18 เม.ย. 2019 เวลา 16:04 • การศึกษา
พระปฏาจาราเถรี
(ภิกษุณีผู้ทุกข์ทรมานมากที่สุด)
Cr. pantip
“ปฏาจารา” พระสาวิการูปหนึ่ง
เป็นธิดาของเศรษฐีในกรุงสาวัตถี
เป็นหญิงรูปร่างงดงามและ
ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
ครั้นนางมีอายุได้ 16 ปี
ได้หลงรักชายคนใช้
ในบ้านของตนเอง
ต่อมาบิดามารดาได้จัดเตรียม
หาชายหนุ่มในชนชั้นเดียวกัน
มาแต่งงานด้วย
นางจึงได้นัดแนะให้ชายคนใช้
พาหนี แล้วไปสร้างบ้านเรือน
อยู่อาศัยในชนบทอัน
ทุรกันดารแห่งหนึ่ง
ชีวิตเริ่มแรกของนางปฏาจารา
มีความสุขมาก เพราะได้อยู่ใกล้ชิด
กับชายคนรัก
เวลาผ่านไปไม่นาน
นางปฏาจาราตั้งครรภ์
ครั้นถึงเวลาใกล้คลอด
นางมีความกังวลใจ
เพราะไม่มีบิดามารดา
และญาติอยู่ใกล้ชิด
นางจึงขอร้องให้สามี
พากลับไปหาบิดามารดา
สามีปฏิเสธคำขอร้อง
เพราะกลัวเกรงบิดามารดา
ของนางจะเอาโทษ
นางจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้าน
เพียงลำพัง นางได้คลอดบุตรคนแรก
ในระหว่างทาง
เมื่อสามีตามไปพบ
เขาได้ชี้แจงเหตุผลต่างๆ
จนพานางกลับบ้านสำเร็จ
เวลาต่อมา นางได้ตั้งครรภ์อีก
เป็นครั้งที่สองและได้ขอร้อง
สามีเหมือนครั้งก่อน
แต่สามีปฏิเสธคำขอร้อง
เช่นนั้นอีกนางจึงพาบุตรน้อย
ผู้กำลังหัดเดินหนีออกจากบ้าน
ในระหว่างทางนางปวดท้อง
อย่างรุนแรง เพราะกำลังจะ
คลอดบุตรฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก
สามีตามไปพบนางดิ้นทุรนทุราย
อยู่ท่ามกลางสายฝนจึงไปตัดไม้
เพื่อนำมาทำที่กำบังฝนชั่วคราว
แต่เขาถูกงูพิษกัดถึงแก่ความตาย
นางปฏาจาราคลอดบุตร
ด้วยความยากลำบาก
แล้วนางอุ้มทารกและจูงบุตรน้อย
ตามไปพบศพของสามี
จึงมีความเศร้าโศกเสียใจมาก
นางตัดสินใจจะพาบุตร
ไปหาบิดามารดาในเมือง
เมื่อนางมาถึงลำธารใหญ่ที่
น้ำกำลังไหลเชี่ยวนาง
ไม่อาจจะพาบุตรข้ามน้ำพร้อมกันได้
จึงให้บุตรคนโตยืนรอ
ที่ฝั่งข้างหนึ่งแล้วอุ้มทารก
แรกเกิดเดินข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง
และวางทารกน้อยไว้ที่อันเหมาะสม
ขณะเดินข้ามน้ำมาถึงกลางน้ำ
เพื่อรับบุตรคนโตนางเห็นเหยี่ยว
ตัวหนึ่งกำลังบินโฉบลงเพื่อจิกทารก
เพราะมันเข้าใจว่าเป็นก้อนเนื้อ
นางจึงยกมือขึ้นไล่เหยี่ยว
แต่ไม่อาจช่วยชีวิตทารกน้อยได้
เพราะเหยี่ยวมองไม่เห็น
อาการของนางที่ขับไล่
จึงเฉี่ยวทารกน้อยของนางไป
บุตรคนโตมองเห็นนางยกมือขึ้น
ทั้งสองข้าง ก็เข้าใจว่ามารดา
เรียกตนจึงก้าวลงสู่แม่น้ำอันเชี่ยว
และถูกน้ำพัดพาหายไป
นางปฏาจาราได้สูญเสีย
ทุกสิ่งทุกอย่างในเวลาใกล้กัน
แต่นางยังตั้งสติได้นางเดินร้องไห้
เข้าไปสู่เมืองสาวัตถี
และได้ทราบข่าวจากชาวเมือง
คนหนึ่งในระหว่างทางว่าลม
และฝนได้พัดเรือนบิดามารดา
ของนางพังทลาย
และเจ้าของบ้านก็ตายไปด้วย
ครั้นเมื่อนางทราบช่าวเช่นนี้
ก็ไม่อาจตั้งสติได้
นางสลัดผ้านุ่งทิ้งแล้ววิ่งบ่นเพ้อ
ด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า
เข้าไปวัดพระเชตวันมหาวิหาร
ขณะที่พระพุทธเจ้ากำลัง
ทรงแสดงธรรมอยู่
ท่ามกลางบริษัทประชาชน
เห็นนางแล้วร้องบอกกันว่า
คนบ้าๆ อย่าให้เข้ามา
Cr.pantip
พระพุทธองค์ตรัสว่า...
ปล่อยให้นางเข้ามาเถิด
แล้วตรัสเรียกเตือนสตินางกลับได้สติ
เกิดความละอายนั่งลง
ใครคนหนึ่งในที่ประชุมนั้น
โยนผ้าให้นางนุ่งห่ม
พระองค์ทรงแสดงธรรม
เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิด
กับนางโดยย่อว่า ...
ปิยชนมีบุตรเป็นต้น
ไม่สามารถข้องกับคนที่ตายแล้วได้
ผู้รักษาศีลแล้วพึงชำระทางไปพระนิพพาน
นางฟังพระธรรมเทศนา
อันแสดงถึงความไม่เที่ยงแท้
ของสรรพสิ่งพิจารณาไป
ตามพระธรรมเทศนานั้นแล้ว
ได้บรรลุโสดาปัตติผล
และทูลขออุปสมบทพระองค์
จึงทรงอนุญาตให้นางบวช
ในสำนักนางภิกษุณี
ต่อมานางภิกษุณีปฏาจารา
ได้ฟังพระธรรมเทศนาจาก
พระพุทธองค์ว่า...
คนที่ไม่เห็นความเสื่อมสิ้น
ไปในเบญจขันธ์
แม้มีชีวิตอยู่ร้อยปีก็ไม่ประเสริฐ
เท่าคนที่มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว
แต่มองเห็นความเสื่อมสิ้น
ไปในเบญจขันธ์
เมื่อจบพระธรรมเทศนานางภิกษุณี
ปฏาจาราก็ได้บรรลุพระอรหัตผล
พระปฏาจาราเถรีมีความชำนาญ
ในพระวินัยมากจนได้รับการยกย่อง
จากพระพุทธเจ้าว่า
เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลาย
ผู้ทรงพระวินัย และพระปฏาจาราเถรี
ได้เป็นกำลังในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
พระปฏาจาราเถรีมีคุณธรรม
ที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ดังนี้
1. เป็นผู้มีความตั้งใจจริง
นิสัยตั้งใจจริง ต้องทำตามที่ตั้งใจ
ไว้ให้สำเร็จนี้ ได้มีมาตั้งแต่
พระปฏาจาราเถรียังเป็นเด็กสาว
แต่เนื่องจากยังขาดประสบการณ์และขาดวิจารณญาณ จึงทำให้ผิดพลาดในชีวิตโดยสังเกตได้ว่า นางตั้งใจจะแต่งงานกับชายคนที่ตนรักไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่บิดามารดาเลือกให้ ก็ต้องทำให้ได้
แต่เมื่อได้บวชเป็นนางภิกษุณี
แล้วนางได้สานต่อความตั้งใจนั้น
ในทางที่ถูกต้อง
นั่นคือความตั้งใจศึกษาพระวินัยปิฎกให้เชี่ยวชาญ ก็ไม่ลดละความพยายามนางได้ใช้วิริยะอุตสาหะเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งสำเร็จตามปรารถนาได้
รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้
เป็นผู้เลิศกว่านางภิกษุณีรูปอื่น
ในด้านผู้ทรงพระวินัย
2. เป็นผู้แนะแนวชีวิตที่ดี
ชีวิตของนางปฏาจาราเถรี
เป็นชีวิตที่มากด้วยประสบการณ์
ได้ผ่านมาทั้งความสุข
ความสมหวัง และความทุกข์
ความผิดหวังอย่างสาหัส
จนเกือบกลายเป็นคนบ้าเสียสติถาวร
เมื่อนางได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤต
แห่งชีวิตเข้ามาสู่ร่มเงาแห่ง
พระพุทธศาสนาแล้วประสบการณ์
เหล่านั้นกลับเป็นประโยชน์แก่นางและคนอื่น
คือสตรีอื่นๆที่มีปัญหาชีวิตพากันมาขอคำแนะนำ นางได้ให้คำแนะนำที่ดี และช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาเหล่านั้น จนกระทั่งได้รับยกย่องว่า “เป็นครูยิ่งใหญ่” ของพวกเขา
• เสริมสาระ
สตรีอินเดียในสมัยโบราณนิยม
คลอดบุตรที่บ้านสกุลเดิมของตน
ธรรมเนียมพราหมณ์อย่างหนึ่งมีว่า
หญิงใดจะให้กำเนิดบุตรต้อง
กลับไปคลอดที่บ้านสกุลเดิมของตน
หาคลอดที่บ้านของสามีไม่
การเชื่อเช่นนี้อาจเนื่องมาจากเหตุผลบางอย่างเพราะตามปกติหญิงที่กำลังจะให้กำเนิดบุตรนั้น มีความต้องการความอบอุ่นทางใจต้องการคนช่วยเหลือ และคอยเป็นห่วงเป็นใยความอบอุ่น
เช่นนี้อาจหาได้ยากจากญาติของฝ่ายสามีตรงกันข้ามหญิงนั้นจะรู้สึกสบายใจและอบอุ่นใจมาก หากได้อยู่ใกล้ญาติพี่น้องของตนเองซึ่งรักและเข้าใจเธอมากกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก
พจนานุกรมพุทธศาสน์
โดย รศ.ดนัย ไชยโยธา
(จาก นิตยสารธรรมลีลา
ฉบับที่ 172 เมษายน 2558
โดย กองบรรณาธิการ)
เครดิตที่มา : https://m.pantip.com/topic/35542794?
ต้องขอบคุณแฟนเพจของนีม
คุณเกษตรเอส ด้วยนะคะ
ที่เข้ามาคอมเมนต์ใต้บทความ
"คุณค่าของใบไม้แห้ง"
ซึ่งเป็นนิทาน ของดร.อาจอง
คุณเกษตรบอกว่าคล้ายเรื่องของ
"นางปฏาจารา"
ซึ่งเป็นผู้ที่มีความทุกข์ทรมานมากที่สุด
นีมจึงรีบหาข้อมูล เรื่องราวเลยค่ะ
ด้วยความรู้ว่าทุกข์มากที่สุด
คือ แบบไหนกัน?
จนได้มาเจอเรื่องราวในกระทู้พันทิป
นี้แหละค่ะ จึงนำมาแบ่งปัน
ให้แฟนเพจของนีมได้อ่าน
จะได้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตกันต่อไปนะคะ
🔶เพราะเวลาที่เรามีความทุกข์
ให้ดูคนที่เขา"ทุกข์มากกว่าเรา"
แล้วเราจะมีกำลังใจในการใช้ชีวิต
ขึ้นมาเป็นกองเลยค่ะ ❤
ถ้าเห็นว่าบทความนี้
มีประโยชน์ อย่าลืม! กดไลค์ กดแชร์
แบ่งปันเรื่องราวดีๆ นี้ให้กับผู้อื่นต่อไป
และอย่าลืม!กดติดตาม
เพื่อเป็นกำลังใจให้นีมเขียนบทความ
หรือนำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปัน
แฟนเพจต่อไปกันด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกคนมากค่ะ
ที่ติดตามกันมาโดยตลอด
👑Neemmy BK 👑
โฆษณา