Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Saran Yim
•
ติดตาม
2 ส.ค. 2019 เวลา 16:48 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ประวัติความเป็นมาของแรงม้า
คำว่าแรงม้าที่เราคุ้นเคยกันมานั้น มันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อสามร้อยกว่าปีก่อนแล้วนะ ในยุคเริ่มแรก แรงม้า คือการวัดเทียบการเครื่องจักรไอน้ำ กับการทำงานของม้า เช่น เครื่องจักรสามารถปั่นกังหันน้ำจนได้น้ำเท่ากับการใช้ม้าสองตัวมาปั่นในเวลาเท่ากัน ก็จะเรียกว่าเครื่องจักรตัวนั้น มีกำลังเท่ากับ 2 แรงม้า แต่... ถ้าให้ม้าทำงานได้เท่าเครื่องจักร ก็อาจจะต้องมีม้าเป็นสิบตัวเพื่อให้ม้าได้พักและมาสลับการทำงานด้วยนะ แล้ว จะเรียกมันว่าเครื่องจักรขนาดกี่แรงม้าดีละ
เครื่องจักไอน้ำเครื่องแรกที่มีการบันทึกไว้ ถูกสร้างโดยวิศกรชาวอียิป เมื่ศตวรรษที่ 15 หรือห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว และก็มีการพยายามสร้างเครื่องจักรไอน้ำอีกหลายรูปแบบจากหลากหลายประเทศ
จนกระทั่ง ช่วงค้นศตวรรษที่ 17 Thomas Newcomen ก็ประสบความสำเร็จในการสร้างเครื่องจักรไอน้ำทางพานิชย์หรือเรียกง่ายๆ ว่า ผลิตเครื่องจักรขายนั่นละ เครื่องจักรไอน้ำของ Newcomen ได้เปลี่ยนโลกเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะด้านการเกษตร อุตสาหกรรม ล้วนใช้งานเครื่องจักรของ Newcomen กันหมด จนกระทั้งช่วยปลายศตวรรษที่ 17 ก็มีวิศกรชือ เจมส์ วัตต์ได้ผลิตเครื่องจักรไอน้ำ ที่สามารถทำงานได้เทียบเท่ากับเครื่องของ Newcomen แต่ใช้ถ่านหินเพียงแค่ 1 ในสามส่วน
วัตต์ตะเวนขายเครื่องจักรของเค้าให้กับโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ก็ได้ผลตอบรับที่ดี แต่ปัญหาอยู่ที่ ลูกค้ากลุ่มใหญ่มากๆ ยังไม่ใช้เครื่องจักรในการผลิต ยังคงใช้แรงงานสัตว์เป็นหลักอยู่ เครื่องจักรที่ประหยัดถ่านหินได้กว่า 70% จากของเดิมก็ไม่อาจดึงดูดความสนใจจากลูกค้ากลุ่มนี้ได้
วัตต์ เลยคิดหาการโฆษณารูปแบบใหม่ เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มที่ยังใช้แรงงานจากสัตว์อยู่
วัตต์จึงเอาม้ามาหมุนระหัดวิดน้ำขนาดรัศมี 12 ฟุต ปรากฏว่าม้าหมุนได้เฉลี่ย 144 รอบต่อชั่วโมง วัตต์ก็เลยคำนวนแรงม้าออกมาได้ว่า ม้า 1 ตัวมีกำลัง 32,572 ft⋅lbf/min หรือปัดเศษไปเป็น 33, 000 ft⋅lbf/min
จริงๆ แล้วยังมีนักวิทยาศาสตร์และวิศกรอีกหลายท่านได้กำหนดแรงม้าไว้เป็นค่าต่างๆ กันอีกหลายค่า อย่างว่าละ ม้าแต่ละพันธุ์กินอาหารต่างกัน มันก็มีแรงไม่เท่ากัน แล้วแต่ว่าแต่ละท่านได้ม้าแข็งแรงหรือม้าอ่อนแอไปเป็นต้นแบบ
ในปี 1780 วัตต์เริ่มขายเครื่องจักรไอน้ำ แล้วในปี 1782 วัตต์ทำการคำนวนค่าแรงม้าออกมา แต่ประเด็นอยู่ที่ปี 1783 ประกาศก่อนได้เปรียบ วัตต์ จับมือกับ Matthew Boulton กำหนดมาตรฐาน 1 แรงม้า คือ 33,000 ft⋅lbf/min
จากประวัติความเป็นมาของแรงม้า มันเป็นหน่วยของผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงานของเครื่องจักร ไม่ใช่พละกำลังที่เครื่องจักรทำได้
สิ่งที่เราได้จากเครื่องจักรคือแรงบิด หรือ Torque มันคือแรงที่จะหมุนอะไรบางอย่าง เช่น หมุนระหัดวิดน้ำ หมุนล้อ
จากสูตรฟิสิกส์ ทอร์ค คือ แรง
แรงม้าคือกำลัง คือแรงที่ทำในระยะทางใดๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง
อธิบายให้ง่ายอีกนิด กำลังเป็นแรงม้า คือ ทอร์คคูณกับจำนวนรอบที่หมุนได้หารด้วยระยะเวลาที่หมุน ถ้ายังงงอยู่ กรุณากลับไปทบทวนวิชาฟิสิกส์กันเอาเองนะครับ
เครื่องยนต์ในรถยนต์ ก็เช่นกัน เครื่องยนต์มันผลิตได้แต่ทอร์ค มาดูเครื่องยนต์ เบนซิล กับดีเซลกันนะครับ เงื่อนไขเครื่องยนต์ขนาดเท่ากันนะ โดยปกติ เครื่องยนต์ดีเซล จะมีแรงบิดมากก่าเครื่องยนต์เบนซิล แต่รอบเครื่องก็ต่ำกว่าด้วย ถ้าเราดูแค่ค่าแรงบิด เครื่องยนต์ดีเซลมันต้องเจ๋งกว่าแน่นอน แล้วคนขายรถก็คงขายรถเบนซิลไม่ได้แน่ๆ เค้าก็เลยมาโฆษณากันด้วยผลที่ได้จากทำงานของเครื่องยนต์ ที่เรียกว่าแรงม้า แทนที่จะใช้แรงบิด เพราะว่าแรงบิดเมื่อเอามาคำนวนแล้ว เครื่องยนต์รถเบนซิลและดีเซลในท้องตลาด แรงม้าก็ถือว่าใกล้เคียงกัน
สรุปเลยละกัน เครื่องยนต์สร้างแรงบิด แต่คนขายเอาไปคำนวนหาผลที่ได้จากการทำงานของเครื่องยนต์ เรียกว่าแรงม้า เอามาโฆษณาขายรถให้เรา บางคนบอกว่าต้องดูทอร์ค ไม่ดูแรงม้า บางคนก็ขอแรงม้าไม่สนทอร์ค ที่พิมพ์มาทั้งหมดเนี๊ยะ จะบอกว่า ทั้งทอร์คและแรงม้า มันคืออันเดียวกัน เครนะ
ตอนหน้ามาต่อเรื่องของไดโน ว่าแรงบิด แรงม้าต่างๆ มันมายังไง PS, WHP, BHP คืออะไรต่างกันยังไง ที่มาที่ไป แล้วเราจะใช้อะไร โปรดติดตามตอนต่อไป
ข้อมูลอ้างอิงมาจาก Wikipedia นะครับ
3 บันทึก
27
12
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เจาะลึกไดโน
3
27
12
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย