15 พ.ค. 2019 เวลา 08:00 • บันเทิง
ดูมาแล้ว - สัมผัสแรกกับ Rocketman หนังประวัติเอลตัน จอห์น
​หลังได้สัมผัสเรื่องราวของวง Queen ใน Bohemian Rhapsody ปีนี้ คอเพลงและคอหนังจะได้รับรู้เรื่องราวอีกหนึ่งศิลปินระดับตำนาน ที่โด่งดังในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน และยังเคยใช้ผู้จัดการคนเดียวกัน อย่าง เอลตัน จอห์น ที่เพิ่งประกาศทัวร์อำลาไปเมื่อปีที่ผ่านมา ใน Rocketman ซึ่งชื่อหนังก็คือชื่อเพลงฮิตเพลงหนึ่งของป๋าแอ๊ว เหมือนที่ Bohemian Rhapsody เป็นชื่อเพลงฮิตอมตะของควีน
​ขณะที่ศิลปินเคยใช้ผู้จัดการคนเดียวกัน ชื่อหนังก็มีคอนเส็ปท์คล้ายกัน หนังทั้งสองเรื่องยังใช้ผู้กำกับคนเดียวกัน นั่นก็คือเด็กซ์เตอร์ เฟล็ทเชอร์ ที่ไปรับงานต่อจากไบรอัน ซิงเกอร์ ที่ถูกปลดจากการทำงานช่วงท้ายๆ ของ Bohemian Rhapsody และได้เครดิทในการทำงานไปคนเดียวตามกฏของสมาคมผู้กำกับแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเฟล็ทเชอร์ก็ยอมรับว่า งานที่ซิงเกอร์ทำไว้นั้นเกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว
​แต่ใน Rocketman จะเป็นฝีมือของเขาล้วนๆ เต็มๆ
​หนังได้นักแสดงหนุ่มจาก Kingsman และ Robinhood ฉบับล่าสุด ทารอน เอเจอร์ตัน รับบทจอห์น ส่วนบทเป็นฝีมือของลี ฮอลล์ ที่เขียนบทให้ Billy Elliot (2000), Pride and Prejudice (2005), War Horse (2011) และ Victoria & Abdul (2017) ซึ่งล้วนเป็นงานคุณภาพทั้งนั้น
​Rocketman ปล่อยตัวอย่างมาให้ชมแล้วสองฉบับ ซึ่งก็พอเห็นเลาๆ ว่า น่าจะเป็นหนังเพลงที่มีความเป็นแฟนตาซีในตัว โดยเฉพาะฉากร้องเพลง และเอเจอร์ตันก็ไม่ใช่แค่เล่นเป็นจอห์น แต่ยังร้องเพลงในเรื่องเอง
และก่อนที่จะฉายให้ได้ชมกันในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ หนังก็ปล่อยฟุตเตจฉบับความยาว 20 กว่านาทีออกมาให้ได้ชมกัน ที่เหมือนเล่าเรื่องหนังฉบับย่อๆ ที่เริ่มด้วยชีวิตของจอห์นในวัยเด็ก ที่เป็นเด็กอัจฉริยะทางดนตรี ได้เข้าทดสอบการเล่นเปียโนในสถาบัน The Royal academy of Music และทำให้ครูผู้ทดสอบถึงกับอึ้ง ไปถึงการตัดสินใจเป็นนักดนตรีร็อค ทำอัลบัมและได้พบกับคู่หูในการแต่งเพลงคนสำคัญ เบอร์นี ทอพิน ได้ทำเพลงอัดแผ่นเสียง และออกทัวร์สหรัฐอเมริกา ก่อนจะปิดจบตรงที่การแตกหักกับทอพิน ซึ่งเรื่องราวของหนังไม่น่าจะมีเพียงแค่นี้
​ดูแล้วหนังมีโฟกัสของเรื่องชัดเจน และน่าจะทำให้เรื่องราวของ Rocketman ลงลึก มีมิติอารมณ์ในตัวเรื่อง
​การแสดงของทารอน เอเจอร์ตันก็เปี่ยมไปด้วยสีสัน เชื่อได้สนิทใจว่านี่แหละ เอลตัน จอห์น โดยเฉพาะท่าทางกระวนกระวาย การแสดงออกถึงความไม่มั่นใจในตัวเองของจอห์น ที่ดูเป็นธรรมชาติ และในท่วงท่าที่ละม้ายกับจอห์นตัวจริงๆ ส่วนการร้องเพลงนั้น เท่าที่มีให้ได้ยินได้ชมในฟุตเตจ ก็ถือว่าได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเพลง “Your Song”, “Crocodile Rock” และ “Don’t Let the Sun Go Down on Me” โดยเฉพาะกับเพลงแรก ที่เอเจอร์ตันเล่นเสียงหลบแบบจอห์นได้หวานเหลือเกิน
​แต่ที่ถือว่าเป็นเสน่ห์แรงๆ ก็คือฉากร้องเพลง และการเลือกเพลงมาใช้ โดยเฉพาะฉากคอนเสิร์ตที่อเมริกา ที่มีความเป็นแฟนตาซีจัดๆ พร้อมกับนัยบางอย่างในตัว เมื่อในท่อนคอรัสของเพลง “Crocodile Rock” ที่ว่า “ยาๆๆ” ซึ่งคุ้นหูกันดี หนังให้ผู้ชมและจอห์น (ในเรื่อง) ลอยตัวเหนือจากพื้น ขณะที่ผู้ชมไม่ต่างไปจากล่องลอยอย่างมีความสุขไปกับเพลงของจอห์น เจ้าตัวเองก็เหมือนกับชีวิตกำลังล่องลอยไปสู่ความสำเร็จ ชีวิตที่เป็นดังฝัน
​มาถึงฉากปิดท้ายฟุตเตจที่ทอพิน (รับบทโดยเจมี เบล ไอ้หนูบิลลี เอลเลียตของใครหลายๆ คน) เดินออกมาจากชีวิตของจอห์นพร้อมร้องเพลง “Goodbye Yellow Brick Road” ก็ช่างกินใจและกระทบความรู้สึกเหลือเกินโดยเฉพาะกับเนื้อหา ที่ก็คือการบอกลาความฝันเฟื่องต่างๆ นานา แล้วกลับมาหา เดินมาสู่โลกของความเป็นจริง ที่ไม่ได้โรยด้วยอิฐสีเหลืองเหมือนเมืองของพ่อมดออซ
​เห็นได้ชัดว่า หนังไม่ได้ใช้เพลงแค่ประกอบ แต่ยังถูกใช้เล่าเรื่อง แถมจากที่เห็นการวางเพลงก็ออกมา ‘ดี’ และน่าจะแข็งแรงไม่แพ้ใน Bohemian Rhapsody ที่ฉากเพลง “Crocodile Rock” ผู้ชมคนไหนดูไปแล้วไม่เผลอส่งเสียงฮัมหรือร้อง “ยาๆๆ” ไปด้วยแล้วละก็ ถ้าไม่ใจแข็งเกิน ก็คงต้อง เป็นคนที่หัวใจไม่มีดนตรีโดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง สัมผัสแรกกับ Rocketman หนังประวัติเอลตัน จอห์น
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง สัมผัสแรกกับ Rocketman หนังประวัติเอลตัน จอห์น คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ 9 กรกฎาคม 2562
อ่านเรื่องราวของอัลบัม Tribute งานของ ออซซี ออสบอร์น ที่ทำเพื่อสดุดี แรนดี โรหดส์ มือกีตาร์ผู้จากไปที่นี่ > https://www.blockdit.com/articles/5cd16d90485fd8154824f313
อ่านเแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด่วยกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos
โฆษณา