19 เม.ย. 2019 เวลา 11:14
Story to success : โอปราห์ วินฟรีย์ (Oprah Winfrey) ผู้เปลี่ยนอดีตอันแสนเจ็บปวด สู่สตรีผู้ทรงอิทธิพลของโลก
ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักเธอในฐานะ "เจ้าแม่พิธีกรรายการทีวี" ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง
ในสหรัฐอเมริกา ทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่ำรวยและเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งในโลกด้วย
แต่ชีวิตในวัยเด็กของเธอต้องเผชิญกับความยากลำบาก และเธอเคยถูกไล่ออกจากงานนักข่าวทางทีวี ด้วย
เหตุผลที่ว่า "เธอดูไม่เหมาะกับรายการทีวี" อย่างไรก็ดี ตอนนี้คงไม่มีใครสงสัยในความสามารถของเธออีกต่อไปแล้ว
1
อปราห์ วินฟรีย์ (Oprah Winfrey) มีชื่อจริงว่า โอปราห์ เกล วินฟรีย์ (Oprah Gail Winfrey) (เกิดเมื่อ 29 มกราคม ค.ศ. 1954) เป็นพิธีกรชื่อดังประเภททอล์คโชว์ รายการ The Oprah Winfrey Show ทอล์คโชว์ที่มีเรทติ้งการชมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์รายการโทรทัศน์[1] และยังเป็นผู้หญิงชาวแอฟริกัน อเมริกันที่รวยที่สุดในศตวรรษที่ 20
ล่าสุดนิตยสารฟอร์บส์เปิดเผยข้อมูลว่าโอปราห์คือสตรีผู้ร่ำรวยที่สุดในวงการบันเทิง ด้วยสินทรัพย์ประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์ ทิ้งห่างอันดับ 2 "เจ. เค. โรว์ลิ่ง" นักเขียนชาวอังกฤษเจ้าของวรรณกรรมเยาวชนขายดี "แฮรี่ พอตเตอร์" ที่มีสินทรัพย์ประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ และอันดับ 3 คือ "มาร์ธา สจ๊วต" นักธุรกิจหญิงชาวอเมริกัน ซึ่งมีสินทรัพย์ประมาณ 600 ล้านดอลลาร์
1
โอปราห์ วินฟรีย์ จบปริญญาตรีด้าน Speech Communications and Performing Arts จาก Tennessee State University
ปี 1973 โอปราห์เริ่มเส้นทางอาชีพตั้งแต่เมื่ออายุ 19 ปีเรียนไฮสคูลในโลกของการกระจายเสียงที่สถานีวิทยุในแนชวิลล์ ที่สถานีวิทยุ WVOL โดยเป็นผู้ประกาศข่าวที่อายุน้อยที่สุดและเป็นผู้ประกาศข่าวหญิงผิวสีคนแรกในอเมริกา จากนั้นก็ประกาศข่าวในโทรทัศน์ WTVF-TV และย้ายไปอีก 2 สถานีต่อมา
1
ต่อมาเธอย้ายไปที่บัลติมอร์ไปเป็นผู้ประกาศข่าวร่วมในรายการข่าว "Six O'Clock News" จากนั้น เป็นพิธีกรร่วมในรายการ "People are Talking"
ต่อมาในปี ค.ศ. 1984 โอปราห์ย้ายมาปักหลักที่ชิคาโกที่ WLS-TV และเริ่มงานพิธีกรทอล์คโชว์ช่วงเช้า "AM Chicago" หลังจากเธอเริ่มงานเพียง 1 เดือน รายการนี้กลายเป็นรายการที่มีเรตติ้งสูงอันดับหนึ่งในชิคาโก
จากนั้นไม่ถึงปีทางสถานีได้ขยายเวลาออกอากาศเป็น 1 ชั่วโมง และเปลี่ยนชื่อรายการเป็น "The Oprah Winfrey Show" และในปี ค.ศ. 1986 รายการของเธอได้ออกอากาศไปทั่วประเทศ และกลายมาเป็นรายการทอล์กโชว์ที่มีเรตติ้งสูงสุดในประวัติศาสตร์ทีวีสหรัฐฯ จนเธอตั้งบริษัทโปรดักชั่นของตัวเองได้ใน 2 ปีถัดมา และฮิตยืนยาวสองทศวรรษจนถึงปัจจุบันที่มีผู้ชมราว 48 ล้านคนต่อสัปดาห์ในสหรัฐฯ บวกกับที่ออกอากาศในอีก 126 ประเทศทั่วโลก
1
ในปี ค.ศ. 1988 เธอลงทุนก่อตั้งสตูดิโอ Harpo ในชิคาโก ซึ่งงานนี้โอปราห์ถือเป็นผู้หญิงคนที่ 3 ในวงการบันเทิงที่มีสตูดิโอเป็นของตัวเอง โดยคนแรกคือ Mary Pickford และคนที่ 2 คือ Lucille Bal
ในปี ค.ศ. 1993 โอปราห์ได้สัมภาษณ์ไมเคิล แจ็คสัน ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ทางโทรทัศน์ประเภทสัมภาษณ์ที่มีคนดูมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในประวัติศาสตร์อเมริกา โดยมีผู้ชมมากกว่า 90 ล้านคนในวันเดียว
และอีกเหตุการณ์ที่สร้างเหตุการณ์ในหน้าประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์คือ การแจกรถสปอร์ตหรูยี่ห้อ Pontiac รุ่น G6 มูลค่าคันละกว่าล้านบาท (ราคาในสหรัฐอเมริกาโดยประมาณ โดยเทียบเป็นเงินบาทไทย) กับผู้เข้าร่วมรายการ 276 คน ได้รับคนละคัน เป็นการฉลองความสำเร็จในการจัดรายการ ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 19
ปี 2000 โอปราห์ร่วมทุนกับ Hearst Magazines ออกนิตยสารชื่อ “O” ชื่อเต็มว่า “The Oprah Magazine” ที่ทุกวันนี้ติดอันดับบนๆของนิตยสารไลฟ์สไตล์ผู้หญิงในสหรัฐฯ ด้วยยอดผู้อ่านราว 2.3 ล้านคนในแต่ละเดือน แล้วขยายมาออกฉบับนานาชาตินอกสหรัฐฯ “international edition” ในปี 2002 ตามด้วยการแตกแขนงในปี 2004 เป็น “O at Home” นิตยสารแต่งบ้านที่วางแผงทุก 4 เดือน
สตูดิโอ Harpo ของ Oprah ยังผลิตภาพยนตร์ภายใต้ชื่อ Oprah Winfrey Present ซึ่งเป็นโครงการภาพยนตร์โทรทัศน์ที่สร้างมาจากหนังสือวรรณกรรมที่มีชื่อเสียง เช่น Tuesday with Morrie ของ Mitch Albom เป็นต้น เพื่อออกอากาศในสถานี ABC เธอไม่เป็นเพียงแค่ผู้ผลิตเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้แสดงอีกด้วย ในปี ค.ศ. 1985 Oprah รับบท "Sofia" ในภาพยนตร์เรื่อง "The Color Purple" หนังรางวัลออสการ์ของสปีลเบิร์ก ซึ่งเป็นเรื่องแรกของเธอ หนังรางวัลออสการ์ของสปีลเบิร์ก, “Beloved” หนังที่สร้างจากนิยายรางวัลพูลิตเซอร์ ของ Toni Morrison เป็นต้น
oprah.com ที่รวมทุกคอนเทนต์จากรายการและนิตยสารมาสร้างชุมชนออนไลน์สร้างยอด pageview ได้ถึง 68 ล้านหน้าต่อเดือน มีสมาชิกลงทะเบียน 4 ล้านคนและได้รับอีเมลพูดคุยสอบถามถึงเดือนละราว 2 หมื่นฉบับแทบทุกเดือน
ปัจจุบันรายการ "The Oprah Winfrey Show" ซึ่งเป็นรายการที่เน้นที่เรื่องราวชีวิตจริงของผู้คน รวมทั้งเรื่องบันเทิงด้านต่างๆ มีผู้ชมทั่วอเมริกาสัปดาห์ละประมาณ 30 ล้านคน แพร่ภาพไปยังประเทศอื่นๆ อีก 115 ประเทศทั่วโลก
โฆษณา