จังหวะนี้เองเขาก็นึกถึงกาวที่มันไม่เหนียวนี้ขึ้นมาได้ว่า "เรามีกาวนี่ที่เเล็บนี่หว่า" ก็เลยลองเอากาวมาผสมไอเดียกับกระดาษเเล้วเอามาเเปะไว้เพื่อที่จะจดโน๊ตลงไปในหนังสือเพลงของเขาได้โดยไม่ให้หลุด เเล้วสามารถดึงออกได้โดยที่หนังสือไม่เสียหาย เเล้วก็ไม่มีคราบกาว ก็เลยเป็นที่มาของ Post it นั้นเอง
เเต่ตอนเเรกเขาตั้งชื่อมันว่า Press and Peel (ติดเเล้วลอกออก) เเล้วเอาชื่อนี้ไปทดลองตลาดเเล้วเอาไปจำหน่ายในบางพื้นที่ (4 เมืองใหญ่)
เขาก็เลยได้ชื่อใหม่ขึ้นมา ที่ชื่อว่า Post it เเปลว่า เเปะมันสิ ติดมันสิ ปรากฎว่าคนเข้าใจ เก็ท
เเละเข้าใจว่ามันเอาไปใช้ทำอะไร
Post it ไม่ได้เป็นเเค่เรื่องของการเชื่อมโยงระหว่างกาวไม่เหนียวกับกระดาษเท่านั้น เเต่ยังเล็งเห็นว่ากระดาษโน๊ตที่มีกาวอยู่ข้างหลังจะช่วยเเก้ปัญหาของคนได้ด้วย
Post It เป็นของมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง เพราะเวลาเราเจอ Post it เราจะนึกถึง Creativity (ความคิดสร้างสรรค์) เราจะเชื่อมโยงกับการระดมสมอง เเละการคิดเเบบ Desing Thinking
(การคิดเเบบกระบวนการ)
Post it จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความคิดสร้างสรรค์