30 เม.ย. 2019 เวลา 09:21 • ปรัชญา
"พ่อรวยสอนลูก ฉบับ โจโฉ"
"พ่อรวยสอนเรื่องเงิน โจโฉสอนให้ลูกคิดแบบผู้นำ"
โจโฉ จอมคนแห่งยุคสามก๊ก ผู้ปกครองอาณาจักรวุย เป็นอัจฉริยบุคคล เชี่ยวชาญความรู้ทั้งบุ๋นและบู๊ ในวรรณกรรมสามก๊ก โจโฉถูกมองเป็นตัวร้าย ขุนนางเจ้าเล่ห์ ผู้แอบอ้างราชโองการ เป็นทรราชผู้อยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์
ถึงแม้ว่าในวรรณกรรม จะเขียนให้โจโฉเป็นผู้ร้าย แต่ในแง่ของความเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นด้านการทหาร การเมือง การปกครอง ไม่มีใครปฏิเสธเลยว่า โจโฉคือสุดยอดผู้นำแห่งยุค
ในด้านครอบครัว โจโฉก็ทำได้ดีมาก เขามีวิธีการสอนลูก ๆ อย่าง โจผี โจเจียง โจสิด โจหิม ที่น่าสนใจ เป็นการส่งต่อความยิ่งใหญ่ จากรุ่นสู่รุ่น หากเป็นสมัยนี้ก็คงเป็นแนวตำรา พ่อรวยสอนลูก ที่คนในวงการธุรกิจรู้จักกันดี
โจโฉ มีวิธีการอบรม สั่งสอน และทดสอบลูก ๆ ตามแนวทาง "พ่อรวยสอนลูก ฉบับ โจโฉ" ดังนี้
1. แสดงออกอย่างเหมาะสม
โจโฉ มักสังเกตวิธีการแสดงออกของลูก ๆ อยู่เสมอ ครั้งหนึ่งโจโฉจะไปออกรบ โจผี โจเจียง โจสิด และโจหิม ออกมาส่ง โจโฉสังเกตวิธีการแสดงออกของลูกแต่ละคนได้ว่า โจผีร้องไห้ตาม โจเจียงนิ่ง โจหิมวางเฉย ส่วนโจสิด ถือพู่กัน เขียนโคลงกลอนสรรเสริญเกียรติยศ
ต่อมาเมื่อถึงคราวต้องเลือกผู้สืบทอดอำนาจ โจโฉเห็นว่า โจสิดมีสติปัญญา แต่น้ำใจกำเริบ แสดงออกมากเกินไป ดูไม่จริงใจ โจเจียงกับโจหิมก็ไม่รู้จักการวางตน ไม่อาจเป็นผู้นำ ส่วนโจผีนั้นแสดงออกถึงความสัมพันธ์ พ่อ - ลูก ได้อย่างเหมาะสม จึงคิดตั้งโจผี ลูกคนโตเป็นผู้สืบทอด แม้จะรักโจสิดมากกว่าก็ตาม
2
ความตั้งใจนี้ยังเด่นชัดขึ้น เมื่อโจโฉปรึกษากับกาเซี่ยง กาเซี่ยงเห็นพ้องกับโจโฉ แต่ตอบเพียงว่า ไม่ขอออกความเห็น แต่ขอให้ท่านพิเคราะห์ดูอย่างอ้วนเสียวกับเล่าเปียวเถิด โจโฉได้ฟังก็หัวเราะชอบใจ แล้วตั้งโจผีให้เป็นผู้สืบทอด
1
ข้อนี้โจโฉได้ลองใจลูกแล้วว่า ผู้นำที่ดีย่อมรู้จักวิธีการแสดงออกอย่างเหมาะสม ในการเอาชนะใจคน วางตนอย่างถูกกาลเทศะ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
2. สนใจผลลัพธ์มากกว่าวิธีการ
ครั้งหนึ่ง โจโฉเคยทดสอบความเด็ดขาดของ โจผีและโจสิด โดยใช้ให้ทั้งสองคนเดินผ่านประตูวังซึ่งเป็นเขตต้องห้าม แล้วก็แอบสั่งให้คนใช้ไปบอกทหารยามว่าห้ามใครเดินผ่านโดยเด็ดขาด
