22 ส.ค. 2019 เวลา 12:00 • ปรัชญา
สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์
เจ้าของคลินิก 1 บาทรักษาฟรี
หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อและเรื่องราวของคลินิก 1 บาทนี้มาบ้างแล้วใช่ไหมคะ
แล้วเคยสงสัยไหมคะว่าคุณสุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์'
ผู้ก่อตั้งคลินิกแห่งนี้เป็นใคร? และอะไรที่ทำให้เขาทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์มหาศาล เพื่อช่วยเหลือคนไข้ยากไร้ โดยไม่หวังอะไรตอบแทน?
จากเด็กยากจนสู่เจ้าของธุรกิจ
คุณสุรัตน์เล่าย้อนถึงชีวิตในวัยเยาว์ให้ฟังว่า
เขาเกิดในครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน
คุณพ่อเป็นพ่อค้าแผงลอย ด้วยความที่มีลูกถึง 6 คน จึงต้องหากินชนิดปากกัดตีนถีบ รับซ่อมรองเท้าและทำรองเท้าขาย หลังกลับจากโรงเรียนสุรัตน์ก็จะมาช่วยพ่อแม่ทำงาน ความขยันอดทนทำให้ครอบครัวของเขามีฐานะดีขึ้นตามลำดับ
แต่ถึงจะยากจนอย่างไร คุณแม่ก็ไม่เคยละเลยที่จะสอนให้ลูกๆยึดมั่นในการทำความดี โดยเฉพาะในเรื่องของความซื่อสัตย์และมีศีล 5 เป็นที่ตั้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ชีวิตของเขาเจริญก้าวหน้า
และเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
เขาเริ่มทำธุรกิจครั้งแรกตั้งแต่อายุได้เพียง 16 ปี และยังเรียนอยู่ชั้นมัธยม โดยเขาลงทุนจ้างโรงงานผลิตรองเท้าออกมาขายและทำตลาดด้วยตัวเอง แม้ธุรกิจจะล้มเหลวเพราะขาดประสบการณ์ แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อ กลับนำความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนในการทำธุรกิจครั้งต่อไป
คุณสุรัตน์เคยเป็นอดีต
นายกสมาคม "ผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร"
อยู่ 3 ปี หลังจากนั้นก็ลาออกเพราะมีกิจการต้องดูแลและกิจกรรมที่อยากทำเพื่อคนอื่น
ปัจจุบันคุณสุรัตน์เป็นนักธุรกิจ
เป็นธุรกิจส่งออก มีอพาร์ทเม้นต์. อาคารให้เช่า
มีกิจการเกสต์เฮาส์ รวมถึงโรงแรมที่ชะอำ
และเป็นเจ้าของคลินิกเวชกรรมสุรัตน์ คลินิก 1บาทรักษาฟรี
คุณสุรัตน์ไม่ได้เป็นหมอแต่เขาเป็นคนก่อตั้งคลินิก ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด
แรงบันดาลใจในการทำคลินิก 1 บาท เกิดขึ้นจาก คุณแม่ของคุณสุรัตน์ไม่สบายเข้าโรงพยาบาล.
ก็เลยบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าถ้าคุณแม่หายจะเปิดคลินิกรักษาคนตลอดชีวิต ซึ่งพอคุณแม่หายก็เลยทำตามสัญญาที่พูดไว้
ปัจจุบันคลินิกแห่งนี้เปิดให้บริการมา 15 ปี แล้ว
โดยได้รับการรับรองมาตรฐานการรักษาจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้อง
ในทุกวันนี้ก็จะมี ผู้ป่วยมาขอใช้บริการวันละไม่ต่ำกว่า 40 ถึง 50 รายซึ่งก็จะมีคุณหมอจากโรงพยาบาลต่างๆหมุนเวียนกันมาประจำที่คลินิกแห่งนี้ เป็นการช่วยเหลือผู้ยากไร้และเป็นการทำบุญ
ในการรักษาคนไข้ของคลินิกนี้
ไม่ได้สนใจว่าเขาจะมีบัตรประชาชนหรือไม่มี
มีบัตรทองหรือประกันสังคมไหม
เป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติก็ได้รับการรักษา
และปฏิบัติเหมือนกันหมด
คลินิกเวชกรรมสุรัตน์
แบ่งการรักษาออกเป็น 2 ส่วน คือ
1 . ให้การรักษาโรคทั่วไป ทั้งโรคที่เกี่ยวกับหู ตา คอ จมูก เบาหวาน ความดัน เย็บแผล ให้ออกซิเจน ฯลฯ
2. ให้การรักษาผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต และหมอนรองกระดูกทับเส้น โดยใช้วิธีแบบแบบแพทย์แผนไทย เนื่องจากผู้ป่วยบางรายไม่ต้องการผ่าตัดตามแบบแพทย์แผนปัจจุบัน
คนไข้ส่วนใหญ่ที่พบมากที่สุดก็คือ พวกไข้หวัด
ปวดหัว ปวดหลัง ปวดเมื่อยตามตัว ส่วนใหญ่ก็เพราะว่าเป็นเป็นคนที่ทำงานใช้ใช้แรงงาน
เปิดคลินิกเก็บเงินแค่ 1 บาท
แล้วจะไปเอากำไรจากไหน?
อย่าพูดถึงกำไรเลยค่ะ แค่จะให้คุ้มทุนกับค่าใช้จ่ายก็ยังไม่ได้ ค่าจ้างหมอ ค่ายา ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
เดือนนึงตกไม่ต่ำกว่า 300,000 บาท
คือจริงๆแล้วคุณสุรัตน์แกอยากจะเปิดให้รักษาฟรีนั่นแหละค่ะ แต่ด้วยเรื่องของทางกฎหมายที่ต้องมีการเก็บค่ารักษาเป็นธรรมเนียม ซึ่งจะเก็บแค่บาทเดียว. แบบนี้ก็ไม่ต่างจากการรักษาแบบฟรีๆ
ส่วนกำไรที่ได้รับคือความอิ่มใจที่ได้เป็นผู้ให้ได้ทำบุญให้แก่คนยากไร้ได้รับการรักษา
มีเคสที่ประทับใจคือ
มีคนต่างชาติโดนหลอกเงินหมดกลับประเทศไม่ได้ ก็ได้ประสานกับสถานทูตแล้วก็สามารถส่งตัวกลับไปได้
้อีกคนก็เป็นต่างด้าวซึ่งไม่สบายแล้วก็เขาพิการ
มีอาชีพรับจ้างเช็ดรถล้างรถแท็กซี่ได้ค่าแรงวันละ 50 บาท มือขวาพิการ มือซ้ายทำงานแล้วก็เป็นฝี
คุณหมอบอกว่าต้องผ่าตัดใหญ่ ก็เลยส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล หมดค่ารักษาไป 4-5 หมื่นบาท
ปัจจุบันก็รับเขาทำงานเป็น รปภ. มีที่พักให้และให้ค่าแรง วันละ 300 กว่าบาท
ปัจจุบันนอกจากจะเปิดคลินิกรักษากายแล้วก็เปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมรักษาใจ. และจะมีโรงทานทุกๆวันอาทิตย์ออกโรงทานนอกสถานที่ การบริจาค
วีลแชร์ก็สำคัญถ้านับตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันครั้งนี้เป็นครั้งที่ 194
แต่การเปิดคลินิกรักษาฟรีให้แก่ผู้ป่วยที่ยากไร้
ไม่ได้มีแต่เสียงชื่นชมอย่างเดียว เพราะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนที่ไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็น
คำครหาว่าทำบุญเอาหน้า มองว่าต้องการสร้างฐานเสียงเพื่อเตรียมเล่นการเมือง ขณะที่บางคนถึงขั้นกล่าวหาว่า ทำคลินิกรักษาฟรี เพื่อฟอกเงิน!
ซึ่งในช่วงแรกก็ทำให้คุณสุรัตน์รู้สึกท้อแท้อยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความที่ชอบศึกษาธรรมะ คุณสุรัตน์จึงนำหลักธรรมคำสอนมาปรับใช้ ทำให้สามารถปล่อยวางกับคำติฉินนินทาเหล่านั้นได้
หากวันไหนคุณสุรัตน์มีเวลาว่าง ก็จะเข้าไปช่วยพยาบาลวัดไข้ ตรวจความดัน ชั่งน้ำหนัก
ทำประวัติคนไข้ และสอบถามถึงการรักษาที่ผ่านมาว่าได้ผลอย่างไร รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการกินยา การทานอาหาร การออกกำลังกายให้ถูกวิธี
นอกจากนั้น บางครั้งเขายังแนะนำธรรมะให้กับคนไข้ที่มีปัญหาเครียดจากอาการป่วยหรือมีปัญหาชีวิตครอบครัวด้วย
สิ่งที่หล่อเลี้ยงให้คลินิกเวชกรรมสุรัตน์เปิดดำเนินการมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ และจะเปิดดำเนินการต่อไป นอกเหนือจากกำลังใจจากผู้คนมากมาย
ที่เข้ามาใช้บริการในแต่ละวันแล้ว ก็คือความสุขจากการได้เห็นเพื่อนมนุษย์มีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่แข็งแรง อันเป็นพรอันประเสริฐ ตามแนวพระพุทธพจน์ที่ว่า "อโรคยา ปรมา ลาภา ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ"
จากการทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ตลอดจนถึง
ทุนทรัพย์ปีละหลายล้านบาทโดยไม่เสียดาย
ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า สุรัตน์ได้อะไรจากการเปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมและเปิดคลินิกรักษาฟรี
คุณสุรัตน์บอกว่า
สิ่งที่คุณสุรัตน์ได้มากที่สุดคือความปลื้มปีติ
ทุกครั้งที่ได้เห็นคนที่เขาช่วยเหลือ มีความสุขขึ้น มันรู้สึกอิ่มใจ บางคนที่รักษาไปแล้วก็กลับมาหา
เอาขนมเล็กๆน้อยๆมาฝาก บางคนบอกว่ามาหลายหนแล้วไม่เคยเจอคุณสุรัตน์เลย อยากจะมาขอบคุณที่ช่วยให้เขาหายจากความเจ็บป่วย
สิ่งเหล่านี้มันทำให้มีความสุข
คือ ความสุขของคนเรามันไม่เหมือนกันนะ
บางคนชอบกินอาหารหรูๆ บางคนชอบไปเที่ยวต่างประเทศ บางคนชอบรถรุ่นใหม่ๆ ก็เปลี่ยนรถอยู่นั่นแหละ บางคนมีบ้านใหญ่โตแล้วก็อยากได้ที่มันใหญ่กว่าเดิม
แต่สำหรับคุณสุรัตน์ ที่มีอยู่มันพอแล้ว ก็เลยอยากแบ่งปันให้คนอื่น ช่วยให้เขามีความสุขทางกายและความสุขทางใจ ทางกายก็คือการเปิดคลินิกรักษาฟรี ส่วนทางใจก็คือการเปิดศูนย์ปฏิบัติธรรม
ปกติคุณสุรัตน์ก็ไม่ได้ใช้เงินอะไรมากมาย
ไม่ชอบเที่ยว ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ได้ใช้ของอะไรฟุ่มเฟือย ถือศีล 5 เป็นปกติ
ใน 1 สัปดาห์จะกินมังสวิรัติ 3 วัน
แล้วทุกเดือนคุณสุรัตน์กับภรรยาก็จะไปรักษาศีล 8 ที่วัด
ไปลดอัตตาของตัวเอง เพราะทรัพย์สินเงินทองมันยึดตัวตนของเราไว้ว่า ตัวกูของกู บ้านกู รถกู พอเราละได้ว่า ของพวกนี้มันก็ไม่มีความหมายอะไรมากนัก เราก็จะมีความสุข
คลินิกเวชกรรมสุรัตน์
ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 98 ถ.รามบุตรี ตรงข้ามโรงแรมเวียงใต้ บางลำพู แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทร. 087-082-9707-8
เวลาให้บริการ
วันจันทร์ อังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ เวลา 17.00 - 21.00 น. และเสาร์- อาทิตย์ เวลา 09.00 - 13.00 น.
(หยุดทุกวันพุธและวันนักขัตฤกษ์)
ศูนย์ปฏิบัติธรรม ‘สุรัตนธรรม’
ตั้งอยู่ที่ อาคารปฏิบัติธรรม เลขที่ 107-119 ถนนจักรพงษ์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทร. 0-2282-5541 (ตรงข้ามกับร้านสหกรณ์กรุงเทพ บางลำพู)
ในยุคที่เศรษฐกิจย่ำแย่ก็ยังมีคนใจดีช่วยเหลือ
คนยาก คนจน หรือคนต่างด้าวที่ไม่มีเงินไปหาหมอเวลาเจ็บไข้
ที่คลินิกเวชกรรมสุรัตน์จ่ายเงินค่ารักษาแค่บาทเดียวแต่ก็ได้รับการรักษา ดูแล เหมือนรักษา
ในโรงพยาบาลหรือคลินิกอื่นที่ต้องจ่ายเงินแพงๆ
แอดไม่ได้บอกว่าคลินิกอื่นที่ต้องจ่ายค่ารักษาแพงไม่ดีนะคะเพราะค่ายาบางตัวก็ไม่ได้ถูก แต่บางทีมันอาจจะแพงเกินไปจนกลายเป็นข้อจำกัดในการไปหาหมอของคนที่ไม่ได้มีเงินมากนัก
ถึงแม้ว่ารัฐจะมีนโบายบัตรทอง 30บาทรักษาทุกโรคแต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการใช้สิทธิอยู่
นอกจากสิทธิประกันสุขภาพการรักษาแล้ว
สิ่งที่ทางรัฐควรส่งเสริมเรื่องอุปกรณ์การแพทย์ด้วยเพราะมีหลายพื้นที่ที่เขาขาดแคลนและต้องการเป็นอย่างมาก
หากรอให้พี่ตูนวิ่งรับเงินบริจาคแล้วเอาเงินบริจาคไปซื้อแล้วนำมามอบให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลน แอดเกรงว่ากว่าจะครบพี่ตูนอาจจะต้องวิ่งจนแก่ก็เป็นได้
ในสังคมสมัยนี้ที่ชีวิตต้องด้นรนเพื่ออยู่รอดจะมีสักกี่คนที่ทำเพื่อคนอื่น
แม้ว่าเราจะไม่ได้มีเงินมีกำลังที่จะทำมากเหมือน
คุณสุรัตน์หรือคนที่เขามีฐานะทำ
แต่การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่จำเป็นต้องช่วยด้วยการใช้เงิน เราก็สามารถใช้แรงหรือแม้กระทั่งคำพูด ข้อความที่ให้กำลังใจผู้อื่น แม้จะเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น
เรียบเรียง
~มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก~
ขอบคุณภาพและข้อมูล
นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 154 ตุลาคม 2556
โดย กฤตสอร

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา