17 มี.ค. 2019 เวลา 07:15 • ประวัติศาสตร์
ฮอลลีวู้ด อุตสาหกรรมภาพยนตร์โลก ตอนที่ 4
ยุคของภาพยนตร์เงียบ
ในช่วงทศวรรษ 20s (พ.ศ.2463-2472) ธุรกิจภาพยนตร์กำลังเติบโต ภาพยนตร์เรื่องเด่นคือ The Big Parade ออกฉายในค.ศ.1925 (พ.ศ.2468) และทำเงินกว่า 5 ล้านดอลลาร์ในยุคที่ตั๋วหนังมีราคาเพียง 20 เซนต์ ซึ่งนับว่าทำเงินมหาศาลในสมัยนั้น
The Big Parade (1925)
อีกเรื่องที่น่าพูดถึงคือ The Gold Rush ซึ่งออกฉายปีเดียวกันและทำเงินกว่า 4 ล้านดอลลาร์และนำแสดงโดยชาร์ลี แชปลิน (Charlie Chaplin)
The Gold Rush (1925)
ความรุ่งเรืองของวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดทำให้นักแสดงและผู้กำกับมีฐานะร่ำรวย พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่และขับรถราคาแพง รวมถึงเป็นที่สนใจในวงสังคม
การเติบโตของวงการภาพยนตร์ ไม่เพียงทำให้ธุรกิจภาพยนตร์รุ่งเรือง แต่ยังทำให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์รุ่งเรืองอีกด้วย นิตยสารเกี่ยวกับดาราภาพยนตร์ได้พิมพ์ออกจำหน่ายและขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ในยุคสมัยที่ยังไม่มีโซเชี่ยล ภาพยนตร์และสื่อสิ่งพิมพ์คือความบันเทิงไม่กี่อย่างที่มีในยุคนั้น
หนึ่งในดาราที่ถือได้ว่าเป็นซุปตาร์ดังในยุคภาพยนตร์เงียบคือรูดอล์ฟ วาเลนติโน (Rudolph Valentino) เขาเป็นนักแสดงรูปหล่อ และได้แสดงในหนังโรแมนติกหลายเรื่อง เขาดังจนถึงขนาดที่ว่ามีคนเคยเล่าว่าเวลาที่เขาปรากฎกายบนจอภาพยนตร์ มีผู้หญิงเป็นลมเนื่องจากหลงไหลในความหล่อของเขามาแล้ว
รูดอล์ฟ วาเลนติโน (Rudolph Valentino)
แต่น่าเสียดายว่าวาเลนติโนเสียชีวิตภายหลังจากการผ่าตัดที่ล้มเหลวเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) ขณะมีอายุเพียง 31 ปี
นอกจากวาเลนติโนแล้ว ฮอลลีวู้ดยังมีคู่รักซุปตาร์ที่เรียกได้ว่าดังสุดๆ และมีอิทธิพลในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดมากที่สุดในเวลานั้น นั่นก็คือดักลาส แฟร์แบงคส์ (Douglas Fairbanks) และแมรี่ พิกฟอร์ด (Mary Pickford)
1
ดักลาส แฟร์แบงคส์ (Douglas Fairbanks) และแมรี่ พิกฟอร์ด (Mary Pickford)
ทั้งคู่เป็นคู่รักซุปตาร์ซึ่งน่าจะเรียกได้ว่าเป็นคู่รักซุปตาร์คู่แรกของโลก โดยเฉพาะแฟร์แบงคส์นั้น เป็นที่ขื่นชอบของผู้คนอย่างมาก เนื่องจากเขาได้รับบทพระเอกในหนังบู๊ดังๆ หลายเรื่องเช่น Robin Hood The mark of Zorro
ในยุคแรกนั้น ดาราจะยังไม่มีชื่อในเครดิต แต่ต่อมาภายหลัง คนดูเริ่มติดดารานำ เหล่าดาราจึงเรียกร้องให้ใส่เครดิต รวมถึงเรียกร้องค่าตัวเพิ่มอีกด้วย ซึ่งนั่น ทำให้ดาราที่ดังมากอย่างแฟร์แบงคส์และพิกฟอร์ดมีฐานะร่ำรวย
ทั้งคู่สร้างบ้านในเบเวอรีฮิลล์และตั้งชื่อว่าพิกแฟร์ (Pickfair) เป็นบ้านขนาดเนื้อที่กว่า 18 เอเคอร์ มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ตัวบ้านนั้นหรูหราเต็มที่และมักจะจัดปาร์ตี้อยู่เสมอๆ พิกแฟร์จึงกลายเป็นสถานที่ๆ ดังเป็นอันดับต้นๆ ของอเมริกา เป็นรองเพียงทำเนียบขาวเท่านั้น
พิกแฟร์ (Pickfair)
ชาร์ลี แชปลินเป็นเพื่อนสนิทของทั้งคู่ครับ ทุกท่านน่าจะรู้จักเขาดี เขาเป็นทั้งนักแสง ผู้กำกับและผู้เขียนบทภาพยนตร์ที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่ง และเพราะภาพยนตร์เงียบนี่แหละครับ ทำให้แฟร์แบงคส์ พิกฟอร์ด และแชปลินมีฐานะร่ำรวย
ชาร์ลี แชปลิน (Charlie Chaplin)
ทั้งสามคนนี้ ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกันและเป็นดาราระดับแม่เหล็กกันทั้งนั้น จึงได้มาพูดคุยกัน และตกลงหุ้นกันเปิดบริษัทภาพยนตร์ของตนเองครับ โดยได้ก่อตั้งบริษัทยูไนเต็ด อาร์ติสต์ (United Artist) ซึ่งต่อมาก็เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของฮอลลีวู้ด
เหล่าดาราหนังเงียบมีชีวิตที่ดีมากครับ แต่เหมือนอย่างทุกวันนี้ พอมีเทคโนโลยีเข้ามา สิ่งในยุคเก่าก็ต้องล้มหายไป เหมือนอย่างหนังสือที่เริ่มถูกแทนที่ด้วยออนไลน์
สิ่งใหม่ในเวลานั้นคือ “ภาพยนตร์เสียง”
วันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ.1927 (พ.ศ.2470) The Jazz Singer นำแสดงโดยอัล โจสัน (Al Jolson) ภาพยนตร์เสียงเรื่องแรกได้ออกฉายและเปลี่ยนฮอลลีวู้ดไปตลอดกาล
The Jazz Singer (1927)
การเข้ามาของภาพยนตร์เสียง ทำให้ดาราหนังเงียบที่เคยรุ่งเรืองหลายคนถึงกับต้องเก็บกระเป๋า หาอาชีพอื่นทำทันที เนื่องจากหลายคนนั้นมีเสียงที่ไม่น่าฟัง ทำให้ไม่ได้รับความนิยมเหมือนในสมัยหนังเงียบ
ตอนต่อไป ผมจะมาเล่าต่อถึงยุครุ่งเรืองของฮอลลีวู้ดต่อนะครับ ฝากติดตามด้วยนะครับ และขอบอกว่า ล้นเกล้ารัชกาลที่ 7 กับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ก็ได้เคยพบปะกับแฟร์แบงคส์และพิกฟอร์ด และได้ถ่ายรูปด้วยกันด้วยครับ
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ได้ทรงพบกับดักลาส แฟร์แบงคส์ (ซ้ายสุด) และแมรี่ พิกฟอร์ด (ที่ 2 จากขวา ยืนข้างรัชกาลที่ 7) ในปีค.ศ.1920 (พ.ศ.2463)
โฆษณา