17 พ.ค. 2019 เวลา 05:00 • บันเทิง
ดูมาแล้ว - UNDER THE SILVER LAKE งานเสียดสี ที่กว้างไกล และดิ่งลึก
UNDER THE SILVER LAKE: It Follows หนังเรื่องที่แล้วของเดวิด โรเบิร์ท มิทเชลล์ สร้างชื่อให้กับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก กับการเป็นหนังสยองขวัญที่เล่นกับอารมณ์ของผู้ชมได้ดี ในแบบเดียวกับที่ Hereditary ทำได้ มาถึงงานชิ้นต่อมา Under the Silver Lake เขาหันมาจับงานสืบสวน สอบสวนในแบบหนังซ่อนเงื่อน เมื่อดูจากพล็อต ที่ว่าด้วยหนุ่มที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ออกตามหาหญิงสาวที่เพิ่งเจอกันเพียงไม่กี่ครั้งและจู่ๆ ก็หายตัวไป ทั่วลอส แองเจลีส
​แต่พล็อตก็ไม่ต่างไปจากแค่เสี้ยวหนึ่งที่คนทำงานอยากเปิดเผย เพราะ Under the Silver Lake ยังมีอะไรที่มากกว่านั้น เมื่อการเดินทางไปทั่วเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีแห่งนี้ ทำให้เจ้าหนุ่มคนที่ว่า (ซึ่งรับบทโดยแอนดรูว์ การ์ฟิลด์) ได้พบกับปริศนาที่เขาต้องไขให้กระจ่างเพื่อจะได้พบหญิงสาวที่หายไป รวมไปถึงสิ่งต่างๆ มากมาย ที่แฝงอยู่ในเมืองนี้
​ที่ทำให้หนังกลายเป็นงานเสียดสีชีวิตที่แวดล้อมไปด้วยวัฒนธรรมป็อป ไม่ว่าจะเป็นบุรุษไร้นามผู้อยู่เบื้องหลังเพลงดังทั้งหลาย อิทธิพลของนิยายภาพที่มีต่อชีวิตของผู้คน ชีวิตของผู้คนที่ไร้หลักแหล่ง ความฝังใจเรื่องเซ็กส์จากวัยเด็ก กระทั่งเสียดสีนักแสดงนำของหนังที่เคยผ่านงานซูเปอร์ฮีโรอย่าง Spider-man มาแล้วถึงสองเรื่องในแบบที่เรียกว่าประสบความสำเร็จได้ไม่เต็มปาก
​และที่สำคัญที่สุดแผนสมคบคิดของพวกมหาเศรษฐีที่ชีวิตเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
​ซึ่งเรื่องที่หยิบมาเล่น ทั้งหลากหลาย ทั้งมีขอบเขตที่กว้างไกล ที่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงได้แล้วจับติดทันที เมื่อมีทั้งเรื่องบันเทิง เรื่องการเมือง เรื่องทางสังคม แล้วในขณะเดียวกันก็ถูกนำเสนอด้วยบทสนทนามากกว่าจะเป็นการเล่าเรื่องด้วยภาพ และสถานการณ์ จนหลายต่อหลายครั้ง แทบไม่รู้สึกถึงความคืบหน้าของเรื่องสักเท่าไหร่ ทำให้หนังไม่น่าจะเป็นความบันเทิงได้สำหรับคนทั่วไปอยู่แล้ว และพอบวกกับการรับรู้เรื่องที่ถูกนำเอามาเล่นของผู้ชมที่แตกต่างกันไปตามการเรียนรู้ และประสบการณ์ซ้ำ ก็ยิ่งไปกันใหญ่
​แถมบทที่ทุกอย่างจะถูกคลี่คลาย มันก็ง่ายดายเหลือเกิน จนรู้สึกเสียเวลาที่ผ่านไปก่อนหน้าของหนังเหลือเกิน
​Under the Silver Lake จึงไม่ใช่งานที่น่าสนุกนักสำหรับคอหนังที่ต้องการความบันเทิงทั่วๆ ไป หรือต่อให้เป็นคอหนังในระดับแข็งแรง ก็ไม่แน่ว่าจะสนุกไปกับเรื่องทั้งหมดได้ เพราะอย่างที่บอกไว้ เรื่องที่โรเบิร์ท มิทเชลล์เอามาเล่น ขอบเขตมันกว้างไกล และหลากหลายเกินกว่าที่ใครสักคนจะจับติดรู้เรื่องได้ทั้งหมด ไม่แปลกที่คนต่างประสบการณ์ ต่างการเรียนรู้ ก็จะรู้สึกสนุกกับช่วงเวลาในหนังที่แตกต่างกัน
​และทำให้รู้สึกว่าเวลาสองชั่วโมงกว่าของหนังเรื่องนี้ มีหลายช่วงเวลาที่เหมือนกับการดำดิ่งอยู่ใต้น้ำอันมืดมิด ซึ่งไม่ผิดไปจากทะเลสาปสีเงินเลยทีเดียว
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1279 ปักษ์แรก พฤษภาคม 2562
อ่านวิจารณ์ Bad Times at the El Royale หนังเรื่องล่าสุดของผู้เขียนบท/กำกับ The Cabin in the Woods ได้ที่นี่ > https://www.blockdit.com/articles/5cd14988f0e0df404c6ee044
อ่านเแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด่วยกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos
โฆษณา