3 มี.ค. 2019 เวลา 10:58 • ธุรกิจ
บทที่ 29 สิ้นสุด 3 ก๊ก (final chapter)(ยาวหน่อยนะครับ)
ค.ศ.235
สุมาอี้ขึ้นเป็นมหาอุปราช
ค.ศ.237
กองซุนเอี๋ยนตั้งตนเป็นเจ้า
สุมาอี้ยกทัพไปปราบกองซุนเอี๋ยน
ค.ศ.238
สุมาอี้พิชิตกองซุนเอี๋ยนแห่งเลียวตั๋ง(คาบสมุทรเกาหลี)ได้สำเร็จ
ค.ศ.239
พระเจ้าโจยอยสวรรคต โจฮองขึ้นครองราชย์
โจซองบั่นทอนอำนาจของสุมาอี้ ให้เป็นแค่อาจารย์ผู้ใหญ่
โจซองขึ้นเป็นมหาอุปราชแทนสุมาอี้
ค.ศ.244
โจซองยกทัพตีฮันต๋งแต่แพ้ให้กับบิฮุย
ค.ศ.245
ลกซุนแห่งกังตั๋งตาย
ค.ศ.249
สุมาอี้ยึดอำนาจคืนจากโจซอง
สุมาอี้ประหารโจซองและพรรคพวก
แฮหัวป๋าสวามิภักดิ์ต่อจ๊กก๊ก
เกียงอุยยกทัพตีวุยก๊กครั้งที่ 1
ค.ศ.251
สุมาอี้ อายุ 72 ปีถึงแก่อนิจกรรม ให้ สุมาสู สุมาเจียว บุตรชายทั้งสองขึ้นสืบทอดตำแหน่ง
ค.ศ.252
พระเจ้าซุนกวนสวรรคต ซุนเหลียงวัย 10 ขวบขึ้นครองราชย์
สุมาสูให้สุมาเจียวยกทัพตีกังตั๋ง แต่พลาดท่าเสียทีให้กับจูกัดเก๊กและเตงฮอง
ค.ศ.253
เกียงอุยยกทัพตีวุยก๊กครั้งที่ 2
ซุนจุ๋นฆ่าจูกัดเก๊กและขึ้นเป็นมหาอุปราชแทน
ค.ศ.254
สุมาสูปลดพระเจ้าโจฮอง ตั้งโจมอขึ้นครองราชย์
ค.ศ.255
สุมาสูถึงแก่อนิจกรรม สุมาเจียวน้องชายขึ้นสืบทอดตำแหน่ง
เกียงอุยยกทัพตีวุยก๊กครั้งที่ 3
ค.ศ.256
เกียงอุยยกทัพตีวุยก๊กครั้งที่ 4 แพ้เตงงาย
ซุนจุ๋นตาย ให้ซุนหลิมรับตำแหน่งแทน
ค.ศ.257
จูกัดเอี๋ยนยกทัพไปรบกับสุมาเจียว
ซุนหลิมยกทัพกังตั๋งไปสมทบกับจูกัดเอี๋ยน
เกียงอุยยกทัพตีวุยก๊กครั้งที่ 5
ค.ศ.258
เกียงอุยยกทัพตีวุยก๊กครั้งที่ 6
ซุนหลิมถอดพระเจ้าซุนเหลียง ตั้งซุนฮิวขึ้นครองราชย์
ซุนหลิมถูกพระเจ้าซุนฮิววางแผนสังหาร
ค.ศ.260
พระเจ้าโจมอถูกปลงพระชนม์ สุมาเจียวตั้งโจฮวนขึ้นครองราชย์
เกียงอุยยกทัพตีวุยก๊กครั้งที่ 7
ค.ศ.262
เกียงอุยยกทัพตีวุยก๊กครั้งที่ 8
เกียงอุยยกทัพตีวุยก๊กครั้งที่ 9
เอียงเหียงขึ้นเป็นมหาอุปราชของง่อก๊ก บริหารบ้านเมืองคู่กับเตียวเป๋า
ค.ศ.263
เตงงายยกทัพตีจ๊กก๊ก พระเจ้าเล่าเสี้ยนยอมจำนนต่อวุยก๊ก
ค.ศ.264
เกียงอุยคิดกอบกู้จ๊กก๊ก แต่ไม่สำเร็จ จึงปลิดชีวิตตนเอง
เตงงายและครอบครัวถูกประหารชีวิต
สุมาเจียวได้ขึ้นเป็นจิ้นอ๋อง
พระเจ้าซุนฮิวสวรรคต ซุนโฮขึ้นครองราชย์
ซุนโฮเชื่อฟังยิมหุนขันที กำจัดเอียงเหียง เตียวเป๋า
ค.ศ.265
สุมาเจียวถึงแก่อนิจกรรม สุมาเอี๋ยนบุตรชายขึ้นสืบทอดตำแหน่ง
สุมาเอี๋ยนปลดพระเจ้าโจฮวน สถาปนาตนเป็นฮ่องเต้ ก่อตั้งราชวงศ์จิ้น
ค.ศ.273
เอียวเก๋า กับลกข้อง มีไมตรีแก่กัน ชายแดนสงบสุข
ซุนโฮถอดลกข้องออกจากราชการ
ค.ศ.276
เอียวเก๋า แจ้งสุมาเอี๋ยนให้ยกตีกังตั๋ง แต่กาอุ้นไม่เห็นด้วย จึงป่วยตาย
ค.ศ.279
สุมาเอี๋ยนให้เตาอี้ อองหุย เตรียมการยกทัพไปตีกังตั๋ง
ค.ศ.280
กองทัพจิ้นโจมตีง่อก๊ก
พระเจ้าซุนโฮสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์จิ้น
พระเจ้าสุมาเอี๋ยนรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ
ค.ศ.234 เมื่อขงเบ้งตายเหตุการก็เป็นไปตามที่ขงเบ้งคาดการไว้เหล่าทหารจ๊กก๊กถอยทัพกลับเสฉวน สุมาอี้ยกทัพตามตีเพราะคิดว่าขงเบ้งตายแล้ว เกียงอุยจึงให้ทหารเอาหุ่นปลอมขงเบ้งมาหลอกแล้วทำเป็นโห่ร้องดักซุ่มตีไล่ทัพสุมาอี้ สุมาอี้พอเห็นหุ่นขงเบ้งเข้าใจว่าขงเบ้งยังไม่ตาย ส่วนตนเองนั้นกำลังตกอยู่ในอุบายขงเบ้งอีกแล้วก็กลัวลนลานขับม้าหนีสั่งทหารถอยทัพทันที
ส่วนอุยเอี๋ยนนั้นเมื่อรู้ว่าขงเบ้งตาย ก็คิดว่าทางจ๊กก๊กตอนนี้จะหาขุนพลที่เก่งกว่าตนก็ไม่มีแล้วจึงทำการกบฏ ระหว่างถอยทัพกลับเสฉวน โดยทำจดหมายปลอมไปทางเมืองหลวงก่อนว่าพวกเอียวหงีเป็นกบฏลักพาศพขงเบ้งไป ส่วนเอียวหงีก็ส่งจดหมายถึงวังหลวงว่าอุยเอี๋ยนก่อการกบฏ
แต่พระเจ้าเล่าเสี้ยนเชื่อเอียวหงีไม่เชื่ออุ๋ยเอี๋ยนเพราะเคยได้ฟังจากขงเบ้งว่าอุยเอี๋ยนผู้นี้ไว้ใจไม่ได้
เมื่อแผนลวงไม่สำเร็จอุยเอี๋ยนจึงบุกตีเมืองฮันต๋งซึ่งหน้าแต่เหล่าทหารของอุยเอี๋ยนเมื่อรู้ว่าอุยเอี๋ยนกบฏก็ตีตัวออกห่างจากอุยเอี๋ยนเพราะครอบครัวอยู่เสฉวนไม่ต้องการจะเป็นกบฏไปกับอุยเอี๋ยนด้วย
จะเหลือม้าต้ายที่คอยอยู่ข้างอุยเอี๋ยนตลอด อุยเอี๋ยนปลาบปลื้มในน้ำใจของม้าต้ายมากบอกกับม้าต้ายว่าถ้าการใหญ่สำเร็จยึดฮันต๋งได้จะปูนบำเหน็จให้ม้าต้ายอย่างงาม
ทางเมืองฮันต๋งมีเอียวหงีซึ่งป้องกันเมืองฮันต๋งอยู่ มีจดหมายที่ขงเบ้งมอบให้ไว้สำหรับจัดการอุยเอี๋ยนหากอุยเอี๋ยนก่อกบฏแล้วยกทัพมาประชิดเมือง เมื่อเอียวหงีเปิดอ่านก็พบโค้ดลับของขงเบ้งให้ตะโกนบอกอุยเอี๋ยนให้ร้องออกมาว่าใครจะมาฆ่าอุ๋ยเอี๋ยนได้ 3 ครั้ง เอียวหงีจึงท้าอุยเอี๋ยนว่าถ้าอุยเอี๋ยนกล้าตะโกนว่า ใครจะมาฆ่ากูได้ 3 ครั้งจะยกเมืองฮันต๋งให้เลย
อุยเอี๋ยนกำลังคึกก็ตะโกนออกมาว่า ใครจะมาฆ่ากูได้ เพียงครั้งเดียว ม้าต้ายที่ได้รับคำสั่งจากขงเบ้งว่าถ้าได้ยินโค้ดลับจากปากอุยเอี๋ยนก็ให้ลงมือสังหารอุยเอี๋ยนก็ร้องออกมาว่ากูนี่แหละ แล้วก็ชักดาบฟันอุยเอี๋ยนคอขาดถึงแก่ความตาย การกบฏของอุยเอี๋ยนเป็นอันจบลงเพียงเท่านี้ เมื่อเรื่องถึงพระเจ้าเล่าเสี้ยนก็จัดการว่าอุยเอี๋ยนกบฏได้รับความตายไปแล้วเห็นแก่ความดีความชอบที่ผ่านมาให้ปูนบำเหน็จให้แก่ลูกและเมียอุยเอี๋ยน
ค.ศ.239 หลังจากขงเบ้งตาย เหตุการระหว่างองค์กรจ๊กก๊ก วุยก๊กและง่อก๊ก ก็สงบปราศจากสงคราม มาได้ 5 ปี ทางองค์กรวุยก๊กก็เกิดการเปลี่ยนแปลง พระเจ้าโจยอยสวรรคต โจฮองขึ้นครองราชย์ต่อ โจฮองอายุยังน้อยทั้งยังเป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้าโจยอยจึงให้ โจซองลูกชายโจจิ๋นเป็นผู้สำเร็จราชการ โจซองบั่นทอนอำนาจของสุมาอี้ตั้งให้เป็นราชครูริบอำนาจทางการทหารของสุมาอี้ไป สุมาอี้และลูกๆน้อยใจพากันลาออกจากราชการ โจซองขึ้นเป็นมหาอุปราชแทนสุมาอี้
ค.ศ.249 เหตุการณ์สงบมาอีก 10 ปี โจซองลุแก่อำนาจ แต่ตั้งคนสนิทเข้าตำแหน่งสำคัญๆในองค์กรวุยก๊ก กดขี่องค์ฮ่องเต้โจฮอง ทำการคอรัปชั่นโดยเปิดเผย วางอำนาจบาทใหญ่ไปทั่ว แม้จะเกรงกลัวสุมาอี้แต่ให้คนไปสืบดูก็ได้ความมาว่าสุมาอี้ป่วยหนักสติฟั่นเฟือน ก็หมดความกังวลใจใดๆ
เมื่อวันนึงโจซองเชิญพระเจ้าโจฮองเสด็จไปเซ่นไหว้พระศพพระเจ้าโจยอยที่นอกเมือง สุมาอี้ได้จังหวะจึงทำการปฏิวัติยึดอำนาจในเมือง โดยแสดงจุดยืนว่าไม่ได้มีเจตนายึดอำนาจองค์ฮ่องเต้ เพียงต้องการยุดอำนาจทางทหารคืนมาเพื่อจัดการโจซองเนื่องจากโจซองมีแผนโค่นล้มบัลลังค์ฮ่องเต้ เนื่องจากผู้คนในเมืองเองเกลียดโจซองเป็นทุนอยู่แล้ว การปฏิวัตของสุมาอี้จึงสำเร็จอย่างรวดเร็วฉับไว
หลังจากนั้นสุมาอี้ก็ประกาศจะไม่ทำอันตรายโจซองขอให้โจซองพาพระเจ้าโจฮองกลับเข้าเมืองลกเอี้ยง ทางลูกน้องของโจซองนั้นแนะนำว่าสุมาอี้ยึดอำนาจเมืองลกเอี้ยงได้ แต่ตัวพระเจ้าโจฮองอยู่กับเราถ้าหากเราพาพราะเจ้าโจฮองไปเมืองฮูโต๋ตั้งหลักได้สุมาอี้ก็จะกลายเป็นกบฏไปในทันที
แต่ตัวโจซองเป็นห่วงบรรดาเมียๆและลูกๆในเมืองลกเอี้ยงจึงเชื่อสุมาอี้พาพระเจ้าโจฮองกลับเข้าเมือง สุดท้ายโจซองโดนสุมาอี้จับกุมตัวด้วยข้อหากบฏ ตัดสินประหาร 3 ชั่วโคตร ของโจซองและพรรคพวก สุมาอี้ทำการกวาดล้างขั่วอำนาจสกุลโจของโจซองจนหมดสิ้น
แฮหัวป๋าลูกชายแฮหัวเอี๋ยนกลัวจะโดนลูกหลงจากการกวาดล้างของสุมาอี้พากำลังทหารของตนย้ายค่ายไปขอสวามิภักดิ์กับจ๊กก๊กที่ฮั่นต๋ง เกียงอุยให้การต้อนรับแฮหัวป๋าอย่างดี แล้วจึงพาแฮหัวป๋าไปเสฉวน ทำเรื่องทูลเสนอพระเจ้าเล่าเสี้ยนว่าวุยก๊กกำลังวุ่นวายขอทำการบุกโจมตีวุยก๊ก แม้บิฮุยที่อยู่ในตำแหน่งสมุหนายกขณะนั้นจะขัดว่าแม้แต่ขงเบ้งทำการบุกวุยถึง 6 ครั้งยังไม่สำเร็จ เกียงอุยจะทำอะไรได้
แต่พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ใจอ่อนให้เกียงอุยทำการบุกวุยก๊ก ซึ่งการยกทัพตีวุยก๊กครั้งที่ 1 ของเกียงอุยนั้น เกียงอุยให้แฮหัวป๋าเป็นทัพหน้าบุกทางเขาก๊กสัน คนละเส้นทางกับที่ขงเบ้งเคยบุก แล้วเกียงอุยก็ประสบกับความล้มเหลว ทหารของวุยก๊กชำนาญพื้นที่มากกว่า สามารถตัดเสบียงเกียงอุย บวกกับสุมาสูกับสูมาเจียวยกทัพหลวงมาตีกระนาบเกียงอุยต้องถอยทัพหนีเข้าด่านแฮบังกวนในเขตเสฉวน
ค.ศ.251 สุมาอี้ อายุ 72 ปีถึงแก่อนิจกรรม ให้ สุมาสู สุมาเจียว บุตรชายทั้งสองขึ้นสืบทอดตำแหน่ง ก่อนตายสุมาอี้ได้สั่งสอนลูกชายทั้งสองไว้ว่า
“ชนะใจคนทั้งปวง ช่วงใช้คนทั้งปวง คือผู้นำที่แท้จริง ชนะใจราษฎร์ได้เป็นฮ่องเต้ ชนะใจฮ่องเต้ได้เป็นเจ้าแคว้น ชนะใจเจ้าแคว้นได้เป็นอำมาตย์”
“ที่บิดาอยู่รอดปลอดภัยมาได้เพราะ อาศัยสุจริตใจเป็นที่ตั้ง ทำการสิ่งใดอย่าได้เบาความ”
ค.ศ.252 เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในง่อก๊กบ้าง พระเจ้าซุนกวนสวรรคต ซุนเหลียงวัย 10 ขวบขึ้นครองราชย์ สุมาเจียวเห็นว่ากังตั๋งเกิดการเปลี่ยนแปลง ผู้นำคนใหม่ของกังตั๋งยังอายุน้อยถ้าบุกตีกังตั๋งตอนนี้ก็จะได้โดยง่าย สุมาสูจึงให้สุมาเจียวยกทัพไปตีกังตั๋ง แต่ก็กังตั๋งแม้จะมีผู้นำอายุน้อย แต่ยังมีคนมีฝีมืออยู่ คือจูกัดเก๊กมหาอุปราชของง่อก๊กลูกชายของจูกัดกิ๋นและเตงฮองทหารเอก สองคนช่วยกันตีทัพวุยก๊กของสุมาเจียวแตกพ่ายยับเยิน สุมาเจียวต้องยกทัพถอยกลับไป จากนั้นจูกัดเก๊กจึงทำการบุกวุยก๊กต่อ พร้อมทั้งทำหนังสือถึงเกงอุยให้ยกทัพบุกวุยก๊กอีกทาง
ค.ศ.253
เกียงอุยยกทัพตีวุยก๊กครั้งที่ 2 เกียงอุยบุกเข้าทางเขาก๊กสันอีกครั้ง โดยแต่งเครื่องบรรณาการไปให้หัวหน้าเผาเกี๋ยงมาช่วยรบ แต่ทัพของเผาเกี๋ยงกลับถูกทหารของทางวุยก๊กจับได้จึงซ้อนกลแต่งทหารปะปนไปกับทหารเผ่าเกี๋ยงไปจับเกียงอุย เกียงอุพลาดท่าเสียทีแต่ก็ยังเอาตัวรอดมาได้ต้องถอยทัพกลับฮันต๋งอีกครั้ง ส่วนทางง่อก๊กจูกัดเก๊กบุกตีด่านชีเสียของวุยก๊กอยู่ร้อยวันไม่สำเร็จ ซ้ำโดนธนูบาดเจ็บจึงถอยทัพกลับกังตั๋งเช่นกัน
แต่หลังจากกลับมาจากศึกกับวุยจูกัดเก๊กก็มีอิทธิพลขึ้นมากแล้วนิสัยก็เปลี่ยนไป เริ่มบ้าอำนาจ เป็นคนโหดเหี้ยมไร้เหตุผล ทำให้พระเจ้าซุนหลิมมีราชโองการลับรอบสังหารจูกัดเก๊ก ซุนจุ๋นทำการฆ่าจูกัดเก๊กสำเร็จสั่งประหารคนตระกูลจูกัดสามชั่วโคตรและได้ขึ้นเป็นมหาอุปราชแทน แต่หลังจากที่ซุนจุ๋นได้อำนาจมาจากจูกัดเก๊กแล้ว ซุนจุ๋นกลับโหดร้ายและเลวร้ายยิ่งกว่าจูกัดเก๊ก ซุนจุ๋นใช้อำนาจในองค์กรง่อก๊กด้วยความโหดร้ายป่าเถื่อน
ค.ศ.254 สุมาสูกับสูมาเจียวมีอำนาจในองค์กรวุยก๊กมากจนพระเจ้าโจฮองไม่วางพระทัย ลอบทำจดหมายเลือดหาแนวร่วมจัดการสุมาสูกับสุมาเจียว แต่ถูกจับได้สุมาสูกับสุมาเจียวจึงทำการปลอดพระเจ้าโจฮองออกจากราชสมบัติแล้วเข้าหากุยไทยเฮาปรึกษาคนในราชวงศ์ให้แต่งตั้งฮ่องเต้คนใหม่ก็ได้พระเจ้าโจมอซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานพระเจ้าโจผี ทุกฝ่ายให้การยอมรับ ทำให้สุมาสูกับสุมาเจียวจึงมีอำนาจมีอิทธิพลในองค์กรวุยก๊กยิ่งกว่าเดิม
ค.ศ.255 เกิดกบฏบู๊ขิวเขียวในองค์กรวุย เนื่องด้วยไม่พอใจในตัวของสุมาสูกับสุมาเจียวที่ทำการปลดพระเจ้าโจฮวนออก ยกทัพบุกลกเอี้ยงแต่สุมาสูก็ยกทัพออกปราบปรามได้สำเร็จ
หลังจากรบสุมาสูป่วยเป็นโรคตาจนถึงแก่อนิจกรรม สุมาเจียวขึ้นสืบทอดตำแหน่งสมุหนายกมีอำนาจอิทธิพลใหญ่ในองค์กรวุยก๊กแต่เพียงผู้เดียว
 
ข่าวการตายของสุมาสูรู้ถึงเกียงอุย เกียงอุยรีบขอพระบรมราชโองการยกทัพตีวุยก๊กครั้งที่ 3 แม้จะถูกขัดว่าการรบแต่ละครั้งนั้นองค์กรจ๊กก๊กสูญเสียทั้งชีวิตทหาร สูยเสียทั้งทรัพยากรเป็นอันมาก แต่เกงอุยก็อ้างอุดมการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ครั้งพระเจ้าเล่าปี่จนได้รับอนุมัติให้ยกทัพจำนวนหกสิบหมื่นบุกวุยก๊ก
การบุกครั้งนี้เกียงอุยสามารถจัดการทัพหน้าที่มาสกัดได้อย่างสวยงาม ทำให้เกียงอุยได้ใจรุกต่อ บุกตีเมืองเต๊กโตเสียทั้งๆที่เมืองนี้ไม่ได้มีความสำคัญทางยุทธวิธียึดได้ก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด เกียงอุยเสียเวลาตีเมืองนี้อยู่สิบวันก็ไม่สำเร็จ จนเมืองหลวงส่งทัพหลวงมีเตงงายเป็นแม่ทัพมารบกับเกียงอุย เกียงอุยเห็นสถานะการไม่ดีจึงสั่งถอยทัพกลับฮันต๋ง
ค.ศ.256 หลังจากกลับมาตั้งหลักที่ฮันต๋ง เกียงอุยยกทัพตีวุยก๊กต่อเนื่องอีกครั้งเป็นครั้งที่ 4 โดยไม่สนใจเสียงคัดค้าน จนเมื่อยกทัพไปเห็นหน้างาน เห็นแนวป้องกันของเตงงายแล้วจึงเข้าใจว่าเตงงายแม่ทัพรุ่นใหม่ขององค์กรวุยก๊กนี่ช่างเก่งกาจยิ่งนัก เกียงอุยไม่สามารถคิดแผนการตีแนวป้องกันของเตงงายได้ พยายามคิดทำอุบายหลอกเตบงายแต่เตงงายรู้กลศึกสุดท้ายทัพเกียงอุยถูกทัพเตงงายตีแตกพ่ายยับเยิน เสียชีวิตทหารไปเกือบหมดแม้แต่เกียงอุยเองก็ยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ขณะเดียวกันทางง่อก๊กสมุหนายกซุนจุ๋นป่วยตาย ให้ซุนหลิมน้องชายรับตำแหน่งแทน ซึ่งเมื่อซุนหลิมนั้นได้เข้ามามีอำนาจก็ทวีความโหดร้ายยิ่งกว่าพี่ชายตน ทำการกวาดล้างขั่วอำนาจอื่นๆในง่อก๊กจนหมดสิ้นให้เหลือเพียงขั่วอำนาจของตนเพียงขั่วเดียว
ค.ศ.257 เกิดเหตุวุ่นวายในองค์กรวุย เมื่อจูกัดเอี๋ยนเจ้าเมืองห้วยหลำถูกกดดันจากสุมาเจียว(เพราะมีแซ่จูกัด) จนต้องกลายเป็นกบฏต่อขั่วอำนาจของสุมาเจียว ต้องย้ายไปเข้าด้วยกับฝ่ายองค์กรกังตั๋ง ยกทัพยี่สิบหมื่นบุกลกเอี้ยง โดยมีซุนหลิมยกทัพกังตั๋งไปสมทบ
แต่ทัพของจูกัดเอี๋ยนกับทัพของกังตั๋งนั้นอุดมการณ์ไม่ชัดเจน ไม่สามารถสู้ทัพหลวงของสุมาเจียวกับสติปัญญาและความสามารถของจงโฮยได้สุดท้ายโดนตีแตกพ่าย จูกัดเอี๋ยนตายลูกเมียและพรรคพวกโดนประหารสามชั่วโคตร
เกียงอุยเมื่อรู้ข่าวสงครามกลางเมืองขององค์กรวุยก๊กก็ทำหนังสือขอบุกวุยก๊กเป็นครั้งที่ 5 ได้รับจดหมายตอบกลับมาจากต้าจิ๋วองค์มนตรีว่า
“การที่องค์กรเล็กจะเอาชนะองค์ใหญ่ได้นั้นก็เพราะว่าองค์ใหญ่ประมาทไม่ดูแลใส่ใจกิจการภายใน ก็จะสู้องค์กรที่เล็กกว่าแต่มีผู้นำที่ใส่ใจหมั่นปรับปรุงพัฒนาองค์กรอยู่เสมอไม่ได้ ความประมาทจะพาให้องค์กรพินาศ การมุ่งแต่ทำสงครามจะทำให้ชาติล่มจม”
จะเห็นได้ว่าที่องค์มนตรีต้องมาตอบหนังสือเกียงอุยแทนพระเจ้าเล่าเสี่ยนหมายความว่า พระเจ้าเล่าเสี้ยนนั้นไม่สนใจงานกิจการบ้านเมือง เอาแต่เล่นสนุกอยู่กับฮุยโฮขันที ทำให้ตอนนี้องค์กรจ๊กก๊กกำลังลำบาก การบุกแต่ละครั้งของเกียงอุยก็สิ้นเปลืองงบประมาณมาก ทำให้องค์มนตรีต้าจิ๋วกังวลใจว่าเมื่อผู้นำองค์กรไม่สนใจกิจการบ้านเมือง หัวเรือใหญ่ก็มุ่งแต่จะพลาญทุนทรัพย์ไปทำสงคราม ถ้ายังคงเป็นแบบนี้ต่อไปองค์กรจ๊กก๊กคงจะต้องล้มละลายแน่ จึงส่งจดหมายมาปรามเกียงอุยให้หันมาทำนุบำรุงบ้านเมืองแทนที่จะออกรบ แต่เกียงอุยไม่เข้าใจและไม่สนใจจดหมายของต้าจิ๋ว ใช้อำนาจแม่ทัพของตนยกทัพบุกวุยก๊กครั้งที่ 5 ด้วยตัวเอง
แต่ทัพของเกียงอุยก็ถูกเตงงายแม่ทัพฝ่ายวุยก๊กต้านไว้ได้ จนเกียงอุยได้ข่าวว่าทัพง่อก๊กของจูกัดเอี๋ยนแพ้แก่สุมาเจียว เกียงอุยก็ถอยทัพกลับไป
ค.ศ.258 ตอนที่ทัพง่อก๊กแพ้แก่สุมาเจียว มีนายทหารที่ไม่กล้ากลับไปพบซุนหลิมเพราะกลัวความโหดเหี้ยมของซุนลิมหันไปสวามิภักดิ์สุมาเจียว เข้าร่วมกับองค์กรวุยก๊กเป็นจำนวนมาก ทำให้ซุนหลิมไม่พอใจจับญาติพี่น้องของเหล่าทหารแปรพักดิ์ไปประหาร
พระเจ้าซุนเหลียงก็กลัวในความโหดร้ายของซุนหลิมจึงวางแผนกำจัดซุนหลิมแต่การไม่สำเร็จซุนหลิมจับได้ปลดพระเจ้าซุนเหลียงออกจากราชสมบัติแล้วเชิญลูกชายคนที่ 6 ของซุนกวนมาขึ้นเป็นพระเจ้าซุนฮิวแทน
แต่พระเจ้าซุนฮิวนั้นโตกว่าแล้วก็มีความสามารถกว่าพระเจ้าซุนเหลียง ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานะการณ์ไว้แล้ว ทรงวางแผนร่วมกับเตงฮอง ลอบสังหารซุนหลิมได้สำเร็จ
จากนั้นก็จัดการกับขั้วอำนาจของซุนหลิม แล้วคลี่คลายสถานะการณ์บ้านเมืองทำให้ง่อก๊กกลับมาปกติสุข พร้อมทั้งส่งฑูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับจ๊กก๊ก รื้อฟื้นความสำพันธ์สหพันธรัฐ แต่ก็ต้องกังวลใจกับสภาพขององค์กรจ๊กก๊กที่อยู่ในภาวะผู้นำอ่อนแอไม่สนใจกิจการบ้านเมือง กิจการในองค์กรจ๊กก๊กขึ้นอยู่กับฮุยโฮหัวหน้าขันที เหล่าประชาชนผู้บริโภคเดือดร้อนอดอยากยากจน
“องค์กรจ๊กก๊กเหมือนนกทำรังบนหลังคา แต่ไม่รู้ว่าไฟกำลังจะไหม้บ้าน”
ถ้าองค์กรจ๊กก๊กล่ม องค์กรง่อก๊กก็ไม่อาจจะต้านองค์กรวุยก๊กได้
พระเจ้าซุนฮิวจึงส่งหนังสือถึงพระเจ้าเล่าเสี้ยนว่า
“สุมาเจียวกำลังจะแย่งราชสมบัติในลกเอี้ยง ถ้าสำเร็จคงจะบุกมาตีจ๊กก๊กกับง่อก๊ก เราจึงควรเตรียมการไว้ให้พร้อมอย่าให้เพลี่ยงพล้ำแก่วุยก๊ก”
ความหวังดีของพระเจ้าซุนฮิวแก่พระเจ้าเล่าเสี้ยนให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนมีสติตั้งใจดูแลกิจการบ้านเมือง พระเจ้าเล่าเสี้ยนไม่เข้าใจ ส่งหนังสือต่อให้เกียงอุย เกียงอุยตีความเป็นว่าให้ชิงบุกวุยก๊กก๊กก่อน จึงทำหนังสือขออาสา บุกวุยก๊กเป็นครั้งที่ 6 พระเจ้าเล่าเสี้ยนอนุญาติ
เกียงอุยจะชิงบุกก่อนทางเขากิสาน แม้เตงงายแม่ทัพฝ่ายวุยก๊กก็เตรียมการรับมือไว้แล้ว แต่เกียงอุยสามารถบัญชาการรบได้อย่างเก่งกาจดุจขงเบ้ง ทำให้เป็นฝ่ายได้เปรียบเตงงายแตกทัพถอยร่น ระหว่างที่เตงงายคิดจะถอยทัพกลับ สุมาปองเสนอแผนการว่าให้ส่งคนไปติดสินบนฮุยโฮขันทีให้ปั่นพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้เรียกทัพเกียงอุยกลับ
ก็ได้ผลฮุยโฮขันทีเห็นแก่สินบน เหล่าของมีค่าก็มีความโลภ ปล่อยข่าวว่าเกียงอุยนำทัพไปจะไปสวามิภักดิ์กับองค์กรวุยก๊ก เนื่องด้วยเกียงอุยเคยเป็นคนขององค์กรวุยก๊กมาก่อน พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ข่าวตกใจเรียกตัวเกียงอุยกลับเมืองหลวงเสฉวน เหตุการณ์ซ้ำรอยกับเมื่อครั้งขงเบ้งโดนเรียกตัวกลับ เกียงอุยเสียจังหวะและโอกาสกลับเสฉวน เข้าเฝ้าพระเจ้าเล่าเสี้ยนโดยไม่มีเหตุผลสมควรใดๆ เมื่อรู้ว่าเสียโอกาสไปเพราะฮุยโฮขันทีแต่เกียงอุยเองก็ไม่มีอำนาจและบารมีพอจะแก้ไขจัดการปัญหาการเมืองภายในองค์กร เกียงอุยต้องทูลลาพระเจ้าเล่าเสี้ยนกลับไปตั้งหลักอยู่ที่เมืองฮันต๋งตามเดิม
ค.ศ.260 เหตุการณ์เกียงอุยโดนเรียกตัวกลับทำให้สุมาเจียวรู้ว่าองค์กรจ๊กก๊กนั้นไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผู้บริหารภายในองค์กรเหลวแหลกไร้ความสามารถ ผู้บริหารภายนอกองค์กรก็ไม่มีปัญญาบารมีพอจะแก้ไข คิดจะยกทัพไปบุกจ๊กก๊กที่กำลังอ่อนแอ แต่ก็ติดที่ว่าการเมืองภายในองค์กรวุยก๊กเองก็ไม่นิ่ง พระเจ้าโจมอไม่ใช่เด็กน้อยที่เชิดจูงได้ง่าย มีความไม่พอใจและคิดกำจัดสุมาเจียวอยู่ แต่สุมาเจียวเองก็มีอำนาจและบารมีล้นเมืองหลวงสำนักงานใหญ่องค์กรวุยก๊ก
บรรยากาศในองค์กรมาคุขึ้นเรื่อยๆ ต่างฝ่ายต่างหากโอกาศกำจัดอีกฝ่าย จนวันนึงพระเจ้าโจมอทนไม่ไหว หยิบกระบี่พาทหารสามร้อยคนบุกไปหมายสังหารสุมาเจียว แต่ถูกลูกน้องสุมาเจียวสังหารระหว่างทาง
จากนั้นสุมาเจียวก็เล่นละครฉากใหญ่ สั่งประหารลูกน้องตัวเองที่ลงมือสามชั่วโคตรข้อหากบฏปลงพระชนฮ่องเต้ ทั้งๆที่ตนเองนั้นเป็นผู้บงการ จากนั้น แม้กระแสจะสนับสนุนให้สุมาเจียวเป็นฮ่องเต้ แต่สุมาเจียวก็ไม่ใจร้อนแต่งตั้งโจฮวนหลานของโจโฉขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน สุมาเจียวหวังดำเนินการตามรอยโจโฉเก็บราชสมบัติไว้ให้ลูกตัวเอง
เมื่อเห็นความวุ่นวายในองค์กรวุยก๊กทางเกียงอุยก็ไม่พลาดที่จะฉวยโอกาสบุกวุยก๊กเป็นครั้งที่ 7 แต่ถึงแม้ภายในองค์กรวุยก๊กจะวุ่นวาย แต่เตงงายยังเตรียมทัพฝึกทหารอยู่ชายแดดมีความพร้อมในการป้องกันทัพเกียงอุย เตงงายทำอุบายใส่เกียงอุยไม่สำเร็จถูกเกียงอุยซ้อนกลถูกเกียงอุยตีแตก แต่ถึงจะแตกทัพเตงงายก็ยังเผาเสบียงของเกียงอุยได้ ทำให้เกียงอุยต้องถอยทัพกลับไปสะสมเสบียงใหม่ที่ฮันต๋งเพื่อทำการบุกครั้งต่อไป
ค.ศ.262 ทั้งทหารและประชาชนฝ่ายขององค์กรจ๊กก๊กนั้นต่างเบื่อหน่ายกับการสงคราม ไม่มีใครอยากจะออกรบ แต่เกียงอุยก็ยังฝืนจะยกทัพไปให้ได้ ใครไม่เชื่อฟังจะประหารชีวิต เมื่อสะสมสเบียงได้ก็ยกทัพอีกสามสิบหมื่นบุกวุยก๊กอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 8 การบุ๊กครั้งนี้แฮหัวเอี๋ยนทัพหน้าเกียงอุยต้องกลเมืองร้างของสุมาปองโดนธนูยิงเสียชีวิต เกียงอุยต้องถอยทัพกลับมาตั้งหลักใหม่ แล้วทำการบุกใหม่อีกครั้งเป็นครั้งที่ 9 ก็ติดทัพของเตงงายที่ยกทัพมาสกัด ในระหว่างที่ล้อมค่ายของเตงงายอยู่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะก็มีหนังสือจากพระเจ้าเล่าเสี้ยนมาเรียกตัวเกียงอุยกลับสำนักงานใหญ่ที่เสฉวน เกงอุยจึงต้องยกทัพกลับโดยที่ยังไม่มีผลงานใดๆ
เกียงอุยกลับเข้าสำนักงานใหญ่เสฉวนได้สิบวันก็ไม่มีคำสั่งเรียกตัวเกียงอุยเข้าเฝ้าพระเจ้าเล่าเสี้ยนซักที เกียงอุยจึงสืบทราบได้ว่าที่ถูกเรียกกลับมานั้นเพราะฮุยโฮขันทียุให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนเปลี่ยนตัวแม่ทัพ โดยฮุยโฮขันทีคิดจะดันคนของฝ่ายตนขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่แทนเกียงอุย
เกียงอุยโดนพิษการเมืองเล่นงานก็โกรธแค้นบุกไปหาพระเจ้าเล่าเสี้ยนขอให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนสั่งประหารฮุยโฮขันที พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ไม่ยินยอม บอกให้ฮุยโฮขันทีออกมาขอโทษเกียงอุย ฮุยโฮขันทีก็ออกมาเล่นละครร้องให้ขอโทษเกียงอุยบอกว่าตนไม่รู้เรื่องใดขอให้เกียงอุยอภัย เกียงอุยไม่รู้จะทำอย่างไรก็ให้อภัยฮุยโฮขันทีจบเรื่องราว แต่หลังจากนั้นข้าราชการในสำนักงานใหญ่จ๊กก๊กที่รู้ถึงพิษสงและอำนาจบารมีของฮุยโฮขันทีดีก็แอบเตือนเกียงอุยว่าท่านเป็นศัตรูกับฮุยโฮขันทีแล้วคงจะหาความปลอดภัยในเมืองหลวงไม่ได้
เกียงอุยตกใจเมื่อรู้ถึงความร้ายกาจและอำนาจในมือของฮุยโฮ เกียงอุยจึงเข้าเฝ้าพระเจ้าเล่าเสี้ยนขอทูลลาไปเตรียมทัพอยู่เมืองหลงเสทางตะวันตกเฉียงเหนือที่ห่างไกลเสฉวนแทนเพื่อความปลอดภัยและสามารถคิดอ่านรับมือกับวุยก๊กได้
ค.ศ.263 สุมาเจียวได้ข่าวเกียงอุยไปอยู่หลงเสก็แปลกใจว่าทางองค์กรจ๊กก๊กมีแผนการอะไรใหม่ แต่ก็มีทีมงานวิเคราะห์ให้ฟังว่า ขณะนี้องค์กรจ๊กก๊กนั้นอ่อนแอ ผู้นำอย่างพระเจ้าเล่าเสี้ยนไรความสามารถ เบื่อหน่ายการสงคราม ไม่สนใจกิจการบ้านเมือง เชื่อฟังแต่คำยุยงของฮุยโฮขันที การที่เกียงอุยไปอยู่หลงเสนั้นไม่ใช่เพราะแผนการรบกับเราแต่เป็นพระหนีจากภัยการเมืองในเสฉวนมากกว่า ถ้าเรายกทัพไปตีองค์กรจ๊กก๊กเวลานี้ก็จะสำเร็จโดยง่าย สุมาเจียวได้ฟังและคิดตามก็ตบมือฉาดใหญ่สั่งเรียกตัวจงโฮยเข้ามาสำนักงานใหญ่
สุมาเจียวบอกจงโฮยว่าเราคิดอ่านจะบุกองค์กรง่อก๊กท่านมีความคิดอย่างไร จงโฮยอ่านออกบอกว่าท่านไม่ได้คิดจะบุกง่อก๊กหรอก เวลานี้ท่านคิดจะบุกจ๊กก๊ก พร้อมนำเสนอแผนที่แผนการสำหรับบุกจ๊กก๊กโดยละเอียดแก่สุมาเจียว
สุมาเจียวยินดีมากที่จงโฮยมีความคิดอ่านยอดเยี่ยมพร้อมทั้งมีแผนการเตรียมพร้อมจึงตั้งจงโฮยให้เป็นแม่ทัพ ร่วมกับเตงงาย สองทัพแยกกันบุกตีจ๊กก๊ก จงโฮยรับคำสั่งสั่งระดมทีมช่างต่อเรือเตรียมบุกง่อก๊ก
สุมาเจียวแปลกใจทำไมจงโฮยถึงทำเช่นนั้น จงโฮยบอกว่าถ้าเราบุกจ๊กก๊ก ง่อก๊กก็จะมาบุกเรา แต่ถ้าเราทำทีว่าจะบุกง่อก๊กแต่เราบุกจ๊กก๊ก ง่อก๊กก็จะต้องเตรียมการรับมือกับเราไม่สามารถมาบุกเราได้โดยสะดวก และเมื่อเราบุกจ๊กก๊กแล้วเรือที่เราต้อไว้ก็ยังสามารถใช้บุกง่อก๊กได้อีก สุมาเจียวฟังแล้วก็ชื่นชอบกับความคิดอ่านของจงโฮยว่าเป็นคนมีความคิดละเอียดมองการไกลวางแผนการณ์ล่วงหน้าเป็นอย่างดี
จงโฮยเมื่อทำการบุกจ๊กก๊กก็หวังจะใช้วิธีการเดียวกับเตียวหุยในการบุกเสฉวน คือตีเมืองเป็นรองครองใจคนเป็นเอก ทำประชานิยมตลอดทางที่ผ่าน เมื่อเกียงอุยไม่อยู่คนของฮุยโฮขันทีที่มารักษาฮันต๋งและแฮบังก๋วนไม่มีความสามารถ จงโฮยสามารถยึดฮันต๋งและแฮบังก๋วนได้โดยง่ายและรวดเร็ว
พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้รับหนังสือแจ้งข่าวการบุกเสฉวนของวุยก๊กตกใจปรึกษาฮุยโฮขันที ฮุยโฮขันทีก็บอกว่าไม่มีอะไรน่ากังวลเมืองเสฉวนมีปราการธรรมชาติป้องกันอยู่แล้วยากแก่การบุก ไม่เชื่อให้หมอดูมาทำนายดูก็ได้
ฮุยโฮเรียกแม่หมอดูเข้าทรงมาทำนายว่าองค์กรจ๊กก๊กจะร่มเย็นเป็นสุข อีกไม่นานวุยก๊กก็จะแพ้แก่จ๊กก๊ก พระเจ้าเล่าเสี้ยนฟังที่หมอดูพูดก็หลงเชื่อวางใจไม่สนใจข่าวการศึกอีก เมื่อมีจนหมายแจ้งข่าวการศึกมาอีกฮุยโฮขันทีก็เก็บไว้เองไม่ส่งถึงพระเจ้าเล่าเสี้ยน จึงมีแต่เพียงเกียงอุยและแนวหน้าเท่านี้ที่รู้ถึงปัญหาและช่วยกันแก้ไขป้องกันโดยที่ส่วนกลางเมืองหลวงไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือให้การช่วยเหลือใดๆ
เมื่อจงโฮยพบกับเตงงายก็ปรึกษากันเรื่องแผนการรบยุทธวิธีในการจะบุกตีจ๊กก๊ก แต่ต่างคนก็ต่างมีแนวทางและวิธีการเป็นของตนเองทั้งยังไม่เชื่อใจกันและกันคิดแต่ว่าแผนการของตนนั้นดีที่สุดต่างมั่นใจในแผนการของตนเอง จงโฮยคิดจะบุกตีทางหลักทำประชานิยมซื้อใจคนไปจนถึงเสฉวน ส่วนเตงงายนั้นคิดจะใช้ความอุตสาหะปีนภูเขาเข้าตีเสฉวนจากทางที่ยากลำบาก ซึ่งแม้จะไม่มีทหารของเสฉวนป้องกันแต่ก็ต้องพบเจอกับความลำบากเป็นอย่างมาก
เรื่องกลายเป็นว่าทางสายหลักของจงโฮยนั้นติดเกียงอุยที่ยกทัพมาสกัดที่ด่านเกียมก๊กทำให้ไม่สามารถตีฝ่าไปได้ แผนการของเตงงายจึงสำเร็จก่อนแม้จะลำบากมาก จากทหารสามหมื่น พกแต่อุปกรณ์ปีนเขากับห่อข้าวมัดติดตัวปีนข้ามเขาไปได้สำเร็จเพียงสองพันคน เมื่อเข้าถึงเมืองเสฉวนแม้กำลังจะเหลือน้อยแถมยังเหน็ดเหนื่อยจากการปีนเขาแต่ทางฝ่ายจ๊กก๊กไม่ได้เตรียมการป้องกัน เหล่าเจ้าเมืองในเสฉวนเมื่อพบกับเตงงายก็พากันยอมแพ้สวามิภักดิ์แก่เตงงายโดยที่ไม่ทันรบ เพราะความที่พระเจ้าเล่าเสี้ยนปกครองบ้านเมืองไม่ดีไม่สนใจกิจการในบ้านเมือง ปล่อยให้ขันทีฮุยโฮวางอำนาจไปทั่ว เสฉวนปั่นป่วน เหล่าขุนนางไม่มีสำนึกรักชาติ พากันมีความคิดว่าจะเป็นลูกจ้างของใครก็เป็นลูกจ้างเหมือนกันจึงพากันยอมแพ้แก่เตงงาย
เตงงายบุกถึงเมืองหลวงอย่างรวดเร็วสมัครพรรคพวกคนขายชาติก็เพิ่มมากขึ้นรวมตัวบุกถึงเมืองหลวงสำนักงานใหญ่ พระเจ้าเล่าเสี้ยนถึงได้รู้ว่าสถานะการคับขันแล้ว ถึงตอนนี้ให้คนไปตามแม่หมอดูมาทำนายอีกทีก็พบว่าแม่หมอดูหนีภัยสงครามหนีออกไปจากเสฉวนแล้ว
ถึงตอนนี้ก็ยากที่จะหาคนดีคนเก่งมาป้องกันเมืองเสฉวนแล้ว แต่ก็ยังมีคนเก่งคนดีคนสุดท้ายของเสฉวนอยู่พระเจ้าเล่าเสี้ยนให้คนไปเชิญจูกัดเจี๋ยมลูกชายจูกัดเหลียงขงเบ้งมาช่วยป้องกันเมือง
จูกัดเจี๋ยมนี้เป็นคนดีคนเก่งแต่เห็นพระเจ้าเล่าเสี้ยนไม่สนใจกิจการจนองค์กรจ๊กก๊กย่ำแย่ก็รู้สึกหมดใจลาออกจากองค์กรไปอยู่บ้านไร่ใช้ชีวิตอย่าสงบ ยามนี้ภัยมาจึงยอมมาช่วยเหลือระดมพลมาได้เจ็ดหมื่นรับมือกับเตงงาย ทัพของจูกัดเจี๋ยมสามารถรับมือกับทัพของเตงงายได้ แต่ด้วยความที่ยังหนุ่มทำให้จูกัดเจี๋ยมใจร้อนถลำลึกเข้าไปในแดนข้าศึกจูกัดเจี๋ยมถูกธนูยิงตาย เมื่อจูกัดเจี๋ยมตายเหล่าทหารเสฉวนก็วางอาวุธยอมแพ้แก่เตงงาย ข่าวรู้ถึงพระเจ้าเล่าเสี้ยนหมดทางต่อสู้แก้ไขใดๆได้อีก พระเจ้าเล่าเสี้ยนนำองค์กรจ๊กก๊กสวามิภักดิ์แก่เตงงาย
ค.ศ.264 เกียงอุยได้รับหนังสือแจ้งข่าวว่าพระเจ้าเล่าเสี้ยนยอมแพ้แล้วก็เสียใจคิดจะฆ่าตัวตายแต่ก็เปลี่ยนใจคิดอ่านแก้ไขแทน โดยเกียงอุยยกธงขาวเข้าไปหาจงโฮยที่ตั้งค่ายเผชิญหน้ากันอยู่ จงโฮยเองนั้นรู้สึกไม่พอใจที่เตงงายนั้นได้ความดีความชอบจากการบุกตีเสฉวนได้สำเร็จ จึงร่วมมือกับเกียงอุยคิดการใหญ่หวังจะยึดเสฉวนไว้เอง โดยการจัดการกับทัพของเตงงายที่มีกำลังพลน้อยไม่สามารถต่อสู้กับทัพของจงโฮยกับเกียงอุยได้ ทางเกียงอุยเองก็แกล้งสวามิภักดิ์เข้าร่วมกับจงโฮยโดยหวังใช้จงโฮยจัดการกับเตงงายเท่านั้น
ทางเตงงายนั้นไม่รู้เรื่องอะไร ไม่ได้มีใจคิดกบฏแต่อย่างใด แต่หลังจากเข้ายึดเสฉวนได้แล้วเตงงายก็จัดการกิจการต่างๆภายในองค์กรจ๊กก๊กด้วยตัวเองทำให้สุมาเจียวไม่พอใจ เมื่อจงโฮยส่งหนังสือมาแจ้งสุมาเจียวว่าเตงงายกบฏ สุมาเจียวก็ให้จงโฮยจัดการกับเตงงายได้เลย พร้อมทั้งยกทัพใหญ่ตามไปสมทบ
สุมาเจียวทำทีเหมือนว่าจะยกทัพใหญ่มาจัดการกับเตงงาย แต่สุมาเจียวนั้นตั้งใจจะยกทัพมาจัดการกับจงโฮยเพราะแท้จริงแล้วสุมาเจียวไม่ไว้ใจทั้งเตงงายและจงโฮย สุมาเจียวคิดว่าใครก็ตามที่ยึดพื้นที่อู่ข้าวอู่น้ำเหมาะแก่การตั้งตัวอย่างเสฉวนได้ก็ต้องมีความคิดอยากตั้งตัวเป็นใหญ่กันทั้งนั้น
สุมาเจียวจึงยกทัพใหญ่มาจัดการเรื่องด้วยตัวเอง จงโฮยเองก็อ่านสุมาเจียวออกว่ากำลังทัพของตนนั้นสามารถเอาชนะจัดการเตงงายได้สบายแต่ทำไมสุมาเจียวยังต้องยกทัพใหญ่ตามมาอีก
จงโหยจึงเร่งดำเนินการเข้าเสฉวนลอบจัดการจับกุมตัวเตงงายและลูกเพื่อยึดเสฉวนไว้เอง จากนั้นจึงทำการกบฏแต่โจงโฮยทำการบุ่มบ่ามเร่งรีบเกินไป จงโหยประกาศกับเหล่าทหารแม่ทัพนายกองของตนว่าจะกบฏสู้กับขั่วอำนาจอย่างสุมาเจียว โดยอ้างว่าเป็นพระราชประสงค์ขององค์พระเสาวนีย์ที่เสียไปแล้ว
การประกาศของจงโฮยไม่ดูใจของเหล่าทหารของตนว่าคิดเห็นอย่างไร เหล่าแม่ทัพนายกองไม่มีใครอยากเป็นกบฎต่อขั่วอำนาจใหญ่ของสุมาเจียว เพราะทั้งครอบครัวลูกเมียต่างก็รออยู่ที่วุยก๊ก ถ้าขืนกบฎตามจงโฮยมีหวังครอบครัวจะพากันโดนประหารตายหมดสู้กลับวุยก๊กไปรับความดีความชอบกับสุมาเจียวยังดีกว่า
ตกดึกเหล่าทหารที่ไม่เห็นด้วยจึงร่วมกันวางแผนจัดการกับจงโฮย เมื่อรุ่งเช้าในขณะจงโฮยจะให้เหล่าแม่ทัพนายกองลงชื่อร่วมเป็นกบฎเหล่าทหารวุยก๊กก็ร่วมมือกันสังหารจงโฮย เกียงอุยที่อยู่กับจงโฮยเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ท่าจะไม่ดี การใหญ่ที่คิดจะฟื้นฟูองค์กรจ๊กก๊กขึ้นมาใหม่คงหมดหวังแล้วก็ชักกระบี่ออกมาฆ่าตัวตายไปในตอนนั้น
ส่วนเตงงายเองก็ถูกสังหารไปด้วยในช่วงเหตุการณ์วุ่นวายนี้ เหตุการณ์นี้มีเพียงสุมาเจียวที่มองขาดไว้แล้วว่าถึงจงโฮยกบฏก็จะไม่มีใครร่วมด้วยวมมือกับจงโฮย หลังจากแม่ทัพใหญ่ทั้งสองตายสุมาเจียวจึงให้อุยก๋วนอยู่รักษาจ๊กก๊ก และส่งพระเจ้าเล่าเสี้ยนกับเหล่าขุนนางใหญ่ไปยังวุยก๊ก
เมื่อสุมาเจียวจัดการองค์กรจ๊กก๊กจนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรวุยก๊กได้สำเร็จเรียบร้อยก็สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นจิ้นอ๋อง มีอำนาจบารมีเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก
ข่าวจ๊กก๊กล่มสลายยังทำให้พระเจ้าซุนฮิวเครียดจนสวรรคต พระเจ้าซุนโฮหลานพระเจ้าซุนกวนขึ้นครองราชแทน แต่พระเจ้าซุนโฮนี้เมื่อได้อำนาจกลายเป็นคนลุแก่อำนาจ ดุร้าย โหดเหี้ยม ชอบสิ่งลามกอนาจาร โปรดปรานแต่บิมหุนขันที สนใจแต่ความบันเทิง ไม่สนใจกิจการบ้านเมือง ใครขัดใจก็นำไปประหารหมด ทำให้องค์กรง่อก๊กระส่ำระส่ายเข้าสู่ยุคมืดอีกครั้ง
ค.ศ.265 สุมาเจียวตั้งสุมาเอี๋ยนลูกชายคนโตขึ้นเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจากนั้นไม่นานสุมาเจียวก็เป็นลมล้มลงเป็นอัมพาติเอามือชี้หน้าสุมาเอี๋ยนแล้วก็ถึงแก่อนิจกรรม สุมาเอี๋ยนจึงได้ขึ้นเป็นจิ้นอ๋อง และทำการปลดพระเจ้าโจฮวนออกจากตำแหน่งฮ่องเต้ โดยให้เหตุผลว่า ราชสมบัตินี้เดิมเป็นของราชวงศ์ฮั่น โจโฉไปแย่งชิงมาจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ อยู่มาได้ 45 ปี บัดนี้ถ้าตระกูลสุมาจะแย่งชิงมาจากตระกูลโจก็สมควรแล้ว
สุมาเอี๋ยนสถาปนาตนขึ้นเป็นฮ่องเต้ ก่อตั้งราชวงศ์จิ้น และปกครองอณาจักรไต้จิ้นที่ผนวกพื้นที่วุยก๊กกับจ๊กก๊กได้เป็นอย่างดี สนใจในกิจการบ้านเมือง ปรึกษาหารือกับขุนนางในเรื่องกิจการต่างๆอยู่เสมอ รับฟังเหตุผลต่างๆเป็นอย่างดี ทำให้อณาจักรไต้จิ้นดำเนินไปได้อย่างปกติ ประชาชนให้การสนับสนุน
ค.ศ.273 ผ่านมา 8 ปี เหตุการทุกอย่างปกติสุข ไม่มีสงครามระหว่างไต้จิ้นและง่อก๊ก เอียวเก๋าเป็นแม่ทัพรักษาชายแดนของไต้จิ้น กับลกของ ลูกของลกซุน เป็นแม่ทัพรักษาชายแดนของฝั่งง่อก๊ก ทั้งคู่ต่างมีไมตรีต่อกัน ต่างฝ่ายต่างถือคติยึดมั่นในการทำความดี เพราะเหตุการสงบ ไม่อาจเอาชนะกันด้วยการรบ เอียวเก๋าและลกของต่างคิดว่า สถานะการของไต้จิ้นและง่อก๊กนั้นฝ่ายที่สามารถรักษาความดีเอาไว้ได้มากกว่าก็จะเป็นฝ่ายชนะ ทั้งคู่มีความคิดที่ถูกต้องเพราะในสถานะการที่ไม่สามารถเอาชนะดเวยการรบ สิ่งสำคัญคือใจคนฝ่ายที่ทำดีกว่ารักษาความดีได้มากกว่าผู้คนย่อมสนับสนุนฝ่ายนั้น จึงจะทำให้ฝ่ายที่รักษาความดีได้มากกว่าชนะไปในที่สุด
แต่ซุนโฮ ผู้นำของง่อก๊กไม่ได้คิดเช่นนั้น ทั้งๆที่ซุนโฮบริหารบ้านเมืองย่ำแย่เข้าขั้นวิกฤติ ซุนโฮก็ยังเชื่อในหมอดูว่าถ้ารบกันฝ่ายง่อจะมีชัย สั่งในลกข้องบุกตีไต้จิ้น เมื่อลกข้องไม่สามารถทำได้ด้วยเอียวเก๋า ป้องกันรักษาชายแดนได้เป็นอย่างดีไม่มีจุดอ่อน ซุนโฮก็สั่งปลดลกของออกจากการเป็นแม่ทัพข้อหาทำให้เสียการศึก
ค.ศ.276 ทางเอียวเก๋าเมื่อเห็นลกของโดนปลด ก็รู้ว่าโอกาสดีในการพิชิตกังตั๋งมาถึงแล้วรีบส่งหนังสือแจ้งพระเจ้าสุมาเอี๋ยนให้บุกกังตั๋ง แต่เมื่อพระเจ้าสุมาเอี๋ยนนำเรื่องเข้าที่ประชุมขุนนางมติออกมาไม่เห็นด้วยกับการบุก สุมาเอี๋ยนจึงไม่อนุมัติให้เอียวเก๋าบุกกังตั๋ง จากนั้นเอียวเก๋าก็น้อยใจจนป่วย สุมาเอี๋ยนไปเยี่ยมเอียวเก๋าก็อธิบายถึงสถานะการว่าตอนนี้ง่อก๊กอ่อนแอมาก ซุนโฮเป็นคนโหดร้าย ลุอำนาจ ไม่สนใจกิจการบ้านเมือง เป็นโอกาสดีที่จะพิชิตกังตั๋ง ถ้าซุนโฮเกิดตายไปแล้วกังตั๋งได้ผู้นำใหม่ที่ดี ทำนุบำรุงกิจการบ้านเมือง เราก็จะเสียโอกาสนี้ไป พระเจ้าสุมาเอี๋ยนได้ฟังก็ซาบซึ้งในความดีของเอียวเก๋าเมื่อเอียวเก๋าตายพระเจ้าสุมาอี้แต่งตั้งเตาอี้ผู้ที่เอียวเก๋าแนะนำมาแทนตำแหน่งเอียวเก๋า
ค.ศ.279 ในขณะที่ไต้จิ้นเข้มแข็ง ขุนพลเตาอี้ทำนุงบำรุงเตรียมการทหารอย่างดี ทางฝ่ายง่อก๊กพระเจ้าซุนโฮเอาแต่จัดงานเลี้ยงเอาเงินในคลังมาใข้จ่ายฟุ่มเฟือย ทั้งการสร้างวังใหม่ ย้ายเมืองหลวง พระเจ้าซุนโฮมีสนมในวังถึงห้าพันคน ทำให้เงินในคลังมีไม่พอใช้จ่ายเงินเดือนเลี้ยงขุนนางและทหาร ขุนพลเตาอี้มองเห็นเค้าลางถึงความล้มเหลวขององค์กรง่อก๊ก ทำหนังสือถึงพระเจ้าสุมาเอี้ยน พระเจ้าสุมาเอี๋ยนนำเรื่องบุกกังตั๋งเข้าที่ประชุมอีกครั้ง สุมาเอี๋ยนให้เตาอี้ อองหุย เตรียมการยกทัพไปตีกังตั๋ง
ค.ศ.280 กองทัพจิ้นโจมตีง่อก๊กพร้อมกัน 4 เส้นทาง องค์กรง่อก๊กไร้คนเก่งคนดีที่มีใจจะมาต่อสู้ป้องกันทัพขององค์กรจิ้น ซุนโฮเชื่อแต่แผนการพิศดารของยิมหุนขันที อย่างการเอาฉมวกเหล็กมาปักในแม่น้ำขวางทางทัพเรือของจิ้น ซึ่งแผนพิศดารของยิมหุนขันทีก็ไม่มีแผนไหนที่ได้ผล จนในที่สุดองค์กรง่อก๊กก็แพ้อย่างหมดรูปต่อองค์กรจิ้นพระเจ้าซุนโฮสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์จิ้น รวมระยะเวลาเกือบ 1 ศตวรรษ นับจากองค์กรฮันแตกออกเป็นองค์กรเล็กๆ องค์กรเล็กๆ ถูกพิชิตจนเหลือเป็น 3 องค์กรใหญ่ จนสุดท้ายเป็นพระเจ้าสุมาเอี๋ยนรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จสิ้นสุดยุคสงครามสามก๊ก
สรุป บทที่ 29
เมื่อรูปแบบสภาพการแข่งขันเปลี่ยนจากองค์กรเล็กๆหลายๆองค์กรช่วงชิงไหวชิงพริบกัน กลายเป็นสภาพการแข่งขันของสามองค์กรใหญ่ ทำให้แข่งขันเอาชัยกันได้ยากยิ่งขึ้น สิ่งที่จะทำให้องค์กรขนาดใหญ่ล้มลงไม่ใช่ปัจจัยจากผู้แข่งขันภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่สาเหตุที่จะทำให้องค์กรใหญ่ล้มลงจะมีจุดเริ่มมาจากความอ่อนแอภายในองค์กร ความอ่อนแอของเหล่าผู้บริหาร ที่ขาดความเอาใจใส่ในกิจการขององค์กรของตน จึงเป็นเหตุให้ องค์กรฮั่นมหาชนล่มสลาย โจผีปลดเหี้ยนเต้ออกจากราชสมบัติ โจผีขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์กรวุยก๊ก เล่าปี่ขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์กรจ๊กก๊ก ซุนกวนขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์กรง่อก๊ก แต่ทั้งสามองค์ก็ก็ล่มสลายให้กับองค์กรไตจิ้น
3kokstartup

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา