2 พ.ค. 2019 เวลา 03:35 • การเมือง
(สามก๊ก) "ประชาธิปไตยแบบลิโป้"
โดย : หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
ประชาธิปไตยแบบลิโป้
ลิโป้นั้นคือตัวละครที่มีฝีมือเก่งกาจ เป็นยอดขุนพลแห่งยุค มีฝีมือในการรบ แต่ในวรรณกรรมนั้นจะพรรณนาเกี่ยวกับลิโป้ในเชิงที่ไม่ค่อยเก่งทางด้านบุ๋นซักเท่าไหร่ ลิโป้เป็นคนเก่ง อีกนัยนึงก็เหมือนจะเป็นคนหัวอ่อน มีความละโมบ เห็นแก่ได้ ใครเสนอให้ดีก็ย้ายก๊ก ฆ่าแม้กระทั่งพ่อบุญธรรมของตัวเอง 2 คน ภาพลักษณ์ของลิโป้นั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนไว้ในหนังสือ "โจโฉนายกตลอดกาล" ได้กล่าวถึง ประชาธิปไตยแบบลิโป้
ก็คงต้องย้อนไปตอนที่โจโฉยิงทัพไปตีเมืองชีจิ๋วเพื่อล้างแค้นแทนพ่อของตัว เพราะคิดว่าโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วนั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อของตัวเองต้องตาย ในขณะที่ยังรบติดพลัน ลิโป้ก็ยกทัพมาตีเมืองกุนจิ๋วของโจโฉ จึงทำให้โจโฉต้องยกทัพกลับไปชิงเมืองตัวเองคืน
โจโฉได้ยกทัพประจันหน้ากับลิโป้และถามลิโป้ว่า
โจโฉ : "ตัวกับเราจะได้มีความผิดกันในสิ่งใดหามิได้ เหตุไฉนตัวจึงยกทหารมาตีเมืองของเรา"
ลิโป้ : "เมืองเหล่านี้เป็นของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็เหมือนหนึ่งของคนทั้งปวงซึ่งอยู่ในแผ่นดิน ถ้าผู้ใดมีบุญเข้มแข็งก็จะครอบครองได้เหมือนกัน เหตุใดท่านจึงว่าบ้านเมืองนี้เป็นของท่าน หาความละอายไม่"
ในฉบับคนขายชาติได้พูดถึงตอนนี้ว่า โจโฉแม้ว่าจะเป็นคนเจ้ากลอุบายและเฉลียวฉลาด แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีเหตุผลเช่นนี้อยู่ในโลก และไม่คาดคิดว่าลิโป้จะยกเหตุผลอันพิสดารนี้มาแก้ตัว และด่าว่าตัวเองกลับมาเช่นนี้จึงจำนนต่อถ้อยคำ คิดไม่ออกว่าจะหาเหตุผลที่ไร้เหตุผลยิ่งกว่านี้ไปตอบโต้ได้อย่างไร
โจโฉนี้ก็คงงงๆอยู่เหมือนกัน ไม่ได้ผิดใจกับลิโป้ ลิโป้ก็มาตี ไม่ได้ผิดใจกับเล่าปี่ เล่าปี่ก็มาขวา
เหตุผลของลิโป้แบบนี้จึงเป็นเหตุผลที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลให้แก่กันเลย คนโง่ธรรมดาหรือคนบ้าธรรมดา หรือแม้กระทั่งคนที่มีความฉลาดทั่วไปย่อมไม่มีทางที่จะค้นหาเหตุผลแบบลิโป้มาใช้ได้เลย และเพราะเหตุผลชนิดนี้แหละจึงทำให้คำกล่าวของลิโป้ในครั้งนั้นลือลั่นสนั่นโลกและถูกนำเอาไปใช้เป็นเหตุผลของความไร้เหตุผลทั้งหลาย
2
แต่ในยุคสมัยปัจจุบันนี้ชาติมหาอำนาจหลายชาติกลับนิยมยกเอาเหตุผลของลิโป้มาใช้เป็นเหตุผลในการเข้าครอบงำแทรกแซงชาติอื่นๆ ที่มีแสนยานุภาพด้อยกว่าตน คือ ยึดถือเหตุผลแบบลิโป้ในลักษณะที่ว่าประเทศทั้งหลายในโลกนี้ล้วนเป็นสาธารณะ ใครมีกำลังก็แย่งยึดเอาได้ ขอเพียงได้อ้างประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนก็ใช้เป็นเหตุผลในการครอบงำแทรกแซงเข้ายึดบ้านยึดเมืองต่างๆ ได้
ตัวอย่างก็มีให้เห็นมาแล้วเป็นอันมาก โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นที่อิรัก ซีเรีย ลิเบีย ปาเลสไตน์ เลบานอน และล่าสุดกำลังเกิดขึ้นที่ประเทศเวเนซุเอลา
นั่นก็คือมหาอำนาจต่างชาติได้ประกาศรับรองให้นักการเมืองหุ่นฝ่ายค้านให้เป็นประธานาธิบดีแทนประธานาธิบดีตัวจริงที่ประชาชนเลือกตั้งมาตามระบอบประชาธิปไตย และสหประชาชาติรวมทั้งประเทศต่างๆ ก็รับรองความเป็นรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมาย
แม้กระนั้น ประเทศมหาอำนาจก็ไม่ยอมรับ กลับยืนยันให้ประธานาธิบดีหุ่นเป็นประธานาธิบดีโดยไม่ฟังเสียงใคร ด้วยข้ออ้างว่ารัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นประชาธิปไตย ละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำให้ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการบริหารบ้านเมือง
ถึงขั้นจัดตั้งมวลชนกว่า 600,000 คน เพื่อเดินขบวนขับไล่รัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ทำไม่สำเร็จ เพราะประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ โดยเฉพาะ รัสเซีย จีน อิหร่าน และคิวบา ได้ให้การสนับสนุนรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมาย และประชาชนก็สนับสนุนรัฐบาลนั้น ดังนั้น จึงเกิดการเดินขบวนครั้งใหญ่ถึง 1,600,000 คน เพื่อสนับสนุนรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายนั้น จนทำให้แผนใช้มวลชนขับไล่รัฐบาลต้องล้มเหลวไป
จากนั้นก็มีการเตรียมการใช้แสนยานุภาพทางทหารเพื่อบุกเข้ายึดเวเนซุเอลาโดยตรง แต่เดชะบุญที่รัฐบาลเวเนซุเอลาไหวตัวทัน จึงเชื้อเชิญให้รัสเซีย จีน คิวบา และอิหร่านส่งกองทหารเข้าไปช่วย พร้อมทั้งจัดเตรียมกำลังทหารกว่า 500,000 คน และสรรพอาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมที่จะทำสงครามกับผู้รุกราน จึงทำให้การยึดครองเวเนซุเอลาด้วยกำลังทหารต้องชะงักอยู่จนกระทั่งขณะนี้
มาถึงประเทศไทยของเราก็เป็นที่รู้กันดีว่าต่างชาติจับจ้องตาเป็นมัน เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์ของภูมิภาค เป็นศูนย์กลางของกลุ่มอาเซียน เป็นศูนย์กลางยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมที่เชื่อมต่อจีน-อาเซียนทั้งทางบกและทางทะเล ดังนั้น ประเทศไทยจึงตกเป็นเป้าหมายที่จะต้องขยายบทบาทของประเทศมหาอำนาจในภูมิภาคนี้เพื่อรองรับกับยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก
1
เพื่อการนั้นจึงมีการจัดตั้งมวลชนในรูปแบบต่างๆ มากหลาย และจ้องหาจังหวะที่จะปฏิบัติการต่อประเทศไทยในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป้าหมายแท้จริงนั้นก็ย่อมไม่ต่างจากที่เวเนซุเอลากำลังประสบอยู่
ดังนั้นกรณีการต่อว่าต่อขานกันระหว่างคณะทูตสิบกว่าประเทศ รวมทั้งทูตของอียูที่ขอเข้าไปสังเกตการณ์การสอบสวนคดี และมีการตอบโต้กันว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย และมีการโต้กลับว่าบางชาติที่เกี่ยวข้องนั้นมีสิทธิ์ที่จะเข้ามาสังเกตการณ์ได้
นี่คือชนวนที่กำลังขยายตัวให้กลายเป็นความขัดแย้งทางการทูตและการเมืองระหว่างประเทศขึ้นแล้ว และอย่าคิดว่าเหตุผลอันชอบธรรมจะใช้ได้ เพราะเขาไม่ใช้เหตุผลอันชอบธรรมในเรื่องนี้ แต่ย่อมใช้เหตุผลแบบประชาธิปไตยของลิโป้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองที่ทุกฝ่ายควรตระหนักให้จงดี!
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านนะครับขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะครับ ขอบคุณครับ😊🙇"
ขอบคุณบทความจาก/ภาพ : https://www.naewna.com
เรื่องโดย : หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
เรียบเรียงเนื้อหา/นำเสนอบทความโดย :
"สาระหลากด้าน"
โฆษณา