6 มิ.ย. 2019 เวลา 12:41 • ธุรกิจ
🔎พาส่อง SAT และ STANLY ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่กำลังน่าจับตามอง
🚘ถ้าจะพูดถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังฟื้นตัวจากช่วงเศรษกิจซบเซาที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น เนื่องจากในปีนี้มีรายงานยอดผลิตรถยนต์ในไตรมาสแรกของปี 62 เพิ่มมากขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่แล้วถึง 11.5% ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลบวกถึงหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์อย่างไม่ต้องสงสัย
.
เดี๋ยววันนี้เราจะพาไปดูสองดาวเด่นของกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ นั่นก็คือ SAT และ STANLY สองบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของประเทศไทยกัน
.
บมจ.สมบูรณ์ แอ็ดวานซ์ เทคโนโลยี หรือ SAT ก่อตั้งเมื่อ 14 กันยา 2538 เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของรถและเครื่องยนต์การเกษตร โดยมีโมเดลธุรกิจเป็นการทำสัญญาซื้อขายระยะยาวให้แก่ลูกค้าในไทยและต่างประเทศ
.
SAT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อ 31.01.2548 นอกจากผลิตเองแล้ว SAT ยังมีการลงทุนในบริษัทอื่นที่ผลิตชิ้นส่วนอีก 5 บริษัทย่อย ทำให้ SAT ถือว่ามีความหลากหลายในวงการชิ้นส่วนยานยนต์อยู่พอสมควร
.
💰 SAT มีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 7,696.01 ล้านบาท รายได้รวม 2,269.75 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 287.03 ตามข้อมูลในไตรมาสแรกของปี 2562 (Q1= 3 ดือน)
.
โดยรายได้หลักมาจากการขายสินค้าถึง 99% โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในชิ้นส่วนเพลาข้างอยู่ที่ SAT ถึง 72% และยังมีการลงทุนในบริษัทย่อยอีก 5 บริษัทที่มีส่วนแบ่งทางตลาดของจานเบรกและเบรคดุมอีกด้วย
.
ส่วน STANLY หรือ บมจ. ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตหลอดไฟและอุปกรณ์ส่องสว่างของยานพาหนะ โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างบจ.สิทธิผล1919(เซ่งง่วนฮง) กับ บจ.สแตนเลย์อิเลคทริคของญี่ปุ่น โดยมีลูกค้าเป็นผู้ผลิตรถยนต์ทั้งในไทยและต่างประเทศ
.
STANLY เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อ 10.5.34 มีรายได้หลักจาก “กิจการโคมไฟ” กว่า 92.18% รองลงมาเป็น หลอดไฟ 4.48% และแม่พิมพ์, ออกแบบอีก 3.34%
.
💰 STANLY มีรายได้รวม 3,842 ล้านบาทกำไรสุทธิ 542.20 ล้านบาท และมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 17,470.50 จากข้อมูลในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ (62)
.
ก็จะเห็นว่าทั้งสองบริษัทล้วนแล้วแต่ผลิตชิ้นส่วนของยานยนต์กันทั้งคู่ ดังนั้นจึงพูดได้เลยว่ายอดผลิตรถยนต์ของไทยที่กำลังเติบโตขึ้นส่งผลให้ SAT และ STANLY กลายเป็นหุ้นสองตัวที่น่าจับตามอง
.
ทาง SAT ก็มีคำสั่งซื้อใหม่ กำลังจะส่งสินค้าไปขายที่ประเทศสหรัฐฯ อีกทั้งวงการคูโบต้าก็กำลังเติบโต จุดเด่นของ SAT อยู่ที่การไม่มีฐานผลิตในต่างประเทศ ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจาก Trade war
.
ส่วน STANLY ก็มีจุดแข็งคือเรื่องของเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทกับไฟหน้าและไฟท้ายของยานพาหนะมากขึ้น คำสั่งซื้อที่มากขึ้น อีกทั้งกำลังสร้างโรงงานใหม่เพื่อรองรับงาน Global model ที่ได้รับงานจนเกือบเต็มแล้ว ส่งผลให้อนาคตของ STANLY ก็น่าจะสดใสอยู่ไม่น้อยเลย
.
ทั้ง SAT และ STANLY ต่างก็กำลังเข้าสู่เฟสของเติบโตทั้งคู่ ในขณะที่ธุรกิจรถยนต์และยานพาหนะยังคงมีการแข่งขันกันสูงจากการออกโมเดลรถใหม่ๆ และภาพการส่งออกที่ไม่ค่อยจะดีจากสาเหตุของ Trade war และความผันผวนของค่าเงิน
.
แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร อาจจะไม่ดีหรือแย่แบบที่ใครคิดไว้ ดังนั้นการลงทุนจึงจำเป็นต้องติดตามข่าวสารและหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ จะได้เท่าทันเหตุการณ์และไม่พลาดข้อมูลดีๆที่เป็นประโยชน์กับเรา
สอนหุ้นแนวเทคนิค..พื้นฐานฟรี ‼️‼️
LINE SQUARE
[PRB เรียนรู้หุ้นฟรี]
กดที่ลิงค์ได้เลย
รับจำนวนจำกัด ‼️‼️
โฆษณา