8 พ.ค. 2019 เวลา 03:20 • ธุรกิจ
อยากนำสินค้าเข้าไปขาย
ใน 7-Eleven ต้องทำอย่างไร?
เชื่อว่าผู้ประกอบการ บริษัท sme ต่างๆในประเทศไทยคงอยากเห็นสินค้าของตัวเองวางจำหน่ายใน 7-Eleven เพราะคือช่องทางการจำหน่ายที่ดีที่สุดและเข้าถึงผู้คนมากที่สุดในขณะนี้ แล้วจะทำอย่างไรล่ะถึงจะเข้า 7- Eleven ได้ วันนี้มีข้อมูลเบื้องต้นมาฝากครับ
สมมุติว่าลุงแมนอยากจะนำสินค้าของตัวเองเข้าไปขายใน 7- Eleven นั่นก็คือ"น้ำปลาร้าลุงแมน" เบื้องต้นลุงแมนต้องสำรวจสินค้าและความพร้อมของสินค้าตัวเองก่อนนะ
1.น้ำปลาร้าของเรารสชาติอร่อยไหมถ้าเทียบกับคู่แข่งเจ้าอื่น(อย่าเข้าข้างตัวเอง)
2.ราคาเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ ถูกหรือแพงถ้าเทียบกับปริมาณที่เท่ากัน
3. บรรจุภัณฑ์เป็นอย่างไร เล็ก ใหญ่ สวย สะดวกใช้งานง่ายหรือไม่
4. อายุของสินค้าจัดเก็บได้นานแค่ไหน
5.ชื่อแบนรด์จดจำง่ายไหม โลโก้สะดุดตาหรือไม่
6. มีโรงงานผลิตที่จดทะเบียนถูกต้องตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดหรือไม่และ มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน อย. GMP HACCP และอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคจะเกิดความเชื่อมั่นในการเลือกซื้อสินค้านั้นๆ และแบรนด์เองก็สามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้จากเครื่องหมายรับรองมาตรฐานนี่เอง และการที่สินค้าจะได้รับเครื่องหมายรับรองมาตรฐานนั้น ตัวผู้ผลิตเอง จะต้องผลิตสินค้าให้ผ่านเกณฑ์ต่างๆเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล
7. สินค้าเราขายดีแค่ไหน แบรนด์เป็นที่รู้จักหรือไม่และวางจำหน่ายอยู่ที่ไหนบ้าง
8. กำลังการผลิตต่อชั่วโมงหรือต่อวัน มากน้อยแค่ไหน
9. การขนส่ง มีรถกี่คัน แต่ละคันจัดส่งได้จำนวนเยอะขนาดไหน
10. เข้าไปสำรวจใน7-Eleven หลายๆพื้นที่ ถ้าจะให้ดีก็น่าจะทุกภูมิภาค สำรวจดูว่ามีสินค้าวางจำหน่ายเหมือนของเราหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องดูว่าแแบรนด์นั้นขายดีแค่ไหน ดูจากสัญลักษณ์ T1,T2,T3,T4 ถ้า T1 คือขายดีมาก ตามลำดับ (ถ้ายังไม่มีคู่แข่งอันนี้ดีเลย) ดูความหมายของป้ายราคาได้ที่👇
11. กรณีมีคู่แข่งอยู่แล้ว ก็ลองซื้อสินค้านั้นมาวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยพิจารณาหลายๆมิติ ทั้ง บรรจุภัณฑ์ รสชาติ ราคา แล้วนำมาเปรียบเทียบกับสินค้าของเรา ถ้ามั่นใจว่าของเราอร่อยกว่า ดีกว่า แตกต่างกว่า แน่นอนกว่า ลุยเลย...!!!จะรออะไร
สรุป ถ้าทั้ง 11 ข้อตรวจสอบเบื้องต้นแล้วไม่ผ่านก็ไปปรับปรุงใหม่ให้ได้ก่อนนะ 55555 จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปคุยกะ 7- Eleven เอ้ามาว่ากันต่อหากผ่านทุกข้อแล้วก็มาๆเริ่มต้นกัน
1.เข้าเว็ปไซด์ http://www.cpall.co.th/sme/merchandise/ เพื่อกรอกข้อมูลเบื้องต้นดังรูป👇
1
.
2.กรอกข้อมูลเสร็จก็ นอนรอ นั่งรอ ยืนรอ ใจร่มๆนะ รอสรุปผลการพิจารณาว่าผ่านหรือไม่ผ่าน หลังจากการลงทะเบียนและได้รับการตรวจสอบในเบื้องต้นจากทางบริษัทฯ
3.ในกรณีที่ผ่านการพิจารณารอบแรก จะต้องนำเสนอสินค้าอีกครั้งต่อคณะกรรมการของบริษัทฯ ในขั้นตอนนี้หมายถึงผู้ประกอบการได้เดินผ่านเข้ามาหนึ่งช่วงตัวละ และนี่คือโอกาสในการนำเสนอสินค้าให้กับคณะกรรมการของบริษัทซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิในหลากหลายสาขามาร่วมพิจารณาใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
4. รอทาง CP ALL แจ้งผลว่า ผ่าน/ไม่ผ่านของรอบที่ 2
(ร้องเพลงรอได้เลย)🎤
โอ้ นั้นมันบักแตงโม
โอ้ นั้นมันบักส้มโอ
โอ้ นี้คงเป็นบักพร้าวน้ำหอม
โอ้ จักมานูนอองตองแท้
โอ้ คือเป็นตามันยกร่องแท้หนอ (ป๊าดเหลือใจ)🥁🎸🎹🎼🎤😂
5. ถ้าผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ ต้องได้รับการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าและโรงงานการผลิต (เห็นไหมว่าถ้าเราตรวจสอบความพร้อมทั้ง 11 ข้อเบื้องต้นแล้วก็ง่ายขึ้น)
6.กำหนดวันจำหน่ายสินค้าและกำหนดยอดสั่งผลิตในล็อตแรก เมื่อผ่านมาตรฐานในเรื่องการผลิตและโรงงานทางบริษัทก็จะทำการกำหนดวันจำหน่ายสินค้าและกำหนดยอดสั่งผลิตในล็อตแรกซึ่งจะเป็นการทำสัญญาร่วมกันระหว่าง 7- Eleven และผู้ประกอบการโดยสินค้าสามารถเลือกลงสาขาได้ซึ่งแต่ละสาขาจะมีกลุ่มให้เลือกลงได้ (ถ้าหากเราสังเกตในหลายๆพื้นที่จะมีสินค้าบางชนิดมีวางจำหน่ายแต่บางสาขาก็ไม่มี)
โดยทาง 7-Eleven แบ่งกลุ่มออกดังนี้
- กลุ่มที่พักอาศัย
- กลุ่มสถานศึกษาโรงเรียน/มหาลัย
- กลุ่มโรงพยาบาล
- กลุ่มสำนักงาน
- กลุ่มโรงงาน
- กลุ่มแหล่งท่องเที่ยว
- กลุ่มสถานบันเทิง
- กลุ่มจุดจอดรถ
- กลุ่มปั๊มน้ำมัน
- อื่นๆ
7. มีการประเมินยอดขายอีกครั้งภายใน 3 เดือน หลังจากที่ได้จำหน่ายสินค้ากับทาง 7- Eleven ไปแล้ว คุณจะได้ไปต่อหรือไม่ก็คราวนี้แหละ ในช่วงเวลานี้ก็หมั่นเข้า 7-Eleven บ่อยๆ สำรวจพฤติกรรมของลูกค้าที่มีต่อสินค้าของเรา
ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากเลยเนอะ 55555 ในการจะนำน้ำปลาร้าลุงแมนเข้าไปขายใน 7-Eleven อีกอย่างทุนต้องหนาสายป่านต้องยาวๆๆๆๆ ด้วยนะ (ตุนเงินสำรองไว้เยอะๆเผื่อฉุกเฉิน)
ถ้าลองคิดคำนวณเล่นๆลุงแมนเลือกลงสินค้าทั้งหมด 10,000 สาขา น้ำปลาร้าลุงแมนขายขวดละ 20 บาท ถ้าเฉลี่ยขายได้วันละ 1 ขวดต่อสาขา 10,000x20=200,000 บาท/วัน
1 เดือนจะมีรายได้
200,000x30=6,000,000 บาท
1 ปีจะมีรายได้รวม
6,000,000x12=72 ล้านบาท 😆
(ปล.ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าขนส่ง ฯลฯ)
3
นี่เป็นข้อมูลเบื้องต้นคร่าวๆเท่านั้นรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ คงมีอีกเยอะแยะก็คงต้องคุยกับทาง CP ALL โดยตรงจะดีที่สุดครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา