่รอ ให้ทุกคนหลับสนิท เขาจึงรีบลุงขึ้นจากที่นอน แล้วเดินตรงไปหยิบขวาน พร้อมทั้งเดินไปที่ร้านหลังบ้าน เพื่อโค่นต้นไม้ตระกูลถั่วนั้นทิ้งไป อีกทั้ง ในคืนนั้นหลังจากที่ตัดต้นไม้เสร็จ พีช ก็เดินทางออกจากหมู่บ้านไปในทันที
จนกระทั่งในตอนเช้า เมื่อเพื่อนและพี่ชายทั้งสองตื่นขึ้นมา พวกเขาก็เดินไปที่สวนหลังบ้านเพื่อจะรดน้ำต้นไม้ที่สำคัญของเขา
แต่แล้ว พวกเขาก็ต้องตกใจมาก เมื่อเห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดที่อยู่ตรงหน้าได้เกิดขึ้น คือต้นตระกูลได้ถูกโค่นลงอย่างไม่มีชิ้นดี อีกทั้ง พีช ก็หายตัวไป เพื่อนจึงเข้าใจได้ว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เป็นฝีมือของพีช ที่เป็นคนทำไม่ผิดแน่”
ความผิดหวังและสิ่งที่พังทลาย
ฝูงชนจำนวนมากจึงมารวมตัวกันที่บ้านเก่า ๆ หลังนี้ และเริ่มประฌาม ถึง พีช นักธุรกิจคนดัง ที่ตัด และทำลาย ต้นกระกูลถั่ว ต้นที่เป็นแหล่งทำมาหากินของทั้งสามคนพี่น้อง แล้วแอบหนีไป กันอย่างสนุกปาก
ทั้งสามพี่น้อง ที่ทำสิ่งใดไม่ได้ จึงได้แต่นั่งน้ำตาคลอเบ้าอยู่ที่ด้านหน้าของต้นตระกูลถั่วที่ล้มและเริ่มแห้งตายไปแล้วแบบนั้นอยู่นานสองนาน
สามปีผ่านไป…..
พีชที่บังเอิญผ่านมาหมู่บ้านนี้อีกครั้ง พีช จึงคิดที่จะไปพบเพื่อนของเขาอีก เพื่อดูว่า ตอนนี้เขาเป็นอยู่อย่างไรบ้าง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็กลัวที่จะเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เนื่องจากข่าวลื่อที่เขาได้ยินมา เกี่ยวกับเมื่อ สามปีก่อนนั้น จึงทำให้ พีช กลัวมากว่า เขาอาจจะโดนดักทำร้ายหรือโดนอะไรบางอย่างจากชาวบ้านบางคนที่อาจจะยังจำเหตุการณ์นั้นได้
กลับมาอีกครั้ง
พีช จึงพยายามรวบรวมความกล้า แล้วเดินตรงเข้าไปในหมู่บ้านแบบกล้า ๆ กลัว ๆ เขาเดินเข้าไปจนกระทั่งถึงหน้าบ้านของเพื่อนเขาจนได้
1
แต่ที่น่าแปลกใจ คือในครั้งนี้ บ้านของเพื่อนคนเดิมนั้น ไม่ใช่กระท่อมเก่า ๆ โทรม ๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะที่ พีช เห็นอยู่ตรงหน้านั้น เป็นบ้านหลังใหญ่และสวยงามมาก ๆ ที่มาทั้งแทนบ้านหลังเก่านั้น
หลังจากที่ พีช ตัดสินใจ เคาะ ประตู เพื่อนของเขา ก็ออกมาเปิดประตูให้ ซึ่งเมื่อทั้งสองได้พบหน้ากันอีกครั้ง เพื่อนและพี่ชายทั้งสองที่ได้เห็น พีช ก็ถึงกับ ทรุดตัวลงไปที่พื้น พร้อมมีน้ำตาไหลออกมาอาบแด้ม จากนั้นเพื่อน ก็พูดกับ พีช ทั้งน้ำตาว่า “วันนั้น...นายโค่นต้นตระกูลถั่วของเราไป เราโกรธนายมากเลยนะ เพราะนั้นเป็นแหล่งรายได้เดียวของพวกเรา
เมื่อทุกสิ่งเปลี่ยนไป
อีกทั้งนายยังจากไปโดยไม่ได้บอกลากันสักคำ แต่ถึงแบบนั้น หลังจากที่เราได้ทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เราก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมนายถึงตัดต้นตระกูลถั่วของเราไป เพราะตราบใดที่เรายังอยู่กับการช่วยเหลือจากต้นตระกูลถั่วนี้นั้นต่อไป พวกเราก็คงจะไม่สามารถก้าวเดินต่อไปไหนได้แน่ ๆ
1
อีกอย่างถ้าวันนั้นนายไม่โค่นต้นนั้นทิ้งไป เราก็คงไม่คิดที่จะทำงานอะไรเพิ่มกันอีก และเราคงต้องอยู่อย่างแร้นแค้นเช่นนั้นตลอดไป แต่หลังจากที่เราสูญเสียแหล่งรายได้นั้นไป
มันก็ทำให้เราเริ่มมองหาช่องรายได้ ในการหาเลี้ยงชีพมากขึ้น เราที่ต้องทำงานกันหนักมาก และมันก็ทำให้เราเติบโตขึ้นมากเช่นกัน จนในวันนี้ ที่เรามีบ้านหลังนี้ ที่เรามีเงินมากมายขนาดนี้ได้ก็เพราะนาย ที่ช่วยทำให้เราออกจาก กรอบเดิม ๆ นั้นแหล่ะนะ ขอบคุณนายมากจริง ๆ เพื่อนรักของฉัน
1
มากกว่าคำขอบคุณ
เมื่อใดก็ตามที่เรายังคงได้รับการช่วยเหลือเกื้อกูลจากใครซักคนหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาเป็นเวลานาน ซึ่งสิ่งนั้นแม้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่หากเราได้รับเป็นเวลานาน ๆ
สิ่งนั้นก็อาจทำให้เราเคยชิน จนนำมาซึ่งความคิดที่ตีกรอบและความเกียจคร้านได้เช่นกัน
หากเราปลูกต้นไม้ดังเช่นในเรื่องนี้ไว้ในทุก ๆ ด้านของชีวิต จนทำให้เราเหมือนติดอยู่ในกรอบเดิม ๆ ก็จงทำใจและตัดต้นไม้นั้นทิ้งไปซ่ะ เพราะนั้นคือหนเดียวที่อาจจะทำให้คุณก้าวต่อไปได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น
ดังที่คุณ จตุพล ชมภูนิช กล่าวไว้ว่า “ในดินแดน comfort zone นั้นแสนสุขสบาย ที่ฉาบไว้ด้วย ปูนซีเมนต์ที่หนา จนทำให้เรารู้สึกว่า ที่แห่งนี้ อยู่แล้วสบายใจ แต่จำไว้เถอะว่า ที่ตรงนั้น ไม่มีวันที่จะมี ต้นไม้แห่งความสำเร็จ ใดงอกงามขึ้นไปได้เลย”
3
แปลและเรียบเรียงโดยเรื่องเล่าจากดาวนี้
ที่มา:
ติดตามเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄
โฆษณา