4 มิ.ย. 2019 เวลา 13:30 • การศึกษา
ทำไมแมวถึงปลอดภัยเมื่อตกจากที่สูง
แมวเป็นสัตว์ที่มีความมหัศจรรย์ ที่ทำให้มันสามารถเอาตัวรอด เมื่อตกจากที่สูง มาดูรายละเอียดกันค่ะ
ในปี 2532 สัตวแพทย์แห่งโรงพยาบาลสัตว์ในนิวยอร์กชื่อ Jared Diamond ได้ทำการศึกษาโดยการเก็บข้อมูลทางสถิติของการตกจากตึกของแมว
โดยได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาเรื่องนี้ในวารสาร Nature โดยใช้ชื่อเรื่องว่า Why cats have nine lives (ทําไมแมวถึงมี 9 ชีวิต)
โดยทำการศึกษาจากแมว 132 ตัว ซึ่งตกจากตึกความสูงต่างๆ ตั้งแต่ ชั้นที่ 2 จนถึงชั้นที่ 32
พบว่า
📍 แมวส่วนใหญ่ตกลงบนพื้นคอนกรีต
📍 พบว่ามีแมวเพียง 11 ตัวที่เสียชีวิตจากการตกจากที่สูง
นั่นหมายถึงว่า.. แมวที่ตกจากตึกสูงมีอัตราการรอดชีวิตถึง 90%
📍 แมว 104 ตัว (90%) มีชีวิตรอด และได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก
📍 แมวที่ตายส่วนใหญ่ตกลงมาจากชั้น 7
📍 แมวที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ส่วนใหญ่ตกลงมาจากชั้น 4-9
📍 แมวที่ตกมาจากชั้นสูงๆ (ชั้น 20-32)
กลับได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง
แมวตกสู่พื้นอย่างไร?
ขณะที่ตกจากที่สูง แมวจะกางขาออกเมื่อรวมกับขนที่ฟูนุ่มจะช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวอย่างมาก ทำให้มีความเร็วปลายขณะตกอยู่ที่ประมาณ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
หมายความว่า ไม่ว่าจะสูงกี่ชั้นก็ตามความเร็วสูงสุดที่แมวจะตกลงมากระแทกพื้น คือ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เนื่องจากแมวมีน้ำหนักค่อนข้างน้อย ด้วยความเร็วเพียงเท่านี้จึงไม่ทำให้แมวตาย
📌 ปัจจัยที่มีผลต่อการเจ็บและการตายของแมวเมื่อตกจากที่สูง
คือ ท่าทางขณะที่มันอยู่กลางอากาศและขณะลงพื้น เรียกกัน"การจัดระเบียบร่างกาย"
แมวสามารถจัดระเบียบร่างกายตัวเองขณะอยู่กลางอากาศได้ดี สร้างแรงต้านอากาศ
ทำให้ตกลงสู่พื้นด้วยความเร็วปลายต่ำ
แมวจึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
แต่.. แมวต้องใช้เวลาจัดระเบียบร่างกาย
2
ทฤษฎีอธิบายการตกของแมว
แมวใช้หลักการคงตัวของโมเมนตัมเชิงมุม
• ในขณะที่แมวตกลงมาจากที่สูง
1. มันจะซุกขาหน้าไว้กับตัวทําให้ร่างกายส่วนหัวหมุนได้ง่าย ในขณะเดียวกันก็กางขาหลังออกเพื่อให้ร่างกายส่วนล่างหมุนยาก จากนั้นมันจะบิดส่วนหัวให้หันหนัาเข้าหาพื้น ในขณะที่ร่างกายส่วนหางจะบิดเอี้ยวไปในทิศทางตรงกันข้ามเพียง
เล็กน้อย
2. มันจะทําตรงข้ามกับขั้นแรก โดยเก็บรวบรวมขาส่วนล่างไว้ให้หมุนง่ายๆ
แล้วกางขาหน้าออกให้ร่างกายส่วนหัวหมุนได้ยาก จากนั้นก็จะบิดร่างกายส่วนล่าง
ตามมา จนกระทั่งส่วนล่างหันหาพื้น ในขณะที่ร่างกายส่วนหัวจะบิดเอี้ยวกลับมาใน
ทิศทางตรงกันข้ามเพียงเล็กน้อย และตกลงสู่พื้นโดยปลอดภัย
อธิบาย ถ้างงๆก็ดูภาพกันดีกว่า
ภาพแรก
ภาพที่ 2
การตกของแมว
📖 ดังนั้นการตกจากตึกที่ไม่สูงมากนัก เป็นอันตรายต่อแมวมากกว่า เนื่องจากแมวพลิกตัวให้อยู่ในท่าที่ถูกต้องไม่ทัน ทำให้ไม่สามารถชะลอความเร็วในการตกได้ รวมทั้งมีโอกาสลงผิดท่าจนได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้น
แต่ในกรณีที่แมวตกจากที่สูงมากๆ แมวจะไม่บาดเจ็บมากนัก สาเหตุเพราะแมวจะมีเวลามากพอที่จะจัดระเบียบร่างกาย ขณะลงสู่พื้น
ส่วนในกรณีที่ตกจากที่ที่ไม่สูงมากนัก (ชั้น 2-3) ความเร็วขณะตกถึงพื้นนั้นยังต่ำกว่าความเร็วปลายค่อนข้างมาก
ดังนั้นถึงแม้ว่าแมวจะพลิกตัวเพื่อจัดท่าทางไม่ทัน หรือจัดระเบียบร่างกายได้ไม่สมบูรณ์นัก ก็ไม่ส่งผลทำให้แมวบาดเจ็บมากนัก
สาเหตุที่ทำให้แมวเป็นอันตรายในความสูงระดับกลางๆ (ชั้น 4 - 9)
เพราะระยะเวลาที่ตกจากความสูงระดับนี้ น้อยเกินไป แมวจึงจัดท่าทางให้สมบูรณ์ไม่ทัน แมวจึงมีอัตราการตายและบาดเจ็บสูงสุดที่ช่วงความสูงระดับนี้
ซึ่งนี่เป็นคำอธิบายสาเหตุที่ทำให้แมวเสียชีวิตสูงสุดในการตกจากชั้นที่ 7 เช่นกัน
ความสามารถนี้เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์
เพราะไม่ว่าแมวจะตกจากตึกด้วยท่าทางแบบไหน สุดท้ายแล้ว แมวก็จะสามารถจัดท่าทางของร่างกายและลงพื้นได้อย่างปลอดภัย
ถ้ามีเวลาพอสมควร
งานวิจัยของ Jared อาศัยข้อมูลจากสถิติแมวที่ได้รับอุบัติเหตุตกจากตึกแล้วมารักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ แมวทั้งหมดถูกเลี้ยงไว้ตามห้องบนตึกสูงในนิวยอร์คแล้วพลัดตกลงมา ไม่ได้ทดลอง
โดยการจัยแมวโยนลงมา
ตัวอย่างบทความวิจัย เรื่องการตกจากที่สูงของแมว โดย jarad diamond ในนิตยสาร Nature
อ่านบทความนี้แล้ว
ห้ามทดลองโยนแมวลงมาเป็นอันขาด
คลิปประกอบจากยูทูป
ข้อมูลจาก
Why cats have nine lives by jarad diamond
เรียบเรียงโดย
สาระอัปเดต
📌 บทความแนะนำจากเพจ
โฆษณา