15 พ.ค. 2019 เวลา 05:53 • สุขภาพ
โรคคออักเสบที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอมีสาเหตุหลายประการทั้งที่เกิดจากการติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ
สาเหตุที่ไม่ติดเชื้อ ได้แก่ การสูบบุหรี่ การได้รับควันไอบุหรี่หรือมลพิษ กรดไหลย้อน สารก่อภูมิแพ้ สภาพอากาศที่เย็นและชื้น ซึ่งอาการดังกล่าวหายได้เองและเน้นการรักษาตามอาการเช่น ดื่มน้ำบ่อยๆ งดอาหารทอด หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ หรือใช้ยาบรรเทาอาการ
ส่วนสาเหตุที่เกิดจากการติดเชื้อ เกิดได้ทั้งจากเชื้อไวรัส (80-90%) และเชื้อแบคทีเรีย (10-20%) โดยเชื้อแบคทีเรียกลุ่มที่พบได้มากที่สุดคือ Group A streptococci (GAS) เชื้อดังกล่าวมักจะมีความรุนแรงในเด็กเนื่องจากหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอาจนำไปสู่โรคไข้รูมาติก (Rheumatic fever) หูชั้นกลางอักเสบ หรือต่อมทอนซินและคอหอยอักเสบได้
เนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรียนั้นมีอุบัติการณ์การเกิดเพียง 10% ดังนั้นการใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อก็จะเหมาะสมในคนกลุ่มนี้เท่านั้น ซึ่งประเมินโดยใช้วิธีดังนี้
หากมีอาการดังต่อไปนี้ จงให้คะแนนตามเกณฑ์
-ต่อมทอนซิลบวมหรือมีจุดหนอง 1 คะแนน
-ต่อมน้ำเหลืองใต้ขากรรไกรบวมโต 1 คะแนน
-มีไข้มากกว่า 38 องศาเซลเซียส 1 คะแนน
-ไม่มีอาการไอ 1 คะแนน
-อายุ 3-14 ปี 1 คะแนน
-อายุ 15-44 ปี 0 คะแนน
-อายุมากกว่า 45 ปี -1 คะแนน
รวมคะแนนที่ได้หาก 4 คะแนนขึ้นไปจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ 2-3 คะแนนควรพิจารณาเป็นรายบุคคลหรือทำการเพาะเชื้อ 0-1 คะแนนไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ
การใช้ยาฆ่าเชื้อมีด้วยกันหลายกลุ่มโดยทั่วไประยะเวลาการรักษาคือ 10 วัน (นอกเหนือจากยาบางตัวที่สามารถใช้ 5 วันได้) ดังนั้นควรรับประทานยาให้ครบแม้ว่าอาการจะดีขึ้นตั้งแต่สองวันแรกของการรักษาเพื่อกำจัดเชื้อให้หมดและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
นอกจากนี้ควรพักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคได้อีกด้วย ส่วนยาอื่นอาจพิจารณาให้ตามอาการได้เช่น ยาแก้เจ็บคอ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอละลายเสมหะ สเปรย์พ่นคอหรือลูกอมแก้เจ็บคอเป็นต้น
เอกสารอ้างอิง
นิติ วรรณทอง. การจัดการกับโรคคออักเสบเฉียบพลัน Management of Acute pharyngitis. หน่วยการศึกษาต่อเนื่อง คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. 2559.
โฆษณา