Blockdit Logo (Mobile)
P O R D E E
•
14 มี.ค. 2019 เวลา 08:45 • ธุรกิจ
Hololens ของไมโครซอฟต์ กับสมการฟิสิกส์อันเลื่องชื่อของไอน์สไตน์ สิ่งไหนจะทำร้ายจิตใจนักพัฒนาได้มากกว่ากัน???
image: Microsoft
เป็นข่าวใหญ่เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อพนักงานของไมโครซอฟต์ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงสัตยา นาเดลลา ซีอีโอของพวกเขา และ แบรดสมิธ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย
เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการที่ไมโครซอฟต์เซ็นสัญญามูลค่า 480 ล้านเหรียญ เพื่อส่งมอบ Hololens จำนวน 100,000 เครื่องให้กองทัพสหรัฐเพื่อนำไปใช้ในการสงคราม
เหล่าวิศวกรและผู้ที่เกี่ยวข้องแสดงความเห็นว่าพวกเขาช่วยกันพัฒนาเทคโนโลยีนี้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษา การก่อสร้าง การแพทย์ การท่องเที่ยว รวมถึงการใช้เพื่อการเชื่อมโยงกับหุ่นยนต์ในการสำรวจอวกาศ หรือการใช้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาด้านต่าง ๆ
แต่ไม่ใช่เพื่อช่วยให้รัฐบาลหนึ่งนำไปใช้เพื่อการสงคราม
ตามข่าวระบุว่า กองทัพสหรัฐจะนำสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขา ไปใช้ในการเพิ่มความรุนแรงของการทำลายล้าง โดยการนำโฮโลเลนส์ไปติดตั้งในระบบเสริมสมรรถนะวิสัยทัศน์เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยสังหาร
ซึ่งทีมงานที่เกี่ยวข้องเกรงว่ามันจะทำให้สงครามการสู้รบภาคพื้นดินมีความรุนแรงมากขึ้น เพราะการรบจากการจำลองแบบวิดีโอเกม ทำให้ทหารในสมรภูมิมีอารมณ์ความรู้สึกออกห่างจากความจริง ที่ต้องมีการสูญเสียและนองเลือดเกิดขึ้น
ที่จริงกองทัพสหรัฐฯ และกองทัพอิสราเอลได้ใช้อุปกรณ์ HoloLens ของ Microsoft ในการฝึกซ้อมรบอยู่แล้ว แต่แผนการนี้จะเป็นการพัฒนา HoloLens สำหรับการต่อสู้ในสนามจริง
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป กลับมีหลายความเห็นที่ออกมาโจมตีพนักงานของไมโครซอฟต์ และเห็นด้วยที่กองทัพจะมีเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยทหารในการรบ
และก็มีอีกหลายคนที่แสดงความเห็นว่าถ้าไมโครซอฟต์ไม่ทำ ก็ยังมีบริษัทอื่นอีกมากมายที่พร้อมจะรับงานนี้ และบอกว่าพนักงานของไมโครซอฟต์คิดมากเกินไป
พวกเขาคงไม่เข้าใจความรู้สึกของบรรดาวิศวกรและนักวิจัย HoloLens ที่ต้องการสร้างนวัตกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อใช้ในทางสร้างสรรค์และมีประโยชน์ต่อมนุษย์โดยทั่วไป
ความรู้สึกของพวกเขาตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากไอน์สไตน์ เมื่อเห็นผลผลิตจากการคิดค้นของเขากลายไปเป็นอาวุธทำลายล้าง ที่สังหารคนนับแสนคนในช่วงสงครามโลก
ผู้บัญชาการนาวิกโยธิน Robert Neller ใช้ระบบเพิ่มความเป็นจริงของ HoloLens เพื่อจัดการกับวัตถุเสมือนในระหว่างการสาธิตปี 2017 ที่ Camp Foster ในโอกินาว่า (U.S. Marine Photo / Tayler P. Schwamb)
ที่ผ่านมาพนักงานและผู้ถือหุ้นในบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านไอทีมีบทบาทอย่างมากในการเรียกร้องให้บริษัททำตามเป้าหมายหลักขององค์กร ในการผลิตนวัตกรรมเพื่อนำไปใช้อย่างสร้างสรรค์
และต่อต้านความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐ เหตุการณ์แบบนี้เริ่มตึงเครียดมากขึ้นในปีที่ผ่านมา
ตัวอย่างเช่น กรณีกลุ่มผู้ถือหุ้นของอเมซอนเรียกร้องให้บริษัทหยุดการขายซอฟต์แวร์จดจำใบหน้าให้กับหน่วยงานของรัฐบาลจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการกระทำที่ละเมิดกฎหมายและสิทธิมนุษยชน
1
และกูเกิลก็เลือกที่จะไม่ทำสัญญากับกระทรวงกลาโหมต่อไป ในเรื่องของความพยายามที่จะใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อระบุเป้าหมายของการโจมตีทางอากาศ เนื่องจากความไม่พอใจของพนักงานในโครงการวิจัยนี้
อาจเป็นด้วยเหตุนี้เราจึงได้เห็นการโจมตีอย่างหนักจากรัฐบาลสหรัฐ สำหรับบริษัทที่ไม่ให้ความร่วมมือทางเทคโนโลยีกับรัฐบาล
แต่สำหรับสัตยาในฐานะซีอีโอของไมโครซอฟต์แล้ว เป้าหมายหลักในตอนนี้ของเขาคือประมูลระบบคลาวด์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐที่มีมูลค่านับหมื่นล้านที่กำลังจะเกิดขึ้น
และเขาต้องการให้ Azure คลาวด์ของไมโครซอฟต์ได้งานนี้ หลังจากที่เคยแพ้ให้กับ AWS ของอเมซอนในการประมูลเมื่อหลายปีก่อน
และจากการพ่ายแพ้ในครั้งนั้นส่งผลให้คลาวด์ของอเมซอนยังกลายเป็นผู้นำอยู่จนถึงทุกวันนี้
สัตยายืนยันว่าจะไม่ล้มเลิกสัญญามูลค่า 480 ล้านเหรียญ ในการส่งมอบ Hololens ครั้งนี้แน่นอน
และเขากำลังพยายามทำความเข้าใจกับเหล่าวิศวกรและนักวิจัยของไมโครซอฟต์ ในทีมงาน HoloLens ว่ามันเป็นงานที่พวกเขาควรเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
อย่างน้อยพวกเขาก็จะได้รับรู้และสามารถควบคุมอะไรบางอย่างได้ อีกทั้งยังเสนอให้นักวิจัยที่ไม่สบายใจในการทำโครงการนี้ย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่นที่ต้องการได้
คงต้องติดตามกันต่อไปว่าสัตยาจะใช้วิธีไหนในการทำความเข้าใจกับพนักงาน และจะวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ HoloLens นวัตกรรมขั้นสุดยอดของพวกเขาไว้จุดไหน
งานนี้คงจะเป็นบททดสอบอีกบทหนึ่งของสัตยา ว่าจะทำอย่างไรให้ไมโครซอฟต์กลับมาเป็นผู้นำได้อีกครั้ง ในขณะที่คุณธรรมและความดีงามยังเติบโตอยู่ในใจของพนักงานทุกคน
มีข้อน่าสังเกตอีกอย่างว่า คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต GPS และเทคโนโลยีอีกหลายอย่าง มีจุดเริ่มต้นจากเทคโนโลยีทางทหาร จากนั้นก็ปรับปรุงมาใช้ในการดำเนินชีวิตของพวกเราทุกคน
ทุกวันนี้ชาติมหาอำนาจ ต่างพยายามอย่างหนักในการแข่งขันกันสร้างเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการสงคราม
นี่เรากำลังเข้าใกล้สงคราม หรือเรากำลังอยู่ในสภาวะสงครามอย่างไม่รู้ตัวกันแน่
ตอนต่อไปเรามาดูกันว่า HoloLens ตัวนี้จะเยี่ยมยอดขนาดไหน
เพจ pordee / blockdit
โฆษณา