16 ก.ค. 2019 เวลา 08:46 • ธุรกิจ
วิธีการทำการบ้านหุ้นของ GMH ตอนที่ 1
เราเชื่อว่าเบื้องหลังของผลตอบแทนที่ดีเลิศในตลอดชีวิตการเป็นนักลงทุน ต้องมีต้นตอมาจากความทุ่มเท่อันเป็นเลิศเช่นกัน
Process การทำการบ้านหุ้นเราจะต้องไม่มีคำว่าเล่นๆ
เพราะเรามุ่งหวังการพัฒนาศักยภาพในทุกๆด้าน จากการลงมือของเรา ซึ่งในระยะยาวแล้วเราจะเป็นนักลงทุนที่มีคุณภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
เวลาที่จะซื้อหุ้นสักหนึ่งตัว GMH ทำอะไรกันบ้าง ?
เมื่อมีคนพูดถึงการเสนอชื่อหุ้นที่จะซื้อ การคัดเลือกหุ้นเข้าสู่ watchlist ของ GMH นั้นต้องผ่านกระบวนการดังนี้
สมมติว่าใน universe ของการรู้จักหุ้นทั้งหมดของเรา คือ 500 ตัว ใครเอ่ยชื่อมารู้หมดคือหุ้นอะไร ทำกิจการอะไร
แต่การที่จะเข้ามาอยู่ใน watch list ของเราได้ เราต้องมีความรู้จักในระดับที่ไม่ใช่ผิวเผินธรรมดา
ยิ่งเราศึกษาบริษัทมาก รู้จักมาก ความลึกของข้อมูลเราจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความรู้ลึกนี้เองเราจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
ความลึก
1 ⭐
2 ⭐⭐
3 ⭐⭐⭐
หุ้นที่จะเข้ามาอยู่ใน watchlist ของ GMH ได้ เราจำเป็นต้องมี “ความรู้ลึกระดับ1ดาว”
“ความลึกระดับ 1 ดาว” คืออะไร ?
ในบท 2 Minute Drill ในหนังสือ One Up on Wall Street : Chapter 11 บอกไว้ว่าถ้าคุณสามารถอธิบายให้คนฟังเข้าใจได้ว่าบริษัทนี้ทำอะไรในเวลา 2นาที แปลว่าคุณมีความเข้าใจพื้นฐานกิจการระดับนึง
ผมประยุกต์ความหมายที่ Lynch สื่อออกมาเป็นความเข้าใจบริษัทลึกระดับ 1 ดาว ด้วยไอเดียนี้
คำพูดใน 2 นาทีนั้น จะเกิดจากการอ่านข้อมูลจากแหล่งต่างๆของบริษัท มาเป็นเวลาหลายชั่วโมง แล้วผ่านกระบวนการของสมอง เรียงเรียงย่อมันลงมาเหลือเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ถ้าได้แบบนี้ถือว่าผ่าน
ทีนี้เราต้องทำอะไรบ้าง ถ้าพูดแบบชัดๆเลย minimum standard ของเราคือ จะต้องผ่านการ
- รายงานประจำปีของบริษัท
- ฟังการรายงานผลประกอบการผ่าน opportunity day มาอย่างน้อย 2-4 Quater
อาจจะมีเพิ่มเติม
- ดูคลิปสัมภาษณ์รายการต่างๆ ของบริษัท
- อ่าน Thaivi ห้องร้อยคนร้อยหุ้นย้อนกระทู้กลับไปสัก 1-2 ปีให้หลังว่าเพื่อนๆนักลงทุน มี comment มุมมองและข้อมูลอะไรที่น่าสนใจ
ในระดับ 1 ดาว ⭐ เราจะทำแค่นี้ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดที่ว่านี้มันจะกินเวลาเฉลี่ยราวๆ 2-4 Hr ขึ้นอยู่กับประสบการณ์
แต่ จุดนี้เราจะยังไม่สามารถซื้อหุ้นได้ (อย่างมากก็ซื้อ 100 หุ้นเพื่อรับสิทธิ์ไปประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท)
ถึงตรงนี้ยังไม่มีการคำนวณใดใดทั้งสิ้น ยังไม่ได้มีการนำข้อมูลที่หามาไปใช้ต่อยอดในการคำนวณเลย ซึ่งเราจะทำต่อกันในระดับความลึก 2ดาว ⭐⭐
เมื่อทำครบกระบวนแล้ว เราควรจะมีภาพในใจเกี่ยวกับบริษัทดังนี้ที่ชัดเจนมากขึ้นดังนี้
1 ) คุณภาพและที่มาของรายได้&กำไร
ผิวเผินคนทั่วไปอาจจะรู้ว่าบริษัทนี้ทำอะไร แต่เราจะรู้ลึกว่าทุกๆอย่างที่บริษัททำนั้น มีรายได้มาจากการทำอะไรบ้าง คิดเป็นกี่ % อะไรเป็นรายได้หลักสำคัญที่บริษัทกำลัง focus อยู่
- คนมักรู้ว่าหุ้นราคากี่บาท แต่กลับตอบไม่ได้ว่าหุ้นนี้ market cap เท่าไหร่ ? รายได้ปีนี้อยู่ที่เท่าไหร่ ? กำไรทั้งบริษัทกี่บาท ?
สาเหตุที่เราต้องรู้ คือ การสร้าง perception ทางด้าน scale ของบริษัทขึ้นมาในใจของเรา
ช่วงแรกๆที่เราทำการบ้านใหม่ๆแล้วจะยังไม่ค่อยรับรู้ได้ถึงความแตกต่างระหว่างยอดขาย 300 ล้าน / 1พันล้าน/ 2หมื่นล้าน / แสนล้าน ว่ามันมี scale ความแตกต่างกันประมาณไหน
แต่เมื่อเราทำไปสักพักหลายๆบริษัทแล้วจะเริ่มเห็น.. ซึ่งข้อมูลตรงนี้เองมันทำให้เรารู้ถึงความเป็นไปได้ที่จะเติบโตในอนาคต
เปรียบเทียบภาพโดยรวมของอุตสาหกรรมว่า ประชาชนใช้จ่ายเกี่ยวเรื่องนี้เท่าไร และปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดแค่ไหน
คู่แข่งเป็นใครบ้าง และตอนนี้บริษัทใช้วิธีอะไรในการแข่งกับคนอื่น ผลลัพธ์ที่ผ่านๆมามันค่อยๆดีขึ้นหรือไม่
- บริษัทมี Gross Profit Margin และ Net Profit Margin บรรทัดสุดท้ายเป็นยังไง
การจะรู้ได้ว่า Margin คือเท่าไร หัวใจหลักๆคือเรารู้จัก"ต้นทุน"ของบริษัทนั่นเอง identity ได้หรือไม่ว่าต้นทุนของบริษัท มีน้ำหนักไปที่เรื่องอะไรบ้าง มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างไร
ความสัมพันธ์ของรายได้ และต้นทุนทั้งหมด จะทำให้เรามี perception ที่มาของภาพกำไรบริษัท
2 ) รู้จักผู้บริหาร
สาเหตุที่ดู Opp Day Quarter เดียวไม่พอเพราะอะไร
เราต้องรู้ว่า CEO เป็นคนที่ตั้งเป้าอะไรไว้แล้ว ทำตามเป้าหมายได้หรือไม่ได้ ? กี่ครั้ง ? ครั้งที่ทำไม่ได้มันเกิดจากอะไร และเขาแก้ปัญหายังไง และเมื่อกลับไปแก้ไขปัญหาแล้ว Quater ถัดไปกลับมารายงานผล มันดีขึ้นไหม ?
มันจะทำให้เรารู้ว่า
- CEO นั้นใส่ใจกับ commitment ที่ตัวเองพูดแค่ไหน
- บางทีถึงจะพยายาม commit สัญญาที่ให้ไว้แบบจริงใจ แต่ฝืนทำไม่ได้เพราะตัว industry เอง ธรรมชาติแล้ว มีอะไรที่ unpredictable / uncontrollabe อยู่หรือไม่
- เราต้องการดูความฉลาดในการคิด Solution ของ CEO ว่าแนวทางแก้มันเข้าท่าหรือไม่
3) สถานะการณ์ของบริษัท
หลายๆไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทเติบโตได้ด้วยวิธีอะไร & กลยุทธ์อะไร
- ในอนาคตอันใกล้บริษัทยังใช้วิธีเดิมๆ อย่างนี้ต่อไปได้อีกไหม ยังเหลือช่องว่างให้ทำแบบเดิมอีกนานแค่ไหน
-ขีดจำกัดของการเติบโตคืออะไร ทรัพยากรที่ใช้สำหรับการสร้างการเติบโตนั้นติดคอขวดที่เรื่องอะไร เราต้องมองให้ออกตั้งแต่จุดนี้
-ปัจจุบัน จุดอ่อนของบริษัทคืออะไร ปัญหาที่บริษัทกำลังเผชิญในตอนนี้คืออะไรและพวกเขากำลังแก้ไขมันยังไง
ซึ่งทั้งหมดถ้าเราตอบได้หมด แปลว่าเรามี "ความรู้ลึกระดับ 1 ⭐"
มาถึงตรงนี้ก็อ่วมกันแล้วคับ 555+ 🤣 ทำขนาดนี้ยังไม่ได้ซื้อหุ้นอีก
สรุปกันอีกทีคับ เราต้องมีภาพในใจถึง
1. คุณภาพและที่มาของรายได้&กำไร
2. ผู้บริหาร
3. สถานะการณ์ในปัจจุบันของบริษัท
ซึ่งไว้เราไปต่อกันในระดับความลึก 2 ดาว ซึ่งจะเป็นระดับที่เราต้องซื้อหุ้นแล้ว
ไว้มาต่อกันในบทความหน้าครับ
** รูปทั้งหมดเราไม่ได้โฆษณาขายคอร์สสอนนะคับ **
GMH ไม่เคยรับเงินหรือหากินจากการสอน รายได้หลักของเราต้องมาจากการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนเท่านั้น
ขอบคุณที่ติดตาม GMH Blockdit

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา