29 ก.ค. 2019 เวลา 01:38 • การศึกษา
ชีวิตตั้งเเต่เรียนหมอจนถึงเริ่มสมัครเป็นเเพทย์เฉพาะทาง ยาวนานเเค่ไหนลำบากอย่างไร มาดูกัน!!!! ตอนที่ 3
หลังจากที่ผมได้เล่าถึง ชีวิตในการเรียนหมอจนถึงจบช่วงใช้ทุน ไปในตอนที่ 1 เเละ 2 ผู้อ่านสามารถติดตามอ่านย้อนหลังได้ที่
2
ตอนนี้จะผมจะขอเล่าถึง การสมัครเรียนต่อเป็นหมอเฉพาะทาง ซึ่งเชื่อว่าก็เป็นเป้าหมายส่วนใหญ่ของหมอในประเทศไทยเลยทีเดียว !!!!!
หลังจากผ่านช่วงใช้ทุนก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการสมัครเรียนต่อเฉพาะทาง
ทำไมต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ??
ที่จริงไม่ได้มีกฏหมายบังคับนะครับว่าเรียนจบแล้วต้องต่อเฉพาะทาง จะเป็นหมอทั่วไปตลอดชีวิตการทำงานก็ได้
โดยจากความคิดของผมเเละสอบถามเพื่อนๆโดยทั่วไปก็มีเหตุผลในการจะเลือกเรียนต่อเฉพาะทางดังนี้ !!!
1. ชอบในวิชาที่อยากจะเรียนต่อ เช่นชอบ เด็กก็เลยอยากเรียนต่อ หมอเด็กเพื่อ ที่จะได้รักษาเเต่เด็กอย่างนี้เป็นต้น
2. ไม่ชอบกับการเป็นหมอทั่วไปเนื่องจากหมอทั่วไปต้องดูเเลคนไข้เป็นเหมือนหน้าด่าน เเละรูปเเบบคนไข้ก็หลากหลาย ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ทั้งคนท้อง หลายคนจึงต้องการไปเรียนต่อเป็นเเพทย์เฉพาะทาง
3. ต้องการก้าวหน้าในการงาน เนื่องจากสังคมยุคปัจจุบัน แพทย์เฉพาะทางมีโอกาสมากกว่าแพทย์ทั่วไป ทั้งทางด้านรายได้และตำแหน่งทางวิชาการ เป็นต้น
1
เรียนเฉพาะทางนานไหม ???
ระยะเวลาในการเรียนต่อเเต่ละสาขา ส่วนใหญ่จะประมาณ 3 ปี เเต่บางสาขาก็เรียน 4 ปี เช่น ศัลยกรรมทั่วไป ,ศัลยกรรมกระดูก บางสาขาก็เรียน 5 ปี เช่น ศัลยกรรมระบบประสาท ,ศัลยกรรมทรวงอก เป็นต้น
เเล้วการจะเข้าเรียนต่อเป็นหมอเฉพาะทางยากไหม ??
เนื่องจากปัจจุบันมีการผลิตเเพทย์เพิ่มมากขึ้น จากหลากหลายสถาบัน เเต่เนื่องจากการจะฝึกสอน เเพทย์เฉพาะทางได้ต้องใช้การฝึกสอนเเละอุปกรณ์ทางการเเพทย์ที่เฉพาะเจาะจงมากกว่าการเรียนตอนเป็นนักศึกษาเเพทย์มาก จึงไม่สามารถเพิ่มตำเเหน่งในการฝึกสอนเเพทย์เฉพาะทางได้เท่าที่ควร ทำให้การจะเข้าเรียนต่อเเพทย์เฉพาะทางจึงยากขึ้น เเละคงยากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต โดยเฉพาะสาขาที่เป็นที่นิยมในการเรียนต่อ อาจจะพูดได้เลยต้องมีคนที่ผิดหวังไม่ได้เรียนในเเต่ละปี!!!!
4
โดยปกติ การรับเข้าเรียนต่อเฉพาะทางจะเเบ่ง เป็นกลุ่มคือ กลุ่มมีต้นสังกัดหรือ มีทุน กับ กลุ่มไม่มีต้นสังกัด หรือ free train
โดยกลุ่มมีต้นสังกัด หรือมีทุน คือ หลังจากใช้ทุนเเล้ว ก็รับตำเเหน่งเฉพาะทางจากโรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่ง โดยมีสัญญาหลังจากเรียนจบเฉพาะทาง จะต้องกลับมาเป็นหมอเฉพาะทางที่โรงพยาบาลที่ให้ตำเเหน่งนั้น
ส่วนกลุ่มไม่มีต้นสังกัด หรือ free train
ก็คือ หลังจากใช้ทุนเเล้วก็ไม่รับสัญญาต้นสังกัดใดๆ หลังจากเรียนจบเป็นเเพทย์เฉพาะทาง ก็จะไม่มีสัญญามาผูกมัดเเต่ก็จะไม่มีตำเเหน่งราชการมาการันตีเหมือนกลุ่มมีทุน
1
โดยปกติการเรียนต่อเฉพาะทาง จะรับกลุ่มมีทุน มากกว่า กลุ่มฟรีเทรนนะครับ โดยบางสาขา บางสถาบัน ก็ไม่รับกลุ่ม free train เลยก็มี!!!!!
1
เเล้วทำอย่างไรถึงได้ทุน !!!
การได้ทุนเรียนต่อเเพทย์เฉพาะทาง ส่วนใหญ่ขึ้นกับ connection เป็นหลัก ทั้ง connection จากการทำงาน ถ้าเป็นหมอที่โรงพยาบาลนั้นๆเเล้วทำงานดี เป็นคนนิสัยดี ทางผู้ใหญ่ในโรงพยาบาลก็มักจะพยายามหาทุนเรียนต่อเฉพาะทางให้
connection โดยกำเนิด เช่น เป็นคนพื้นที่ในโรงพยาบาลนั้นๆ หรือเป็น ลูกเป็นหลาน หรือรู้จักคนในโรงพยาบาล ในสาธารณสุขจังหวัด ย่อมก็มีโอกาสได้ทุนเรียนต่อในโรงพยาบาลนั้นๆมากขึ้น
โดยตำเเหน่งเฉพาะทางบางสาขาในเเต่ละโรงพยาบาล จะมีจำนวนจำกัดตามขนาดและความต้องการของโรงพยาบาลนั้นๆ ซึ่งทำให้ไม่สามารถเปิดทุนใหม่ได้ แต่หมอสามารถไปขอทุนเรียนต่อจากโรงพยาบาลอื่นที่เราไม่ได้ทำงานอยู่ ณ ปัจจุบันได้ เเต่ก็จะยากกว่า เพราะว่าจะไม่มี connection อยู่เดิม เป็นต้น
เเล้วคุณสมบัติอะไรบ้างที่จะนำมาพิจารณาตอนสมัครเรียนต่อเฉพาะทาง??
นอกจากเรื่องทุนเเล้วยังมีคุณสมบัติอื่นๆที่จะมีผลในการเรียนต่อเฉพาะทางดังนี้
1.เกรด บอกเลยว่า เกรดเป็นคุณสมบัติสำคัญที่พิจารณาได้ง่าย เเละบ่งบอกถึงการตั้งใจตอนเรียนได้ชัดเจนที่สุด ซึ่งทั้งเกรดรวมทุกวิชา เเละ เกรดเฉพาะสาขาที่จะเรียนต่อล้วนสำคัญหมด
2.คะเเนนจากการสอบใบประกอบโรคศิลป์ เนื่องจากการสอบใบประกอบโรคศิลป์เป็นการสอบทุกสถาบันรวมกัน ซึ่งผลคะเเนน ก็พอบ่งบอกได้ถึงความรู้ทางการเเพทย์ทั่วไปได้
3.งานวิจัยในสาขาวิชานั้นๆ เนื่องจากการเเพทย์ปัจจุบัน การวิจัยมีความสำคัญมาก ถ้ามีผลงานวิจัยตั้งเเต่เป็นเเพทย์ใช้ทุนก็เป็นการการันตีถึงความตั้งใจเเละเป็นใบเบิกทางในการจะเรียนต่อสาขานั้นๆได้ดี
4.การติดต่อทางสถาบันในสาขาที่จะเรียนต่อ หากมีความตั้งใจในการจะเรียนต่อในสถาบันนั้นๆ ก็สามารถจะมาวิชาเลือกที่สถาบันนั้นๆ ก่อนมาสมัครเรียนต่อ เพื่อให้อาจารย์หมอผู้จะคัดเลือกได้พบเเละเป็นการเเนะนำตัวไปในตัว โดยบางคนที่ผู้เขียนเคยเห็น เเนะนำตัวกับอาจารย์หมอในภาควิชาที่อยากจะเรียนต่อ ตั้งเเต่เป็นนักศึกษาเเพทย์ก็มี!!!!
5.ความสามารถพิเศษ อื่นๆทั้ง ความสามารถทาง ภาษาอังกฤษ ดนตรี กีฬา คอมพิวเตอร์ เขียน blockdit เป็นต้น
2
6.ทำอะไรก็ได้ที่สื่อให้เห็นว่ามีความตั้งใจ เเละดีพอในการที่จะเรียนต่อสาขานั้นๆ!!!!!!
1
เเละนี่เป็นบทความ 3 ตอนที่เล่าถึงชีวิตหมอคร่าวๆตั้งเเต่ตอนเรียนจนถึงสมัครเป็นเเพทย์เฉพาะทาง ส่วนตัวคิดว่าเป็นชีวิตที่ทำงานหนัก เเละมีรูปเเบบงานที่ค่อนข้างเครียดเมื่อเทียบกับ คนรุ่นเดียวกัน เเต่อย่างไรก็ดีการได้รักษาคนไข้ให้หายจากโรคภัย หรือทำให้คุณภาพชีวิตของคนไข้ดีขึ้น ก็เป็นความรู้สึกภูมิใจที่หาอย่างอื่นทดเเทนได้ยากเช่นกัน
ผมก็ไม่ได้บอกว่า การเป็นหมอเป็นวิชาชีพที่ดี หรือเเย่กว่าวิชาชีพอื่น เพียงเเต่ก็เหมือนทุกวิชาชีพที่มีทั้งข้อดีเเละข้อเสีย เพียงเเต่น้องๆที่อยากจะเรียนหมอก็ควรศึกษาให้ถี่ถ้วนในทุกๆประเด็นเเละก็ถามตัวเอง ว่าอาชีพนี้เหมาะสมกับเรา หรือไม่ และเราจะมีความสุขไหมในอาชีพนี้ !!!!
1
ก็หวังว่าผู้อ่านจะสนุกเเละได้ความรู้นะครับ
โฆษณา