8 มิ.ย. 2019 เวลา 17:15 • บันเทิง
หนังชนโรง: X-Men: Dark Phoenix พลังด้านมืดมาพร้อมความเจ็บฝังใจ
X-Men: Dark Phoenix
“ฮีโร่ทุกคนย่อมมีด้านมืด” และนี่คือหนังเอ็กซ์-เมนเรื่องที่สี่ของรุ่น First Class ที่น่าจะเป็นการปิดภาคของเอ็กซ์-เมนรุ่นนี้
ยานกระสวยอวกาศกำลังประสบเหตุร้ายจากพายุสุริยะ ปธน.ขอความช่วยเหลือมายังทีมเอ็กซ์-เมนภายใต้การนำของเรเวน แม้ภารกิจกู้ชีพจะสำเร็จ แต่เกิดเหตุขึ้นกับจีน เกรย์ เพื่อปกป้องทีมเธอจึงยอมสละตนเองโดยดูดซับพลังงานสุริยะมาไว้ในร่างกายทั้งหมด แม้จีนจะไม่เป็นอะไร กระทั่งเธอได้ค้นพบความจริงวัยเด็กอันแสนเจ็บปวด จนทำให้พลังงานนั้นกำลังเข้าครอบงำและปลุกด้านมืดของเธอ จนกลายจีนกลายเป็นมิวแทนต์ที่ทรงพลังมากที่สุดและอาจทำลายล้างทุกชีวิตบนโลกใบนี้!
Dark Phoenix เปลี่ยนมือผู้กำกับจาก ไบรอัน ซิงเกอร์ มาเป็น ไซมอน คินเบิร์ก ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คินเบิร์กคือคนเขียนบทที่อยู่กับเอ็กซ์-เมนมาตั้งแต่ The Last Stand, Day of Future Past และ Apocalypse และยังพ่วงตำแหน่งโปรดิวเซอร์ของเฟรนไชน์ชุดนี้ รวมไปถึง Deadpool อีกด้วย และการที่คินเบิร์กก้าวเข้ามากำกับแทนซิงเกอร์ ก็เลยทำให้บรรยากาศแบบเอ็กซ์-เมนที่คนดูคุ้นชินลดน้อยถอยลง แต่สิ่งที่ทดแทนด้วยความที่ตนเองเป็นคนเขียนบทจึงสื่อสิ่งที่ต้องการได้ดีกว่า
หนังหยิบเอาคอมิกส์เอ็กซ์-เมน อีเวนต์ The Dark Phoenix Saga มาอ้างอิง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะคินเบิร์กก็เคยเล่ามาแล้วใน The Last Stand แม้ว่าคราวนี้จะโฟกัสไปที่ตัวจีน เกรย์แบบเพียว ๆ ก็ตาม แต่ด้วยความที่บทหนังให้ความสำคัญกับเธอมากจน ตัวละครที่เหลือเป็นได้แค่ไม้ประดับฉากไปซะงั้น กลายเป็นการใช้ประโยชน์จากบรรดาแคแร็กเตอร์นำ และระดับรอง ชนิดที่บางคนโผล่มาแบบเสียของโดยแท้
ในขณะเดียวกัน หนังแม้จะอัดแน่นไปด้วยฉากแอ็คชั่น แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่แปลกจนต้องร้อง ‘ว้าว’ และที่สำคัญเมื่อดูหนังจบ หลายคนอาจคิดเหมือนผู้เขียน เมื่อคินเบิร์กทำเล่าเรื่องแบบนี้มีผลให้ไทม์ไลน์ของเอ็กซ์-เมนรุ่นแรกไม่มีทางไปบรรจบกับรุ่นใหญ่ได้เสียแล้ว หรือจะตามทฤษฎีที่เอเชียนวันกล่าวว่าจะมีอนาคตแบบอื่นแตกแขนงออกไปอีกนอกเหนือจากอนาคตแบบเดิม
ตามชื่อเรื่อง ดังนั้นภาระหนักจึงตกเป็นของ โซเฟีย เทอร์เนอร์ ในบท จีน เกรย์ อาจจะเพราะต้องการดึงคนดูกลุ่ม Game of Thrones เข้ามาดูหนัง แม้เทอร์เนอร์จะพยายามอย่างยิ่งที่จะเป็นจีน เกรย์ แต่ดูยังไงผู้เขียนก็ไม่รู้สึกว่าเธอจะกลายเป็นคนเดียวกับที่ แฟมเก้ เจนเซน เคยแสดง ในภาคนี้จีนคือศูนย์กลางของเรื่อง ซึ่งหนังก็เดินตามสูตรที่คนดูคุ้นชิน ความเจ็บปวดจากอดีตดึงเธอเข้าสู่ด้านมืด (คุ้น ๆ ไหมล่ะ?) ดูแล้วรู้สึกเหมือนดาร์ธ เวเดอร์ฝ่ายหญิงยังไงไม่รู้
ส่วน ไท เชอริแดน ที่เด่นมากใน Ready Player One กลับมารับบทเป็น สก็อตต์ ซัมเมอร์ส หรือ ไซคล็อปส์ ปัญหาก็คือเคมีระหว่างเชอริแดน กับ เทอร์เนอร์ ดูแห้งแล้งจนยากจะเชื่อว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน
ส่วนสี่ประสาน X-Men​ Frist​ Class​ เจมส์ แม็คอะวอย กลับมาเป็น ศจ.ชาร์ลส์ เซเวียร์ ที่ภาคนี้ดู ‘อ่อน’ กว่าภาคก่อน ๆ จนไม่อยากเชื่อว่านี่คือมิวแทนต์ที่มีพลังจิตมหาศาล, ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ กลับมาเป็น เอริก เลนเชอร์/แม็กนีโต ที่ลดดีกรีความเป็นตัวร้ายไปเยอะ แต่ฟาสส์เบนเดอร์อย่างเท่กับเมื่อแม็กนีโตใช้พลังของตนเอง
สาวเจนลอว์ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่อยู่กับบท เรเวน/มีสทิก ตั้งแต่ตัวเธอยังไม่ดัง กระทั่งวันนี้คือหนึ่งในนักแสดงหญิงแถวหน้าที่มีอำนาจต่อรอง เรเวนของเธอในภาคนี้ดูเติบโตและให้ความรู้สึกเหมือนแม่หรือพี่สาวคนโตที่ดูแลศิษย์ของเธอด้วยรักและห่วงใย และ นิโคลัส โฮล์ท กับการเป็น แฮงก์ แม็คคอย/บีสต์ ที่ยังคงมาตรฐานเหมือนในภาคก่อน ๆ
ส่วนเด็กมิวแทนต์ที่เหลือ อเล็กซานดรา ชิปป์ เป็น สตรอม, อีวาน ปีเตอร์ส เป็น ควิกซิลเวอร์, โคดี สมิทธ์-แม็กฟี เป็น ไนท์ควอร์เลอร์ เจ้าของพลังเทเลโพท
ปิดท้ายด้วย เจสซิกา แชสเทน ในบท วัค หญิงสาวลึกลับ ที่ไปดูกันเอาเองว่าเธอเป็นใคร มิตรหรือศัตรู
ภาพรวมหนังเอ็กซ์-เมนภาคนี้น่าจะสนุกกว่า Apocalypse แต่ปัญหาก็อย่างที่บอก การใช้งานแคแร็กเตอร์อย่างเสียไม่คุ้มค่า ซึ่งทำให้งานปิดภาค X-Men ดูจะจบแบบไม่ยอดเยี่ยมเหมือนที่วูล์ฟเวอรีนส่งท้ายด้วย Logan
บางครั้งการรับมือกับความจริงอันเจ็บปวด คือการยอมรับว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว เลิกหลอกตัวเองเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น และก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับความเจ็บปวดนั้น
X-Men: Dark Phoenix (2019) Directed: Simon Kinberg/Starring: James McAvoy, Michael Fassbender, Jennifer Lawrence, Nicholas Hoult, Sophie Turner, Tye Sheridan, Alexsandra Shipp, Jessica Chastain/Screenplay: Simon Kinberg/Based on X-Men by Stan Lee, Jack Kirby/Music: Hans Zimmer/Cinematography: Mauro Fiore/Edited: Lee Smith/Distributed: Walt Disney Studios Motion Pictures/Running time: 114 Mins./Rated: PG-13
“หนังชนโรง” บทความสำหรับภาพยนตร์ที่กำลังเข้าฉายแบบไม่มีสปอยล์ พร้อมเกร็ดหนังหลังฉาก ถ้าชอบ อย่าลืมกด Like กดแชร์และกดติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับคนคอหนัง Movietalk ขอบคุณครับ
May the Force be with you.
ขอบคุณที่มาข้อมูล: IMDb, Wikipedia, Rotten Tomatoes, Youtubeขอบคุณที่มาภาพประกอบ: IMDb, lebanonews.net, HitFix, youtube.com, io9 – Gizmodo

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา