มันคงไม่ใช่คำพูดเกินหลายหากจะบอกว่า โรดส์เตอร์ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกนั้น ก็เปรียบเสมือน เครื่องคอมพิวเตอร์ apple II ของบริษัท Apple เพราะฉะนั้น วิสัยทัศน์ของมัสก์ สำหรับรถยนต์คันที่สองที่ Tesla จะทำการสร้างขึ้นมานั้น มันก็คือ Apple’s Macintosh ของ Tesla ดี ๆ นั่นเอง
ประวัติ Elon Musk ตอนที่ 11 : Tesla’s Macintosh
ปัญหาใหญ่ของ โรดส์เตอร์นั้น คือเรื่องการ Design เพราะมัสก์ไม่อยากที่จะเริ่มต้นการผลิตรถยนต์จากศูนย์ใหม่ ซึ่งแน่นอน ข้อดีคือมันช่วยลดต้นทุนให้ Tesla เป็นอย่างมากใน Model แรกอย่าง โรดส์เตอร์
แต่คันที่สองมันต้องไม่เหมือนคันแรก มันต้องเป็นการสร้างสรรค์ใหม่ตั้งแต่ต้นจาก Tesla เท่านั้น มันต้องมีจุดเด่นที่ใคร ๆ เห็นว่ารถคันนี้คือผลิตโดย Tesla เหมือนที่เราเห็นรถยนต์ Benz , BMW , Ferrari , Audi ที่รู้ได้ทันทีว่าแต่ละคันคือ แบรนด์ไหนออกแบบมา
Tesla จึงได้ทำการสร้าง Design Studio เพื่อรองรับการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่โดยเฉพาะ ในโรงงานของ SpaceX ที่ลอสแอนเจลลิส แต่ปัญหาคือ เขาต้องการมือดีด้านนี้มาทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ให้สำหรับ Tesla โดยเฉพาะ และต้องเป็น ดีไซต์ที่ไม่ซ้ำรถยนต์อื่น ๆ ในตลาด เพื่อให้ทุกคนเห็นแล้วรู้ทันทีว่านี่คือ Tesla
และในที่สุด มัสก์ และ Tesla ก็ได้คนที่ต้องการ von Holzhausen Designer ชื่อดังในอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ผ่านงานมาทั้ง Volkswagen , Audi , GM และ Mazda โดยมัสก์ยื่นข้อเสนอมให้มาร่วมงานที่ยากจะปฏิเสธ
มัสก์ ได้มือดีอย่าง von Holzhausen มาช่วย Design Model S
มัสก์ต้องการให้ Holzhausen นั้น ปฏิวัติการดีไซต์ของรถซีดานใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นที่มาของการสร้างรถยนต์คันที่ 2 ของ Tesla ซึ่งก็คือ Model S นั่นเอง สำหรับ Holzhausen นั้นงานดีไซต์ รถยนต์แบบปรกติทั่วไปที่ใช้น้ำมัน กับ การ ดีไซต์รถยนต์ไฟฟ้าให้กับ Tesla นั้นมันเป็นอะไรที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีพื้นที่ว่างให้ใส่ไอเดียต่าง ๆ เข้าไปมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันแบบปรกติ
Model S นั้นถูกใช้วัสดุจากอะลูมิเนียมชนิดพิเศษ แบบเดียวกับที่ใช้ในจรวดของ SpaceX แทบจะทั้งคัน ซึ่งจะแตกต่างจาดรถยนต์ทั่วไปที่ใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบหลัก
ความเจ๋งอีกอย่างหนึ่งของ Model S ก็คือหน้าจอขนาดยักษ์ 17 นิ้ว ที่เป็นแบบ Touch Screen ที่ดูคล้าย ๆ Ipad ขนาดยักษ์ ซึ่งติดตั้งไว้ที่ Console ของรถยนต์ Model S ทุกคัน และลูกค้าทุกคนก็หลงรักเจ้าจอขนาดยักษ์นี้ทันที่ มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดอย่างนึงของทีมที่ออกแบบส่วนของภายในรถยนต์ Model S
แต่เชื่อหรือไม่ว่า มัสก์ นั้นเป็นคนค้นพบจุดบกพร่องนี้ด้วยตัวเอง ในระหว่างช่วงทดสอบรถซึ่งเขามักจะทดสอบด้วยตัวเองนั้น ลูกของเขาต้องการที่จะอ่านหนังสือเมื่อนั่งตรงด้านหลัง แต่มองไม่เห็นสวิตช์ไฟ ถึงกับอุทานออกมาต่อหน้าพ่ออย่างมัสก์ ผู้เป็น CEO ของ Tesla ว่า “มันเป็นรถยนต์ที่งี่เง่าที่สุดในโลก” เลยทีเดียว และสุดท้ายก็ต้องทำการติดไฟสำหรับอ่านหนังสือให้กับ Model S ทุกคันในที่สุด
และในที่สุด ตัว prototype ของ model S ก็พร้อมออกมาให้ยลโฉมกันในเดือนมีนาคม ปี 2009 แม้หลาย ๆ คนจะยังไม่ประทับใจกับมันนักก็ตาม เหล่านักวิจารณ์ก็มองมันเหมือนเป็นของเล่นของมัสก์ เท่านั้น มันยังไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้าจริง ๆ แบบที่เขาได้เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ หลาย ๆ สื่อเริ่มวิจารณ์บริษัท Tesla
มีการทดสอบตัว prototype โดยวิ่งไปในเมือง Palo Alto และมีผู้คนสามารถที่จะถ่ายรูปเจ้า Model S ให้หลุดออกไปใน internet ได้ ซึ่งความจริง Tesla อยากให้เรื่องเหล่านี้เป็นความลับอยู่
แต่มันได้กระจายไปทั่วแล้ว หลาย ๆ คนต่างผิดหวังกับ Design ของ รถยนต์รุ่นใหม่ของ Tesla และหวังว่ามันคงไม่ใช่รถยนต์ที่ผลิตโดย Tesla จริงตามข่าว มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะขายรถยนต์หน้าตาแบบนี้ในราคาสูงถึง 50,000 หรือ 60,000 เหรียญ ซึ่งผู้บริโภคมีทางเลือกอื่น ๆ อีกมากมายกับ มูลค่าที่สูงขนาดนั้น
Model S ถูกนำไปเทียบกับ Ford Probe รถยุก 80 เลยทีเดียวในช่วงแรกก่อนการเปิดตัวจริง
หลาย ๆ คนเปรียบเทียบมันกับ รถยนต์โบราณสุดเห่ยอย่าง Ford Probe ที่เป็นรถยนต์ในยุค 80’s เลยด้วยซ้ำ และที่สำคัญ สถานการณ์ของบริษัทของมัสก์ ก็เริ่มซวนเซ ไม่ว่าจะเป็น SpaceX รวมถึง Tesla เองก็ตามที