28 ม.ค. 2019 เวลา 10:55 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องราวเบื้องหลัง
ภาพในหลวงกับหลวงพ่อเกษมเขมโก
หลายคนอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ รูปถ่ายของในหลวงรัชกาลที่ ๙ กับหลวงพ่อเกษม เขมโก
ในเว็บไซต์ www.pralanna.com ได้มีผู้เผยแพร่เรื่องราวที่หลายคนอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับรูปถ่าย "ในหลวงร.๙กับหลวงพ่อเกษม" ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
คิดว่าหลาย ๆ ท่านคงเคยเห็นรูป "ในหลวง(ร.๙)ขณะทรงเข้าเยี่ยมหลวงพ่อเกษม เขมโก" ภายในกุฏิที่สุสานไตรลักษณ์ ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ผมเองเมื่อมองดูแล้วจะรู้สึกอะไรได้หลาย ๆ อย่าง และมีกำลังใจทุกครั้งเวลารู้สึกท้อขึ้นมา
ผมเองกลับบ้านลำปางรอบนี้มีโอกาสได้พบกับช่างภาพผู้ลงมือถ่ายภาพนี้ จริง ๆ แล้วตั้งใจไปเพื่อจะขอรูปนี้ที่อัดมาจากฟิล์มต้นฉบับจริง แต่น่าเสียดาย... กาลเวลาและกฎแห่งอนิจจังได้ทำลายฟิล์มรูปนั้นไปเสียแล้ว
ปัจจุบันฟิล์มนี้ใช้การไม่ได้แล้ว คงเหลือแต่รูปอัดที่เจ้าของมีเพียงใบเดียวเท่านั้น ก่อนหน้านี้ท่านมีสองใบ แต่ได้แบ่งให้พี่ชายของผมไปซะแล้ว
อีกประการหนึ่ง ผมตั้งใจไปพบพี่ช่างภาพซึ่งเป็นนักข่าวท้องถิ่นเพื่อสอบถามท่านว่า วินาทีตอนที่ในหลวงกับสมเด็จพระราชินีเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อนั้น ท่านมีพระราชปฏิสันถารว่าอย่างไรบ้าง?
พี่เขาบอกว่า "ไม่ทันได้จับใจความ เนื่องจากได้เตรียมเทปอัดเสียงไปอัดด้วยเพื่อที่จะได้ตั้งใจถ่ายภาพ และก่อนที่จะเข้าเฝ้าก็ได้ขออนุญาตกับลูกศิษย์หลวงพ่อไว้แล้วว่าจะขอเข้าไปถ่ายภาพและบันทึกเสียง ซึ่งก็ได้รับการอนุญาตเป็นอย่างดี"
ครั้นเมื่อถึงเวลาเสด็จพระราชดำเนิน ในหลวง(ร.๙)ทรงขับรถด้วยพระองค์เองจากพระตำหนักภูพิงค์ฯ โดยรถยนต์สีฟ้า ยี่ห้อและทะเบียนผมจำไม่ได้ เมื่อมาถึง พี่ช่างภาพคนดังกล่าวกลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปถ่ายรูปจากราชเลขาผู้ติดตามพระองค์ ทั้งนี้เนื่องจากการที่จะเข้าเฝ้าฯ เพื่อถ่ายรูปในหลวงนั้น ตามกฎแล้วกล้องทุกตัวจะต้องถูกตรวจสอบว่าไม่ใช่อาวุธหรือสิ่งอื่นใดที่อาจจะเป็นอันตรายแก่ในหลวงและสมเด็จพระราชินีได้ มีแต่ช่างกล้องของสำนักพระราชวังเท่านั้นที่สามารถถ่ายรูปทั้งสองพระองค์ได้
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พี่ช่างภาพรู้สึกเสียใจเป็นอันมาก จึงเดินออกมาภายนอกและได้ยกมืออธิษฐานขอหลวงพ่ออยู่ด้านนอกกุฏิ สักครู่ก็มีข้าราชบริพารมาเรียกพี่คนดังกล่าว...บอกว่า "หลวงพ่ออนุญาตให้เข้าไปถ่ายรูปได้ ... แต่ห้ามอัดเสียง!" ยังความปีติดีใจและงุนงงแก่พี่ช่างภาพเป็นอันมาก
ขณะเข้าไปภายในกุฏิ พี่ช่างภาพก็ได้รับอนุญาตให้นั่งข้าง ๆ บริเวณปลายเตียงของหลวงพ่อ (สังเกตจากในรูป) นอกจากนี้ หลวงพ่อยังได้ให้ลูกศิษย์ชงกาแฟให้พี่ช่างภาพด้วย
จากนั้นพี่ช่างภาพได้เห็นลูกศิษย์คนหนึ่งนำเทปอัดเสียงออกมาเพื่อเตรียมอัดเสียงด้วย จึงคิดว่าน่าจะอัดเสียงได้ พี่ช่างภาพก็เลยตัดสินใจเอาเทปอัดเสียงของตนเองออกมาบ้าง และวางไว้ใต้เตียงของหลวงพ่อพร้อมกับเทปอัดเสียงอีกสองอันซึ่งเป็นของลูกศิษย์หลวงพ่อคนอื่น
ปรากฏว่า ขณะที่ในหลวง(ร.๙)ทรงก้มกราบครั้งที่หนึ่งและกำลังจะก้มกราบครั้งที่สอง หลวงพ่อได้กุมมือในหลวงไว้และส่งยิ้มให้พระองค์!!
เป็นที่รู้กันว่าหลวงพ่อไม่ต้องการให้ใครกราบท่านสามครั้ง เนื่องจากท่านเคยบอกว่า
"เราเป็นเพียงสมมุติสงฆ์... ไม่ควรกราบเราสามครั้ง!!"
เรื่องนี้ใคร ๆ ที่ไปสุสานไตรลักษณ์ หรือลูกศิษย์ จะทราบกันดีว่า หลวงพ่อให้ไหว้ท่านโดยพนมมือแค่หน้าอกแล้วก้มลงเท่านั้น
จังหวะที่ในหลวงจะทรงกราบครั้งที่สอง หลวงพ่อได้กุมมือในหลวง(ร.๙)ไว้และส่งยิ้มให้ ทำให้ในหลวงทรงชะงักและหยุด จากนั้นในหลวง(ร.๙)ก็ทรงยิ้มตอบและทรงมีพระราชปฏิสันถารว่า
"พระอาจารย์สบายดีไหมครับ?"
หลวงพ่อตอบว่า
"เจริญพรมหาบพิตร... อาตมาสบายดี"
นี่เป็นเพียงข้อความที่พี่ช่างภาพจดจำได้ เพราะกะว่าค่อยไปฟังในเทปก็ได้
พี่ช่างภาพได้ถ่ายภาพไปทั้งหมด ๗ รูป จากนั้นก็ได้ออกมาด้านนอก
ส่วนรูปที่หลวงพ่อหลับตาขณะที่ในหลวงทรงก้มกราบนั้น พี่ช่างภาพบอกว่าหลวงพ่อหลับตาแล้วอธิษฐานจิตเป็นเวลาประมาณ ๑๕ นาที
ในลำปางเล่ากันว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ในหลวง(ร.๙)ทรงเสด็จมาเยี่ยมหลวงพ่อเกษม พระองค์เสด็จมาหลายครั้งแล้ว เหตุไฉนจึงจะจำไม่ได้ว่าหลวงพ่อไม่นิยมให้กราบท่านสามครั้ง? บ้างก็ว่า ในหลวงทรงทดลองว่าปฏิปทาของหลวงพ่อยังคงเป็นเช่นใด เรื่องนี้ผมเองก็มิบังอาจให้ความเห็นได้
พอในหลวงเสด็จพระราชดำเนินกลับ พี่ช่างภาพและลูกศิษย์คนอื่นที่นำเทปไปไว้ใต้เตียงรวมสามเครื่องได้นำเทปมาเปิดฟัง ปรากฏว่า เทปทั้งสามเครื่องไม่สามารถที่จะอัดเสียงพระราชปฏิสันถารของในหลวงกับหลวงพ่อได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นเทปที่พี่ช่างภาพซึ่งเป็นนักข่าวได้ใช้งานอยู่ตลอดเวลา และก่อนที่จะนำมาอัดเสียงก็ได้ทดลองจนแน่ใจแล้วว่าใช้งานได้!!
สรุปว่า พี่ช่างภาพความปีติเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสถ่ายรูปที่นับได้ว่าเป็นรูปยอดนิยมและมองเมื่อไหร่ก็กินใจ อบอุ่น สำหรับผู้ที่รักในหลวง(ร.๙)และหลวงพ่อทั้งนั้น ...
โฆษณา