6 มิ.ย. 2019 เวลา 15:37 • บันเทิง
Movietalk: ย้อนรอยมนุษย์กลายพันธุ์ X-Men Frist ​Class​ (รุ่นแรก)
X-Men Frist ​Class
ภายหลังจาก X-Men: The Last Stand (2006) ทีมงานสร้างก็พยายามจะแตกไลน์ X-Men ออกไป โดยมีภาคแยกของแคแรกเตอร์ที่น่าสนใจ วูล์ฟเวอรีน ถูกนำมาทำหนังเดี่ยวใน X-Men Origins: Wolverine ในปี 2009 และ แมกนีโต ก็เป็นอีกหนึ่งแคแร็กเตอร์ที่ทีมงานคิดจะสร้างออกมา ก่อนที่ในเวลาต่อมามันไม่คืบหน้าและถูกยกเลิกไปในที่สุด
Comic X-Men Frist Class #1
ลอเร็น ชูเลอร์ ดอนเนอร์ โปรดิวเซอร์ของหนังเกิดปิ๊งส์ไอเดียเล่าเรื่องราวกลุ่มเอ็กซ์-เมนในช่วงหนุ่มสาว ก่อนที่ ไซมอน คินเบิร์ก จะก้าวเข้ามาโดยอ้างอิงอย่างหลวม ๆ จากคอมิกส์ X-Men: First Class ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2006 โปรเจ็กส์พัฒนาไปมาก และ ไบรอัน ซิงเกอร์ ที่ก่อนหน้านั้นนอกใจไปทำ Superman Returns ให้วอร์เนอร์ ก็ได้โอกาสวางตัวให้กำกับ X-Men: First Class โดยมุมมองของซิงเกอร์ต้องการเน้นไปที่ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของ ชาร์ลส์ เซเวียร์ กับ เอริก แลนเชอร์ ก่อนที่จะหักเหลี่ยมโหดกันดังที่คนดูเห็น X-Men ไตรภาค แต่ซิงเกอร์ก็เจอปัญหาติดสัญญากำกับ Jack the Giant Slayer จนต้องถอยออกมาเป็นโปรดิวเซอร์ และส่งไม้ให้ แมทธิว วอห์น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกือบจะได้กำกับ The Last Stand และในเวลานั้นวอห์นเพาะบ่มเครดิตหนังฮีโร่เกรียนโคตร Kick-Ass จนกลายเป็นที่น่าจับตามอง ด้วยความที่ว่าจะนำสิ่งใหม่ ๆ มาสู่เฟรนไชส์ X-Men
สิ่งที่วอห์นทำก็คือ นำเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์มาอิงกับเส้นเรื่องเอ็กซ์-เมน และนำบรรยากาศแบบหนังสายลับ James Bond มาใส่ในหนัง (วอห์นอยากทำหนังเจมส์ บอนด์มาก แต่ทีมงานสร้างไม่เห็นดีเห็นงามด้วย กระทั่งสุดท้ายวอห์นสนอง need ตัวเอง ด้วยการทำหนังสายลับของตนเอง Kingsman ในเวลาต่อมา) และด้วยความสำเร็จของการที่ เจ.เจ. เอบรัมส์ รีบู้ท Star Trek เล่าเรื่องราววัยหนุ่มของ กัปตันเคิร์ก กับ คุณสป็อค ที่เริ่มจากไม่ถูกกันก่อนจะกลายเป็นเพื่อนรัก X-Men: First Class ก็เดินตามสูตรเดียวกัน เพียงแต่สลับข้างให้ ศจ.เอ็กซ์ กับ แมกนีโต เริ่มต้นจากเพื่อนรักก่อนจะหักเหลี่ยมโหดกันในภายหลัง
เจมส์ แม็คอะวอย ถูกเลือกมารับบท ชาร์ลส์ เซเวียร์ วัยหนุ่ม ที่ไม่ได้อ้างอิงการแสดงของ โรเบิร์ต แพทริก ที่คนดูเห็นใน X-Men ไตรภาค ซึ่งถูกนำเสนอในภาพลักษณ์หนุ่มเจ้าสำราญ ยังเดินเหินได้ปกติ และมีผมเต็มหัว! แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีบางอย่างที่ทำให้คนดูรู้สึกได้ว่าวันหนึ่งเซเวียร์ของแม็คอะวอยจะกลายเป็นแบบที่แพทริกเป็น
เอริก แลนเชอร์ ได้ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ มารับบท โดยเจ้าตัวอ้างอิงการแสดงบางส่วนของ เอียน แม็คเคลเลน และสร้างเอกลักษณ์ในแบบวัยหนุ่มของชายที่ยังไม่ได้เป็นแมกนีโต
อีกหนึ่งแคแรกเตอร์ มีสทิก ที่ต้นฉบับเป็นของ รีเบกกา โรมิน-สตามอส ได้ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ สมัยที่ยังไม่แจ้งเกิดดังอย่างทุกวันนี้มารับบท เป็นเด็กสาวมิวแทนต์ที่กำลังค้นหาเส้นทางของชีวิต และอยู่ระหว่างความสัมพันธ์ของเซเวียร์กับเลนเชอร์
ถ้ายังจำกันได้ ศจ.เอ็กซ์ และ แมกนีโต ของ ไบรอัน ซิงเกอร์ ต้นแบบคือ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ กับ มัลคอล์ม เอ็กซ์ ส่วนเวอร์ชั่นของ แมทธิว วอห์น เจ้าตัวเปรียบเทียบ ศจ.เอ็กซ์ คือ โอบีวัน เคโนบี และ แมกนีโต คือ ฮาน โซโล
X-Men: First Class ออกฉายในปี 2011เก็บรายได้ทั่วโลกมากถึง $353 ล้านเหรียญ ถือเป็นการเปิดตำนานเอ็กซ์-เมนรุ่นแรกที่งานภาคต่อตามมาอีก 3 ภาค
X-Men: First Class (2011)
X-Men: First Class (2011) Directed: Matthew Vaughn
จุดเริ่มต้นของความเป็นเพื่อนระหว่าง ชาร์ลส์ เซเวียร์, เอริก เลนเชอร์ และ เรเวน โดยมีการหยุดยั้งแผนการร้ายของ เซบาสเตียน ชอว์ อดีตนายทหารนาซีที่เคยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว และถูกเอริกตามล่า ชอว์วางแผนจะให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างอเมริกากับรัสเซีย เพื่อที่ตนจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสงครามครั้งนี้
เดิมที โคลิน เฟิร์ธ ถูกวางตัวให้รับบท เซบาสเตียน ชอว์ แต่น่าจะออกมาคุณชายมากเกินไป สุดท้าย เควิน เบคอนมารับบทตัวร้ายนี้ โดยถอดแบบบุคลิกมาจากเจมส์ บอนด์ และความเป็นตัวร้ายหมายครองโลกแบบหนังบอนด์ หนังใช้บรรยากาศในยุค 60 ช่วงสงครามเย็น และเหตุการ์ณทางประวัติศาสตร์ วิกฤตการ์ณคิวบา และทำให้ในภาคต่อ ๆ มา หนังจะอิงกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์โลกในแต่ละช่วงเวลา
X-Men: Day of Future Past (2014)
X-Men: Day of Future Past (2014) Directed: Bryan Singer
ในอนาคตเหล่ามิวแทนต์ต้องพบกับหายนะจากหุ่นยนต์เซนตินัล จนความหวังสุดท้ายคือการดึงจิตย้อนอดีตกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ โลแกนคือหนึ่งเดียวที่ต้องกลับไปยุค 70 เพื่อแก้ไขเหตุการณ์ไม่ให้เกิดการสังหารบุคคลสำคัญ โลแกนจึงได้พบกับชาร์ลส์ เอริก และเรเวนในยุคที่ทั้งหมดไม่ได้เป็นศัตรูกัน และร่วมกันหยุดยั้งแผนทำลายล้างมิวแทนต์โดยหุ่นเซนตินัลของดร.โบลิวาร์ แทรสค์
นี่ถือเป็นงานที่ดีที่สุด และยอดเยี่ยมที่สุดของเฟรนไชส์ X-Men นั่นเพราะเป็นการนำบรรดาหน้าเก่ารุ่นใหญ่ ทั้ง โรเบิร์ต แพทริก และ เอียน แม็คเคลเลน มาร่วมจอกับรุ่นหนุ่ม เจมส์ แม็คอะวอย และ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ โดยมีจุดเชื่อมโยงคือ โลแกน ของพี่ฮิวจ์ แจ็กแมน
หนังมีปัญหาตรงที่ แมทธิว วอห์น ของถอนตัวไปทำหนังสายลับในดวงใจ Kingsman ไบรอัน ซิงเกอร์ จึงกลับสู่โลกของเอ็กซ์-เมนอีกครั้ง ที่สำคัญคือ ซิงเกอร์ใช้หนังภาคนี้ล้างความผิดพลาดบนไทม์ไลน์ใน The Last Stand จนแฟนพันธุ์แท้อย่างฟิน! นอกจากนี้ การเปิดตัวควิกซิลเวอร์ของ อีวาน ปีเตอร์ส คือ ตัวขโมยซีนของหนังโดยแท้
X-Men: Apocalypse (2016) Directed: Bryan Singer
การตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากหลับใหลนับพันปีของมิวแทนต์คนแรก อะโพคาลิปส์ ที่กลายเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อมนุษยชาติ ด้วยพลังอันมหาศาลจนยากจะเอาชนะ นี่คือการต่อสู้ที่หนักหนาสาหัสที่สุดของบรรดาเอ็กซ์-เมน
หนังจับเหตุการณ์ในยุค 80 ที่ชาร์ลส์สร้างโรงเรียนสำหรับเด็กมิวแทนต์ และมีลูกศิษย์คนสำคัญไม่ว่าจะเป็น จีน เกรย์, ที่ได้ โซฟี เทอร์เนอร์มารับบท, ไซคลอปส์ โดย ไท เชอริแดน ส่วนตัวร้ายระดับเทพ อะโพคาลิปส์ ตกเป็นของ ออสการ์ ไอแซค
X-Men: Dark Phoenix (2019)
X-Men: Dark Phoenix (2019) Directed: Simon Kinberg
ถือเป็นหนังภาคสุดท้ายของ X-Men Frist Class (ติดตามอ่านได้ใน ‘หนังชนโรง’ เร็ว ๆ นี้)
จนถึงวันนี้ที่ดีสนีย์ปิดดีลซื้อฟ็อกซ์เป็นผลสำเร็จ X-Men จึงเท่ากับว่าได้กลับมาอยู่ภายใต้ชายคาบ้านมาร์เวลอีกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตของเฟรนไชส์ X-Men จะไปในทิศทางใด แต่สิ่งหนึ่งที่พอจะตอบได้จากปากของ เควิน ไฟกี บอสใหญ่แห่งมาร์เวลก็คือ X-Men จะยังไม่ใช่สิ่งที่มาร์เวลจะทำในเร็ว ๆ นี้ เพราะมาร์เวลยังมีตัวละครอื่น ๆ ให้เล่าอีกมากมาย มันเป็นอนาคตที่ไกล และไกลมาก ๆ ได้ฟังอย่างนี้แล้ว สิ่งที่แฟนเอ็กซ์-เมนทำได้คือ รอคอย เท่านั้นครับ'
ขอบคุณที่มาข้อมูล: IMDb, Wikipedia, Rotten Tomatoes
ขอบคุณที่มาภาพประกอบ: IMDb, Wikipedia, Slash Film, Radio Tim channel24.co.zaes, theatlantic.com, amazon.com, Business Insider, dailymail.co.uk, The Art of VFX, IndieWire, iCollector.com, Comic Book
"Movietalk​" บทความเกี่ยวกับภาพยนตร์​ที่อยู่ในความสนใจ พร้อมเกร็ดหนังหลังฉาก
ถ้าชอบ​ อย่าลืมกด​ Like​ กดแชร์และกดติดตาม​ เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับ​ คนคอหนัง​ Movietalk​
ขอบคุณครับ
May​ the Force be with you.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา