[คลินิกการลงทุน] 10 เทรนธุรกิจแห่งอนาคต (Ep.1) / โดย คลินิกการลงทุน ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตของพวกเรามากขึ้น ใครๆ ก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ธุรกิจจำนวนมากโดน Disrupt แล้

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

•

7 ก.ค. 2019 เวลา 08:25 • ธุรกิจ

10 เทรนธุรกิจแห่งอนาคต (Ep.1) / โดย คลินิกการลงทุน

ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตของพวกเรามากขึ้น ใครๆ ก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ธุรกิจจำนวนมากโดน Disrupt แล้วล้มหายตายจากไป ผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการ หรือเจ้าของแบรนด์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ “เทรนด์ธุรกิจในอนาคต” ให้ออกว่าธุรกิจใดจะ “รุ่ง” หรือ “ร่วง”

โดยหัวใจสำคัญของการเริ่มต้นธุรกิจให้รอด ไม่ใช่มีเพียงแค่ Passion เท่านั้น แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่กับ คือ ทิศทางเศรษฐกิจ เทรนด์ธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงของสังคม-เทคโนโลยี-วิถีชีวิตของผู้คน และพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อดูว่ากลุ่มธุรกิจประเภทอะไรที่จะตอบโจทย์ทั้งในวันนี้และในอนาคต

การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้นเริ่มต้นจากการศึกษาหาความรู้ แล้วลงมือทำ และลองผิดลองถูก เพื่อให้ธุรกิจขอเงรานั้นตอบโจทย์ของผู้บริโภคยุคใหม่มากที่สุด ปรับเปลี่ยนพัฒนาตามกระแสแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงของสังคมเป็นหลัก

เหมือนอย่างที่นักลงทุนชื่อดังของไทย ดร.นิเวศน์ ได้กล่าวไว้ว่า สิ่งที่นักลงทุนพื้นฐานควรมี คือ "ความรู้" แต่สิ่งที่ต้องปรับ เสริม เติม แต่ง เข้าไป คือ "จินตนาการ" หมายความว่า การทำธุรกิจหรือลงทุนอะไร เราควรมี “ความรู้” ในเรื่องนั้นๆก่อน แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือการมอง “อนาคต” ว่าธุรกิจนั้นๆ จะเป็นอย่างไรในอนาคต ?

ไปดูกันว่า “เทรนด์ธุรกิจแห่งอนาคต” จะมีอะไรกันบ้าง …

1. ผู้สูงอายุ

Cr. asiatatler

United Nations Department of Economic and Social Affairs (UNDESA) คาดการณ์ว่าในปี 2030 จำนวนประชากรผู้สูงอายุทั่วโลก จะมี 1,402 ล้านคน หรือคิดเป็น 16.5% ของประชากรโลก และในปี 2050 จำนวนประชากรผู้สูงอายุทั่วโลก จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,092 ล้านคน หรือคิดเป็น 21.5% ของประชากรโลก

สำหรับประเทศไทย นั้นมีการคาดการณ์ว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเข้าสู่ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” (Aged Society) นั่นคือ ประชากรกลุ่มผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไปมีสัดส่วน 20% ของประชากรทั้งประเทศ จากปัจจุบันที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ในสัดส่วน 10% ของประชากรทั้งประเทศ และในปี 2574 ประเทศไทยขยับเข้าสู่ “สังคมสูงวัยอย่างเต็มที่” (Super-Aged Society) หมายความว่า ประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป มีมากกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศ

โดยสาเหตุก็เนื่องมาจาก ความก้าวหน้าทางวิทยาการแพทย์นั้นจะช่วยประคองชีวิตผู้คนให้มีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น และสุขภาพดีมากขึ้น โดยในปัจจุบันจะเห็นได้ชัดว่ามีเทรนด์การหันมาสนใจเรื่องของสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับโลกกำลังเผชิญกับสภาวะอัตราการเกิดที่น้อยลง จึงทำให้เรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและมีแนวโน้มผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า “ผู้บริโภคกลุ่มผู้สูงวัย” จะเป็นหนึ่งในฐานใหญ่ของประเทศ เพราะฉะนั้น การทำธุรกิจ หรือการพัฒนาสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงอายุ จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจอย่างมาก

ดังนั้น เทรนด์ธุรกิจที่น่าจะสนใจในอนาคตที่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ก็คือธุรกิจเกี่ยวกับการฟื้นฟูผู้สูงอายุทั้งทางร่างกายและจิตใจ Nursing Home การวางแผนการเงิน ประกันชีวิต-สุขภาพ สินค้าอุปโภคบริโภคที่เหมาะกับกลุ่มผู้สูงอายุ หรือนวัตกรรมสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์กลุ่มผู้สูงอายุ นั่นเอง

2. โลกดิจิทัล

Cr. hubspot

ทุกวันนี้เทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราไปเรียบร้อย และในอนาคตก็มีแนวโน้มที่ธุรกิจต่างๆ จะเริ่มนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากงานขึ้น เช่น Robot, AI, Big Data หรือ Blockchain ดังนั้น ไม่ว่าจะทำธุรกิจประเภทใดก็จำเป็นต้องปรับตัวให้ทัน และนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ให้เหมาะสม

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนเลย คือ การซื้อขายและทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตได้เติบโตขึ้นอย่างมาก ทำให้เราสามารถซื้อขายกันได้สะดวกสบายมากขึ้น แถมยังซื้อขายทำธุรกรรมระหว่างประเทศได้อย่างง่ายดาย และมีแนวโน้มว่าในอนาคตธุรกิจค้าขายส่วนใหญ่บนโลกจะอยู่ในโลกออนไลน์เป็นหลัก

3. โลจิสติกส์

Cr. eurotracs

มูลค่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยจาก สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ระบุว่า ในปี 2561 มีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท ซึ่งทำให้ต้องมีการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านทางออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งการขนส่งระหว่างธุรกิจ เพื่อนำสินค้าไปผลิตหรือจัดจำหน่ายต่อ

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ธุรกิจที่ให้บริการด้าน “โลจิสติกส์” ขยายตัวเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นการส่งสินค้า เอกสาร อาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อตอบสนองความสะดวก สบาย รวดเร็ว ตามความต้องการของผู้บริโภค

นอกจากนี้ ยังเริ่มมีผู้ให้บริการจัดส่งสินค้ารายย่อยเกิดขึ้นมากมาย ที่มีความเฉพาะเจาะจงของสินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะบริการจัดส่งอาหารที่กำลังเป็นที่นิยม และตอบสโจทย์คนยุคใหม่ได้อย่างตรงจุด

ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่เราต้องให้ความสำคัญและใส่ใจเป็นพิเศษในธุรกิจโลจิสติกส์ คือ การสร้าง Customer Experience ที่ดี ซึ่งต้องสามารถตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าให้ได้

4. รักษ์โลก

Cr. greenworldgroupptyltd

ทุกวันนี้ปัญหาด้านสภาพแวดล้อมเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนส่งผลกระทบรุนแรงทั่วโลก ตั้งแต่โครงสร้างประชากร โลกาภิวัตน์ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแบบสุดขั้ว การขาดแคลนทรัพยากร ความเท่าเทียมกันทางเพศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การปฏิรูปการศึกษา

ทั่วโลกจึงเริ่มหันมาให้ความสำคัญเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้นทั้งระดับสังคม เศรษฐกิจ และรัฐ/ประเทศ ขณะเดียวกันผู้บริโภคจะเรียกหาความเป็นธรรมมากขึ้น หากสินค้าและบริการที่มาจากการเอาเปรียบแรงงาน หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน สินค้า/บริการแบรนด์นั้นๆ ก็อาจถูกแบนได้ทันที

ปัจจุบันผู้บริโภคยังคงมองว่าการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ผลิต แต่แน่นอนว่า ผู้บริโภคเองก็พร้อมที่จะสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อโลก และมีส่วนในการทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคยุคนี้เริ่มเห็นความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย

ดังนั้น โอกาสทางธุรกิจในด้านนี้ ควรให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มที่เปิดให้สาธารณชนเข้าถึงข้อมูลของบริษัท หรือองค์กรเพื่อตรวจสอบความโปร่งใส (Open Data) ได้ และในการทำธุรกิจ ต้องคำนึงถึงความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียมกันทางเพศ และสิทธิมนุษยชน เป็นสำคัญครับ

5. คนรักสัตว์

Cr. sorgalpetfood

จากข้อมูลตัวเลข จำนวนผู้สูงอายุ คนโสด หรือคนที่ไม่มีลูก มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แนวโน้ม “การเลี้ยงสัตว์” มีเพิ่มขึ้น โดยคนส่วนใหญ่ก็มักจะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน หรือบางคนก็เลี้ยงเป็นลูกเลยก็มี

โดยองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจสัตว์เลี้ยงเติบโต และเป็นกุญแจสำคัญ คือการแชร์ภาพสัตว์เลี้ยงน่ารักผ่านทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น สปา โรงแรม ฯลฯ

จากรายงานข้อมูลของ K SME เผยว่ามูลค่า “ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” ในปี 2561 อยู่ที่ 3.22 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนใหญ่สุดและการแข่งขันสูงสุดเป็น ธุรกิจอาหารสัตว์ 45% รองลงมาเป็นธุรกิจดูแลสุขภาพสัตว์ เช่น โรงพยาบาล คลินิก มีสัดส่วน 32% และธุรกิจสินค้าอื่นๆ มีสัดส่วน 23%

ส่วนประเภทสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมมากสุด คือ สุนัข 62% รองลงมาคือ แมว 23% ซึ่งก็มีแนวโน้มที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพื่อสัตว์เลี้ยงจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต

Cr. blueprintsvmg

ขอพักไว้เท่านี้ก่อน เพราะเดี๋ยวจะยาวเกินไป หวังว่าเพื่อนๆจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ และปรับใช้กับทั้งการลงทุนและการทำธุรกิจได้ไม่มากก็น้อย แล้วเดี๋ยวมาต่อกันอีก 5 เทรนด์ธุรกิจแห่งอนาคต ใน Ep.2 ครับ ...