ปัจจุบันโครงการ Baker to Broker ก็ได้ดำเนินมาเป็นเวลา 9 ปีแล้ว โดยมี 9 ธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมได้แก่ ธ.กรุงเทพ. ธ.กรุงไทย, ธ.กรุงศรี, ธ.กสิกรไทย, ธ.ไทยพาณิชย์, ธ.ธนชาต, ธ.ซีไอเอมบีไทย และมีสาขาของธนาคารร่วม 6,000 สาขาที่เข้าร่วมโครงการ
.
ซึ่งโครงการนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จพอตัวเลยทีเดียว จากเดิมที่มีจำนวนผู้เปิดบัญชีใหม่อยู่ที่ 9,601 รายและ Active จำนวน 3,602 รายเมื่อปี 2554 จากนั้นจึงได้มีตัวเลขผู้ใช้งานสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนในปี 2561 มีจำนวนผู้เปิดบัญชีใหม่ถึง 91,966 รายและ Active จำนวน 40,894 ราย และมีจำนวนบุคลากรที่ผ่านการอบรมแล้วกว่า 1,840 ท่าน
.
และล่าสุด ธนาคารออมสิน ได้ประกาศว่าได้ร่วมลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ เอแอสแอล จำกัด (ASL) ในสัดส่วน 25% ทำให้ธนาคารออมสินมีสิทธิในการร่วมกำหนดนโยบาย
.
โดยธนาคารออมสิน และ ASL มีแพลนการดำเนินโมเดลธุรกิจแบบ Banker to Broker โดยมีเป้าหมายให้พนักงานธนาคารสามารถเสนอขายและให้บริการในด้านการลงทุนในหลักทรัพย์ให้แก่ลูกค้าได้ ซึ่งจะมีผลช่วยให้รายได้เพิ่มขึ้น
.
อีกหนึ่งโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจในการลงทุนครั้งนี้ของธนาคารออมสินคือการยกระดับสู่การเป็น Digital Banking และเมื่อยิ่งมาร่วมกับ ASL ทำให้สามารถนำระบบซื้อขายหุ้นของ ASL เข้ามาอยู่บน Digital Platform ที่ทางธนาคารกำลังพัฒนาเพื่อการปรับตัวสู่โลกอนาคต
.
การเพิ่มช่องทางการซื้อขายหลักทรัพย์บน Platform ของธนาคารในอนาคตจะช่วยให้ทั้งธนาคารออมสินและ ASL แข่งแกร่งขึ้น เพราะจะทำให้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และทำธุรกรรมต่างๆได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยที่ทั้งคู่มีฐานลูกค้าที่ใกล้เคียงกันอยู่แล้วคือตั้งแต่รายเล็กๆ ไปจนถึงรายใหญ่
.
โดยธนาคารออมสินคาดว่าน่าจะเปิดให้บริการเต็มที่ ได้ภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า ปัจจุบันธนาคารออมสินมีการลงทุนในธุรกิจทิพยประกันภัย 11%, ทิพยประกันชีวิต 25%, กองทุนรวมของบลจ. ธนชาต 25% และบริษัทจัดการหลักทรัพย์ MFC 24.9%
.
การเข้าสนาม Banker to Broker ของธนาคารออมสินและ ASL ครั้งนี้ก็น่าเป็นที่จับตามองกันต่อไป เพราะธนาคารออมสินมีฐานลูกค้าถึง 22 ล้านราย และเตรียมเปิดให้เทรดผ่านแอปพลิเคชั่น MyMo ในเวลาอันใกล้นี้