ประเทศไทยติดอันดับประเทศที่เรียนหนักที่สุดเป็น อันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น
ตั้งแต่ตอนเราเด็กๆ เราก็เข้าเรียนหนังสือตั้งแต่อนุบาล การเรียนหนังสือนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการทำให้คนมีความรู้ในเรื่องๆนั้นๆ ชั้นประถมเราต้องเรียนตั้งแต่ ป.1-ป.6 วิชาที่เรียนก็จะมี หลายวิชาดังนี้
ปีนี้ผมรับปริญญา เดือน พศจิ
1. คณิตศาสตร์ 2.วิทยาศาสตร์ 3.ภาษาไทย
4.ภาษาอังกฤษ 5.สังคม 6.พละ 7. ลูกเสือและอื่นๆ
จนถึงมัธยม ม.1-ม.6 เด็กเรียนกันเยอะมาก โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ ที่เรียนเท่าไหร่นักเรียนก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ อาจจะเป็นที่เค้าไม่ชอบก็ได้ แต่เค้าไปชอบ วิชา ศิลปะ เช่น การวาดรูป ร้องเพลง เป็นต้น
ดูงานที่ โรงน้ำตาลมิตรผล
ผมว่าประเทศเรา เด็กส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไรกันแน่ บางคนต้องเรียนตามใจพ่อแม่ ทั้งๆที่ไม่ชอบ หรือ เรียนตามกระแส เช่น วิศวะ หมอ พบาบาล เภสัช เป็นต้น ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอน ม.6 ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรอยากทำอะไร เลยเลือกเรียน วิศวะ เพราะคิดว่าหางานง่าย
ที่จริง อาจารย์แนะแนวสำคัญมากที่จะให้คำแนะนำกับนักเรียน ว่า เรียนคณะนี้จบมาทำอาชีพเกี่ยวกับอะไร ลักษณะงานเป็นอย่างไร บางโรงเรียนก็มีอาจารย์แนะแนวแบบนี้อยู่ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมี
งานรับปริญญาตอนอยู่ ปี 2
บางคนยิ่งหนักไปใหญ่ เพราะต้องเรียนคณะที่ไม่ชอบเพราะจะได้หาเงินมาเลี้ยงครอบครัว แต่ลึกๆแล้วตัวเองไม่ชอบอาชีพนั้นเลย อยากทำอาชีพที่ตัวเองอยากทำ แต่ทำไม่ได้เพราะครอบครัวหรือคนรอบข้างไม่เห็นด้วย ผมเองก็เป็น 55 แต่ครอบครัวเค้าก็หวังดีแหละครับ อยากให้เรามีงานทำมั่นคง
ใครที่ค้นหาตัวเองได้เร็วกว่าคนอื่นยิ่งได้เปรียบ เพราะจะได้ลงมือทำ และมีpassion ในการทำงาน
ตัวผมเองตอนนี้ก็หางานประจำทำไปด้วย รวมถึงทำงานที่ชอบ เช่น Youtube เขียน blockdit เป็นต้น เมื่อมันสามารถทำเงินได้มากกว่างานประทำ 2-3 ค่อยออกมาทำในสิ่งที่ชอบเต็มตัว
ดูงานที่Google Asia Pacific Headquarters Singapore
สู้ๆครับทุกคน ความพยายามอยู่ที่ไหน
ความสำเร็จอยู่ที่นั่นครับ
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
