23 พ.ค. 2019 เวลา 14:58 • การศึกษา
"ทรงติดไฟแดง" ยังจำไม่เคยลืม
ร้อยเวรดูข่าวทุกวัน ไม่มีสักวันที่จะไม่เจอ ข่าวรถชนกัน
แม้กระทั่งตอนเข้าเวร ก็มีคดีจราจรมาตลอดไม่ขาดสาย
1
ขอบคุณภาพจาก นสพ.เดลินิวส์
หากจะบอกว่าเรื่องใดมากที่สุดที่รับคดีตอนเข้าเวร ก็ไม่พ้นคดีจราจร รถชนกันบ้าง ขับปาดหน้าไม่พอใจก็ลงมาทะเลาะกัน บางครั้งเลยเถิดถึงขั้นเอาปืนลงมายิงกันตาย ชนแล้วหนีมีให้เห็นเป็นประจำ ขับรถบนทางเท้าชนเด็กนักเรียน ล่าสุดย่านลาดพร้าวรถจักรยานยนต์จอดติดไฟแดงบนทางเท้าคนเดินไม่ได้ เมาแล้วขับชนคนตายบ้างสาหัสบ้าง โดนยึดใบขับขี่แต่ไปแจ้งความว่าหาย
เอาจริงๆ กฎหมายจราจรเป็นเรื่อง ความปลอดภัย ในการ
ใช้รถใช้ถนน แต่ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน
ทั้งนี้ แม้กฎหมายเองจะพยายามแก้ให้ครอบคุมก็ตาม
แต่ไม่เคยไล่ทัน เช่น กำหนดให้ใส่หมวกกันน็อคทั้งคนขับและคนซ้อน ห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ คาดเข็มนิรภัย กำหนดปริมาณแอลกฮอล์เมื่อขับรถให้น้อยลง ฯลฯ
ล่าสุดใหม่ๆร้อนๆ ก็มีการแก้กฎหมายใหม่ (22 พ.ค.62)
ก่อนหน้ามีเรื่องไม่จ่ายค่าปรับไม่ต่อทะเบียน (มีผล1ก.ค.62) ต่อมาพิ่มกรณียึดใบขับขี่และการยึดรถ เอาระบบตัดคะแนนกลับมาใช้ ให้ตำรวจกับขนส่งลงข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์อย่างจริงจัง
เหตุรถจักรยานยนต์ชนเด็กบนทางเท้า ขณะรอรถเมล์
แต่เชื่อไหมว่า เอาเข้าจริงๆ อุบัติเหตุไม่เคยลดลง
กลับสวนทางกัน มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พอพูดถึงเรื่องการปฏิบัติตามกฎจราจรแล้ว ร้อยเวรนึกถึง
เรื่องหนึ่งเสมอ ร้อยเวรยังจำเรื่องที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
เล่าได้ว่า...
เหตุนี้เกิดขึ้นเมื่อ 30 กว่าปีก่อน บนถนนในกรุงเทพฯ มีรถคันหนึ่ง ได้ขับไปบนถนนเส้นนั้นโดยในรถคันดังกล่าว มีเพียงชายผู้หนึ่งที่กำลังขับรถอยู่เพียงคนเดียวและในระหว่างทางที่ขับไปนั้น ได้จอดรถแวะข้างทางเพื่อซื้อกาแฟ 1 ถุง และได้ออกรถไปจนกระทั่งขับมาถึงสี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่ง ชายดังกล่าวก็ได้จอดติดไฟแดงอยู่
จนมีรถตำรวจคันหนึ่งซึ่งขับนำรถเบนซ์มา...ได้บีบแตรไล่รถที่ชายผู้นั้นจอดติดไฟแดงอยู่นั้นให้ถอยไป และรถตำรวจยังได้พูดผ่านไซเรนว่า ...นี่เป็นรถนำขบวนรัฐมนตรี ให้รถของชายดังกล่าวหลบไป แต่รถของชายผู้นั้นก็ไม่หลบให้
กระทั่งตำรวจได้ลงจากรถมาที่รถของชายดังกล่าวและเรียกให้ชายผู้นั้นลงจากรถ พอชายผู้นั้นได้ลงมาจากรถ ตำรวจที่ได้เห็นชายคนนั้นถึงกลับเป็นลมล้มทั้งยืน สร้างความตกใจให้แก่ตำรวจอีกคนที่นั่งอยู่ในรถต้องวิ่งลงมาดูพร้อมกับรัฐมนตรี
พอตำรวจและรัฐมนตรีมาถึง ทั้งคู่ได้เห็นชายดังกล่าว ทั้งตำรวจและรัฐมนตรีได้นั่งลงไปกับพื้นทันที เสมือนกับว่าขาทั้งสองข้างได้อ่อนแรงลงไปทันใด และได้เงยหน้ามองดูชายซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าตนด้วยอาการตัวสั่น ชายคนนั้นที่ทั้งคู่ได้เห็น เป็นชายที่มีรูปอยู่บนธนบัตรคือ ในหลวงองค์ ร.9
ในหลวงได้ตรัสถามรัฐมนตรีและตำรวจติดตามว่า
“พวกท่านจะรีบไปไหนหรือถึงกับจะต้องฝ่าไฟแดงข้าพเจ้ายังรอติดไฟแดงได้เลย”
รัฐมนตรีไม่ตอบได้แต่นั่งตัวสั่นและกราบลงบนพระบาทและในหลวงก็ได้ทรงขึ้นรถ ตำรวจที่นำขบวนรัฐมนตรีมานั้นก็ได้ทูลว่า “ให้ข้าพระพุทธเจ้าขับรถนำรถพระที่นั่งของพระองค์ไปมั้ยพุทธเจ้าข้า”
ในหลวงตรัสว่า
“เราไม่ต้องการให้ท่านมานำขบวนรถเราหรอก เราขับไปเองคนเดียวได้ ท่านไปนำรถของท่านรัฐมนตรีเถอะ”
และในหลวงก็ได้ทรงขับรถออกไปจากสี่แยกนั้น โดยไม่ได้มีรถตำรวจนำไปแต่อย่างใดเลย“
แม้ทรงเป็นถึงพระมหากษัตริย์ แต่ก็ทรงเคารพระเบียบวินัย และกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เป็นแบบอย่างที่ถูกต้องให้ประชาชนได้ปฏิบัติตาม เพื่อความมีวินัยของจราจรบนท้องถนน
#ทรงพระเจริญ
โฆษณา