7 ธ.ค. 2018 เวลา 01:10 • บันเทิง
มิตรภาพของสองนักเขียนแฟนตาซีผู้ยิ่งใหญ่ (ภาคต้น)
เจ อาร์ อาร์ โทลคีน กับ ซี เอส ลูอิส ทั้งสองไม่เพียงเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเหมือนกัน หากยังเป็นนักเขียนเรื่องแฟนตาซีแสนคลาสสิคทัดเทียมกันด้วย
คนหนึ่งเขียนเรื่องลอร์ดออฟเดอะริงส์ ส่วนอีกคนเขียนเรื่องชุดเมืองนาร์เนีย
ทั้งคู่พบกันครั้งแรกในการประชุมของภาควิชาภาษาอังกฤษในปี 1926 เมื่อ ซี เอส ลูอิส (หรือที่เขาชอบให้ใครเรียกตัวเองว่า “แจ็ค” มากกว่า) เข้ามาเป็นอาจารย์ใหม่ที่มักดาเลนคอลเลจ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
ซี เอส ลูอิส เขียนถึงโทลคีนในการเจอกันครั้งแรกว่า “ไม่ใช่คนมีพิษมีภัย แต่ต้องดูๆ กันไปอีกสองสามครั้ง”
ศาสตราจารย์ทั้งสองคนนี้แม้จะคล้ายกันในแง่ความสนใจต่อภาษาและเทพนิยายของยุโรปเหนือ โดยที่ซี เอส ลูอิส ลุ่มหลงในเทพนิยายนอร์ส ส่วน เจ อาร์ อาร์ โทลคีน คลั่งไคล้ในภาษาไอซ์แลนด์ แต่ทั้งคู่ก็ถือว่ามีภูมิหลังและการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันมาก
ลูอิสอายุน้อยกว่าโทลคีน 7 ปี มาจากครอบครัวมีอันจะกินมากกว่าโทลคีน มีนิสัยเปิดกว้างและทันสมัยกว่าโทลคีน แม้จะไม่ได้แต่งงานแต่ก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมบ้านอย่างคลุมเครือกับหญิงหม้ายที่อายุมากกว่าเขา 26 ปี ซึ่งว่ากันว่าเธอเป็นกึ่งมารดาบุญธรรมกึ่งคู่รักของเขา
ขณะที่โทลคีนใช้ชีวิตถูกทำนองคลองธรรมของสังคมมาโดยตลอด
กระนั้นแล้วความแตกต่างเหล่านี้ก็ไม่อาจกีดขวางมิตรภาพของศาสตราจารย์หนุ่มทั้งสองแห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดได้ ในเมื่อทั้งคู่ต่างมีสติปัญญาพอๆ กัน และต่างก็หลงใหลในงานเขียนเช่นเดียวกัน
ภายหลังจากรู้จักกันได้ไม่นาน ทั้งสองก็สนิทสนมกันพอที่จะพบปะกันเป็นประจำในห้องทำงานของแจ็คในมักดาเลนคอลเลจ ใช้เวลาไปกับการสนทนา อ่านต้นฉบับของตนให้อีกฝ่ายฟัง และผลัดกันแสดงความคิดเห็นในงานของอีกฝ่าย
โทลคีนเอาต้นฉบับเรื่องเดอะเลย์ออฟเบเรนแอนด์ลูทิเอนให้ลูอิสอ่าน ลูอิสเกรงว่าเพื่อนรุ่นพี่ผู้นี้จะไม่อาจทนรับคำวิจารณ์ได้ จึงใช้วิธีสมติตัวละครนักวิจารณ์ขึ้นมาแสดงความคิดเห็นแทนตัวเอง
แต่โทลคีนนั้นให้ความสำคัญต่อคำวิจารณ์ของลูอิสอย่างมาก ส่งผลให้เขารื้องานชิ้นนี้มาเขียนใหม่
ทั้งสองเคยหารือและตกลงจะเขียนหนังสือร่วมกันเล่มหนึ่ง โดยลูอิสตกลงจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับพื้นที่ (Space) ส่วนโทลคีนเขียนเรื่องเกี่ยวกับเวลา (Time) นี่เป็นที่มาของหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง Out of the Silent Planet ของลูอิส และ The Lost Road ของโทลคีน
หลังจากนั้นโทลคีนและลูอิสได้เข้าร่วมกลุ่มการประพันธ์ที่ชื่อว่า “อิงคลิงส์” (Inklings) ซึ่งก่อตั้งโดยนักศึกษาคนหนึ่ง
ในช่วงแรกพวกเขาชุมนุมกันในห้องทำงานของลูอิส ก่อนที่จะขยายไปสู่ผับดิอีเกิ้ลแอนด์ไชลด์ (The Eagle and Childs - แต่พวกเขามักเรียกว่าร้านเบิร์ดแอนด์เบบี้ มากกว่า) ทุกเช้าวันอังคาร
ที่ร้านนี้เอง โทลคีนได้อ่านเรื่องย่อ “เดอะนิวฮ็อบบิท” (ซึ่งในเวลาต่อมาได้ชื่อว่า ลอร์ดออฟเดอะริงส์) ให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟังเป็นครั้งแรก ขณะที่ ซี เอส ลูอิส ก็อ่านต้นฉบับเรื่องชุดนาร์เนียให้เพื่อนๆ ฟังเช่นเดียวกัน
สมาชิกในกลุ่มอิงคลิงส์นี้ใช่ว่าจะเป็นนักเขียนหรือนักวิชาการกันทุกคน วอร์เรนผู้เป็นพี่ชายของแจ็คเองก็เป็นสมาชิกของกลุ่มในช่วงต้น เขาเรียนด้านการทหาร นอกจากนี้ก็มีบางคนที่เป็นนายแพทย์ แต่จุดร่วมของสมาชิกเหล่านี้คือต้องสนใจด้านงานเขียน เป็นเพื่อนกับลูอิส (ดูเหมือนว่าเมื่อเวลาผ่านไป เขาจะเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม) เป็นคู่สนทนาที่ดี สามารถร่วมดื่มเบียร์ได้ และที่สำคัญคือเป็นผู้ชาย!
(มีหลักฐานว่านักเขียนหญิงบางคนพยายามมาป้วนเปี้ยนที่ผับแห่งนี้เพื่อหวังจะได้รับคำชวนเข้ากลุ่มอิงคลิงส์ แต่ผลกลับเป็นว่า ซี เอส ลูอิส กับพรรคพวกกลับไม่ไยดีเธอ)
หนังสือว่าด้วยเรื่องราวในกลุ่มอิงคลิงส์
หลังจากที่เรื่องเดอะฮอบบิทได้รับการจัดพิมพ์ในปี 1938 โทลคีนก็เริ่มงานชิ้นใหม่ โดยเขียนบทเปิดเรื่องเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ส่งให้สำนักพิมพ์พิจารณา เมื่อได้รับการตอบกลับพร้อมกับเร่งให้ลงมือเขียนจนเสร็จในปี 1947 (ซึ่งระหว่างนั้นเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่2 เป็นอุปสรรคต่อการเขียนงานของเขาอย่างมาก)
โทลคีนใช้เวลาแก้ไขขัดเกลางานอีกราว 2 ปี จึงส่งให้บุคคลที่เขาคิดว่าควรจะได้อ่านต้นฉบับเรื่องนี้เป็นคนแรก
ซี เอส ลูอิส คือคนที่ได้รับเกียรตินั้น...
หมายเหตุ 1 โปรดติดตามเรื่องราวมิตรภาพ (ที่ขาดสะบั้น) ของสองนักเขียนแฟนตาซีผู้ยิ่งใหญ่ (ภาคจบ) - ในตอนหน้า
หมายเหตุ 2 สำหรับผู้สนใจเรื่องราวของโทลคีน และซี เอส ลูอิส โปรดอ่านในโพสต์เรื่อง "ความลุ่มหลงในภาษาเอลฟ์ของผู้เขียนลอร์ดออฟเดอะริงส์" และ " ซี เอส ลูอิสกับเมืองนาร์เนีย และเสียงวิจารณ์ของผู้เขียนลอร์ดออฟเดอะริงส์" ที่เคยลงไว้ก่อนหน้านี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา