6 มิ.ย. 2019 เวลา 08:37 • บันเทิง
Movietalk: ย้อนรอยมนุษย์กลายพันธุ์ X-Men
(รุ่นใหญ่)​
X-Men
ความสำเร็จของเทรนด์หนังซูเปอร์ฮีโร่อย่างที่เกิดขึ้นกับ MCU นั้น ต้องถือว่าเป็นผลพวงของการเริ่มต้นศักราชแห่งเทรนด์หนังแนวซูเปอร์ฮีโร่กู้โลก แต่หากย้อนกลับไป หนึ่งในหนังยุคบุกเบิกภายใต้แคแร็กเตอร์ของบ้านมาร์เวล ต้องไม่ลืม “X-Men” มนุษย์กลายพันธุ์ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จมายาวนาน นับตั้งแต่คนทั่วโลกรู้จักกลุ่มฮีโร่คนนอกเหล่านี้ในปี 2000
X-men Comic
กว่าที่ X-Men จะปรากฏบนจอหนังในปี 2000 ได้ หนังก็ล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย มีผู้กำกับหลายคนไม่ว่าจะเป็น เจมส์ แคเมรอน, โรเบิร์ต รอดริเกซ ที่เกือบจะได้กำกับ แต่สุดท้ายมาจบที่ ไบรอัน ซิงเกอร์ ที่ในเวลานั้นเริ่มเป็นที่จับตามองจากหนังอินดี้ หักเหลี่ยมคนดู The Usual Suspects โดยที่ซิงเกอร์เองไม่ใช่แฟนบอย X-Men ด้วยซ้ำไป
เช่นเดียวกับบทหนังที่มีการแก้ไขผ่านมือเขียนบทไล่กันตั้งแต่ แอนดรูว์ เควิน วอล์คเกอร์ (Se7en), จอห์น โลแกน (Gladiator), เจมส์ ชามุส (Hulk), จอสส์ วีดอน (Avengers), ไมเคิล แชบอน (Spider-Man 2), เอ็ด โซโลมอน (Men in Black), คริสโตเฟอร์ แม็คควอร์รี่ (Mission Impossible: Rogue Nation) ก่อนที่จะมาจบที่ เดวิด เฮย์เตอร์
ฮิวจ์ส​ แจ็กแมน
ดูเกรย์ สก็อตต์
ด้านนักแสดง โดยเฉพาะบทวูล์ฟเวอรีน ที่ถือได้ว่าเป็นตัวชงของหนัง รัสเซลล์ โคร์ว คือตัวเลือกแรกที่ฟ็อกซ์หมายตาไว้ แต่ในเวลานั้นโคร์วคือนักแสดงที่มีรางวัลออสการ์การันตี เรื่องค่าตัวจึงคุยกันไม่รู้เรื่อง บทหนังส่งผ่านมาถึง ดูเกรย์ สก็อตต์ แต่ดูเหมือนสก็อตต์จะชั่งใจว่า ไปเป็นตัวร้ายในหนัง Mission Impossible 2 น่าจะเวิร์คกว่า เป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่โอกาสจะรุ่งน่าจะน้อยกว่า ตัวเลือกสุดท้ายคือนักแสดงโนเนมชาวออสซี่ชื่อ ฮิวจ์ แจ็กแมน! ผ่านมาถึงวันนี้คนที่กระอักโลหิตน่าจะเป็นสก็อตต์ที่ปัจจุบันแทบไม่มีใครรู้จักเลยด้วยซ้ำไป แรกเริ่มเดิมที แจ็กแมนถูกต่อต้านไม่น้อยกับการมาสวมบทวูล์ฟเวอรีน ไม่ว่าจะส่วนสูงที่สูงเกินกว่าในคอมิกส์ ภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่ไม่มีใครรู้จัก แต่เมื่อหนังออกฉาย แจ็กแมนก็สร้างสีสันและเสน่ห์ให้แก่วูล์ฟเวอรีนจนกลายเป็นภาพจำและตำนานในใจคนดูทั่วโลก จนถึงวันที่บอกลาบทนี้ น่าจะเป็นงานหนักสำหรับ คนที่จะมารับช่วงต่อจะแทนที่ในใจคนดูได้หรือไม่?
โรเบิร์ตส์​ แพทริก -​ เอียน แม็คเคนเลน
X-Men ถูกปรับโทนให้จริงจัง และหม่นมัวกว่าเวอร์ชั่นคอมิกส์ โดยอยู่พื้นฐานโลกที่เป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่าง ชาร์ลส์ เซเวียร์ (โปรเฟสเซอร์เอ็กซ์) กับ เอริก แลนเชอร์ (แมกนีโต) ก็คือนัยยะของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ กับ มัลคอล์ม เอ็กซ์ และคนที่รับบท โปรเฟสเซอร์เอ็กซ์ ก็คือ โรเบิร์ต แพทริก ส่วน แมกนีโต ได้ เอียน แม็คเคนเลน มาสวมบทดังกล่าว
X-Men ออกฉายเมื่อปี 2000 และเปิดตัวสัปดาห์แรกด้วยตัวเลข $54 ล้าน ขึ้นอันดับ 1 ใน Box Office ก่อนจะจบตัวเลขรายรับในอเมริกา $157 ล้าน, ตลาดต่างประเทศ $139 ล้าน รวมรายรับทั่วโลก $296 ล้าน มากพอที่จะกลายเป็นหนังภาคต่ออันทรงคุณค่าของฟ็อกซ์
ก่อนการมาถึงของ X-Men: Dark Phoenix Movietalk จะพาทุกท่านย้อนรอยมนุษย์กลายพันธุ์ X-Men กันก่อนครับ
X-Men (2000)
X-Men (2000) Directed: Bryan Singer
หนังเปิดตัวเหล่ามุนษย์กลายพันธุ์ที่เน้นให้เห็นความสัมพันธ์กึ่งมิตรกึ่งศัตรูเพราะทรรศนะคติไม่ตรงกันระหว่าง ศจ.ชาร์ลส์ เซเวียร์ กับ เอริก แลนเชอร์ ซึ่งรายหลังต้องการตัว โร๊ค เด็กสาวมิวแทนต์ที่มีพลังพิเศษที่จะส่งผลต่อมนุษย์ปกติ แต่ถูกขัดขวางโดย โลแกน ชายพเนจรผู้แปลกแยกที่เป็นมิวแทนต์เช่นกัน สงครามระหว่างมินแทนต์ฝ่ายดีและฝ่ายร้ายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ถือเป็นงานเปิดตัวที่ทำให้คนดูทั่วโลกรู้จัก X-Men และสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดีและจริงจังจนหนังมีโอกาสได้ไปต่อ เช่นเดียวกับบรรดานักแสดงที่สวมบทแคแร็กเตอร์มิวแทนต์ต่าง ๆ ก็พากันแจ้งเกิดบทเหล่านั้นแทบทุกคน
X-Men: United (2003)
X-Men: United (2003) Directed: Bryan Singer
งานภาคต่อที่เล่าเรื่องราวหลังจากนั้น ที่โลกดูเหมือนจะกังวลกับการมีอยู่ของบรรดามิวแทนต์ที่นับวันจะยิ่งมีพลังอำนาจมากขึ้น วิลเลียม สไตร์เกอร์ เข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะหัวหน้าทีมกำจัดมิวแทนต์ และอดีตบางอย่างที่เกี่ยวพันกับโลแกน
ถือเป็นหนึ่งในงานหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ยอดเยี่ยมทั้งในแง่บทหนัง และความสนุก และยังทำได้ดีกว่าภาคแรก ไบรอัน ซิงเกอร์ที่ตามมาสานต่อจนสร้างมาตรฐานหนัง X-Men ไว้สูงมาก
X-Men: The Last Stand (2006)
X-Men: The Last Stand (2006) Directed: Brett Ratner
มีการผลิตยาระงับเซลส์กลายพันธุ์ได้สำเร็จ ส่งผลให้สถานะของบรรดามิวแทนต์สั่นคลอน แมกนีโตจึงรวบรวมกลุ่มภราดรภาพของตนเองเพื่อยับยั้ง โดยมีกำลังสำคัญคือ ดาร์กฟีนิกซ์ หรือ จีน เกรย์ที่ ทุกคนคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่เธอคืนชีพอีกครั้งพร้อมพลังทำลายล้างอันมหาศาล และโลแกนต้องเลือกระหว่างคนที่ตนรัก หรือ บรรดาผู้บริสุทธิ์นับล้าน
งานภาคสามที่เต็มไปด้วยปัญหา นับตั้งแต่การเดินออกจากโปรเจ็กส์ของ ไบรอัน ซิงเกอร์ ผู้กำกับหลายต่อหลายคนผ่านเข้ามา ดาร์เรน ออโรนอฟสกี้, จอสส์ วีดอน, แซ็ค สไนเดอร์ และ แมทธิว วอห์น ก่อนจะมาจบที่ เบรตต์ แรตเนอร์ ที่มีเครดิตในหนังแอ็คชั่นโฉ่งฉ่าง Rush Hour แม้ว่า Last Stand จะทำเงินไม่น้อย แต่ก็ถูกโหวตให้เป็น X-Men ภาคที่แย่ที่สุด และทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมด การที่อัดแน่นแคแรกเตอร์ใหม่ ๆ เข้ามา และกำจัดหน้าเดิม ๆ ทิ้งแบบคนดูเหวอ คือหนึ่งในสิ่งที่บรรดาคนดูจำนวนไม่น้อยพาลเกลียดหนังภาคนี้อย่างมาก จนกระทั่งภายหลัง ไบรอัน ซิงเกอร์ จะกลับมาล้างไทม์ไลน์ให้ลงตัวใน X-Men: Days of Future Past
พักกันไว้แค่นี้ ในตอนต่อไปจะย้อนรอย X-Men รุ่นแรกวัยหนุ่มของโปรเฟสเซอร์เอ็กซ์ และ แมกนีโต ขอได้โปรดติดตาม
ขอบคุณที่มาข้อมูล: IMDb, Wikipedia, Rotten Tomatoes
ขอบคุณที่มาภาพประกอบ: IMDb, USA Today, memecenter.com, Star Gifposter, screenrant.com
"Movietalk​" บทความเกี่ยวกับภาพยนตร์​ที่อยู่ในความสนใจ พร้อมเกร็ดหนังหลังฉาก
ถ้าชอบ​ อย่าลืมกด​ Like​ กดแชร์และกดติดตาม​ เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับ​ คนคอหนัง​ Movietalk​
ขอบคุณครับ
May​ the Force be with you.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา