18 ส.ค. 2019 เวลา 06:18 • ครอบครัว & เด็ก
"อย่าให้ลูกเป็นทุกอย่างในชีวิต"
โพสต์นี้ยาวหน่อย แต่อยากให้อ่านกันค่ะ
บ่อยครั้งที่แม่หมีได้มีโอกาสรับฟังปัญหาของคนรอบข้างที่เกิดจากการ "รักลูกมากเกินไป" และ "ยึดติดมากเกินไป" พอเวลาที่เกิดอะไรขึ้นที่ไม่เป็นไปดังใจหวัง ความรู้สึกเสียใจและผิดหวังที่เกิดขึ้นจึงมากมาย ขนาดที่บางคนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่เลยค่ะ
เคสล่าสุด เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ทุ่มเทและให้กับลูกแทบจะทุกอย่าง ตั้งแต่ลูกยังเล็ก ด้วยความที่ตัวเองต้องออกไปทำงาน เพราะมีร้ายขายเสื้อผ้าอยู่ใจกลางเมือง ตั้งแต่ตี 5 กว่าจะปิดร้านกลับบ้าน ก็ 3-4 ทุ่ม เลยทำให้กลัวว่าลูกจะรู้สึกขาด (ความรัก) อะไรที่ลูกอยากได้ ต่อให้แพงแค่ไหน เพื่อนคนนี้ของแม่หมี ก็จะพยายามไปหามาให้ได้ และแม่หมีมักจะได้ยิน เพื่อนบอกกับคนอื่นเสมอๆ ว่า ลูกคนนี้ เค้าคาดหวังไว้มาก เพราะเป็นลูกคนเดียว เป็นเหมือนโลกทั้งใบของเค้า ต่อให้จะต้องทำงานหนักแค่ไหน ก็จะอดทนเพื่อลูก
พอวันหนึ่งที่ลูกซึ่งเคยน่ารัก เกิดเกเรขึ้นมา ไม่อยากไปโรงเรียน โดยให้เหตุผลว่าคุณครูไม่ชอบบ้าง โดนเพื่อนแกล้งบ้าง แม่ก็ย้ายโรงเรียน จนปัจจุบันเป็นโรงเรียนที่ 4 แล้ว สุดท้าย ลูกหัวแก้วหัวแหวนมาบอกว่า ไม่อยากไปเรียนแล้ว ขี้เกียจเรียน และตัดสินใจไม่ไปโรงเรียนซะอย่างงั้น วันๆ ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่ก็เล่นเกมอยู่บ้าน...คนเป็นแม่ก็ได้แต่นั่งร้องไห้ไปขายของไป เพราะทั้งดุ ทั้งขอร้องอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่เป็นผล ความพยายามที่อุตส่าห์ทำมา ความคาดหวังต่างๆ ที่ตั้งใจ เหมือนถูกทุบให้พลังทลายตรงหน้า จนทำให้ตัวแม่เอง ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำมาหากินต่อไป... แม่หมีไม่มีคำปลอบใจใดๆ ให้เพื่อนในเรื่องนี้ค่ะ เพราะลึกๆ แล้วคงไม่มีคำปลอบใจใดที่สามารถช่วยฉุดเค้าขึ้นมาจากความรู้สึกตรงนั้นได้ และเพื่อคงไม่ได้อยากฟังด้วย จึงทำได้แค่บอกกับเค้าว่า ให้ปลงตกซะและปล่อยลูกไปสักพักก่อน โดยระหว่างนี้ ให้พยายามหากิจกรรมทำร่วมกันกับลูก อย่าปล่อยให้เค้าเล่นแต่เกม และหาวิธีสอนให้ลูกรู้ว่าหากไม่เรียนหนังสือจะมีผลอย่างไรต่อตัวเค้าในอนาคต
1
อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องภายในครอบครัวของคนที่รู้จักกันค่ะ คือ พ่อเป็นหมอ แม่เป็นหมอ เลยคาดหวังว่าลูกจะต้องเป็นหมอตามรอยเท้า เลยทำทุกอย่าง รวมถึงใช้ความเป็นพ่อแม่เพื่อควบคุมให้ลูกเดินไปในแนวทางที่วางไว้ โดยไม่รู้เลยว่าลูกรู้สึกกดดันแค่ไหน และไม่เคยถามว่าจริงๆ แล้วลูกชอบอะไร ตอนจบของเรื่องนี้ คือเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นค่ะ ...เด็กที่พึ่งเรียนจบ กำลังจะรับปริญญาและมีอนาคตที่ดี กระโดดตึกตายในวันรับปริญญา พร้อมข้อความบนจดหมายที่ทิ้งไว้ให้พ่อแม่สั้นๆว่า "ผมเรียนให้แล้วนะ ในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ"
2
เราทุกคนล้วนต่างมีชีวิตเป็นของตนเองค่ะ ลูกมีชีวิตของลูก เรามีชีวิตของเรา ไม่มีใครเป็นเจ้าของชีวิตใครทั้งนั้น อย่ายึดติด อย่าเข้าใจผิดว่าการมีลูกคือทุกสิ่งทุกอย่าง และอย่าเข้าใจผิดว่าเราคือทุกสิ่งทุกอย่างของลูกเช่นกัน นอกจากนี้ อย่าใช้ความเป็นพ่อแม่กำหนดชะตาชีวิตหรือบังคับความคิดของลูก เพราะวันหนึ่ง ลูกก็ต้องจากเราไปดำเนินชีวิตของเค้าเอง มีครอบครัวของเค้าเอง หรือสุดท้าย เราก็ต้องตายจากกันอยู่ดี
ดังนั้น จะดีกว่ามั้ยคะ ถ้าวันนี้ เราเลี้ยงเค้าด้วยความรัก ขณะเดียวกัน เราก็ต้องรักตัวเอง และรักสามีหรือภรรยา รักพ่อแม่ของเราด้วย เพื่อที่ว่าวันหนึ่ง หากเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้น โลกทั้งใบของเราจะได้ไม่ล่มสลายไปพร้อมกับมัน เพราะหัวใจของเรา ยังมีพื้นที่สำหรับสิ่งอื่นอยู่ ซึ่งทำให้เรายังต้องดำเนินชีวิตต่อไป
1
คุณสามีเคยบอกแม่หมีว่า ถ้าเรามีลูกคนเดียว แล้วเกิดลูกตายขึ้นมา เธอจะแทบไม่มีสติสัมปชัญญะและแทบจะตายตามเลยนะ เพราะเค้าเคยเจอเรื่องแบบนี้ เมื่อคราวที่มีบุคคลในครอบครัวเสียชีวิต...แม่หมีไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในตอนนั้น แต่ลึกๆ แล้ว แม่หมีตอบตัวเองได้อย่างชัดเจนว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับจอมทัพจริงๆ ต้องเสียใจมากแน่นอน และความรู้สึกเสียใจนี้คงไม่หายไปจากชีวิตง่ายๆ แต่ถึงขนาดที่จะตายตามมั้ย...คงไม่ค่ะ เพราะแม่หมียังต้องมีชีวิตอยู่เพื่อดูแลคนที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของตนเอง พ่อแม่ของสามี หรือแม้กระทั่งตัวคุณสามีและตัวแม่หมีเอง
บางที เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องสร้างเกราะป้องกันความคิดและจิตใจของตัวเองเหมือนกันนะคะ เพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น และเกราะป้องกันตัวเองที่แข็งแกร่งที่สุด คือ "การรักตัวเองให้มากๆ" และ "การมีสติ" ให้มากๆ ค่ะ
1
18 สิงหาคม 2562
แม่หมี ผู้ที่ก็ยังต้องฝึกสติและลดความยึดติดอยู่เหมือนกันค่ะ ส่วนเรื่องรักตัวเองนั้น รักมานานแล้ว 😁✌️✌️
*ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดแชร์ และฝากติดตาม Facebook เพจเลี้ยงลูกง่ายๆ สไตล์ฉันด้วยจ๊ะ ❤
โฆษณา