โจผีลูกคนโต เดินมาถึงประตูวัง ทหารยามห้ามไม่ให้ผ่าน โจผีก็ไม่กล้าเดินผ่าน ส่วนโจสิดห้าวหาญ ทหารยามห้ามไม่ให้ผ่าน โจสิดก็ตวาดใส่ว่าได้รับคำสั่ง แล้วฆ่าทหารยาม เดินผ่านประตูไป
โจโฉ เห็นความเด็ดขาดของลูกทั้งสอง ในใจก็นับถือโจสิด ที่มีความเด็ดขาดมากกว่าโจผี สามารถทำภารกิจอย่างได้ลุล่วง สนใจผลลัพธ์มากกว่าวิธีการ
บางครั้งผู้นำจำต้องตัดสินใจ เพราะผลลัพธ์สำคัญกว่าวิธีการเสมอ
3. ยังประโยชน์ให้แก่คนหมู่มาก
โจโฉ เชี่ยวชาญทั้งศาสตร์และศิลป์ ชำนาญทั้งการรบและการวางแผน ครั้งหนึ่งโจโฉได้เคยสอน โจเจียง ให้เข้าใจถึงความสำคัญของวิชาความรู้ เพราะเห็นว่า โจเจียงเอาแต่ขี่ม้ายิงเกาทัณฑ์ ไม่สนใจศึกษาตำราวิชาการ โดยว่า
“เจ้าไม่พอใจอ่านหนังสือ พอใจแต่ขี่ม้ายิงเกาทัณฑ์ ศิลปะศาสตร์นี้เป็นประโยชน์มีกำลังแต่ผู้เดียว ไม่มีเกียรติยศเลื่องลือ”
โจเจียงจึงตอบว่า อันศิลปะศาสตร์สิ่งนี้ก็เป็นการทหารสำหรับลูกผู้ชาย อาจสามารถจะคุมทหารได้ถึงแสนหนึ่ง จะหาความชอบรักษาแผ่นดินก็จะดีกว่าเรียนหนังสืออีก
แน่นอนว่าคำตอบของโจเจียง ไม่ค่อยจะถูกใจโจโฉนัก แต่เมื่อเห็นลูกคนนี้รักในการทหารมากกว่าจะเป็นผู้นำทัพ โจโฉก็ได้แต่เลยตามเลย
1
ความตั้งใจของโจโฉ นั้นเด่นชัดแล้วว่า เขาให้ความสำคัญของวิชาความรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่คนหมู่มาก
เก่งคนเดียว ได้ประโยชน์คนเดียว ไม่อาจเป็นผู้นำที่ดี
4. บทบาทตามหัวโขน
โจโฉ สอนลูกอยู่เสมอให้สนใจในบทบาทและหน้าที่และหน้าที่ของตน อย่าให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน
ครั้งหนึ่ง โจโฉสั่งให้โจเจียง ยกกองทัพไปปราบกบฏ ก่อนไปโจโฉได้สั่งสอนว่า
“เมื่อเราอยู่บ้านอยู่เรือนนั้นเป็นพ่อลูกกัน บัดนี้เจ้าจะไปทำการศึก ก็เหมือนข้ากับเจ้า อย่าได้คิดประมาท ถ้าผิดก็จะเอาโทษตามผิด เราสั่งสอนเจ้าจงควรจำเถิด”
คำกล่าวของโจโฉนี้ เป็นการสอนลูกให้รู้จักรับผิดชอบหน้าที่ของตน อยู่บ้านคือพ่อกับลูก แต่เมื่ออยู่ในสนามรบ มีเพียงนายกับบ่าว ทำการสิ่งใดก็อย่าประมาท อย่าถือตนว่าเป็นลูกของนายแล้วจะทำอะไรก็ได้
ในหน้าที่การงาน บทบาทต้องว่ากันตามตำแหน่งของหัวโขนที่สวมอยู่เท่านั้น
.....
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านนะครับขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะครับ ขอบคุณครับ😊🙇"
ขอบคุณบทความ/ภาพ : สามก๊กวิทยา
เรียบเรียงเนื้อหา/นำเสนอบทความโดย :
"สาระหลากด้าน"
โฆษณา